ตอนที่ 127 ข้าเพียงแค่สงสารเจ้า

ปฏิญญาค่าแค้น

เรื่องราวของหรูปี้เสมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกโยนลงสู่ก้นบึ้งของแม่น้ำ จนก่อให้เกิดเป็นคลื่นลูกน้อยๆ และไม่ทันใดพื้นผิวน้ำก็กลับมาสงบนิ่งดั่งเดิม 

 

 

ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าวอีก ปีใหม่ที่ใกล้เข้ามาพร้อมกับความวุ่นวายและความสุขสันต์ของการเฉลิมฉลองดูเหมือนจะช่วยชะล้างความทรงจำของผู้คนเกี่ยวกับเรื่องไม่พึงประสงค์เหล่านี้ให้เจือจางจนกระทั่งลืมเลือนกันไปแล้วด้วยซ้ำ 

 

 

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการแสดงออกภายนอกเท่านั้น สำหรับหญิงชราภายในจิตใจของนางยังคงเจ็บปวดที่หลานชายหรือหลานสาวถูกกำจัดทิ้ง หลี่หมิงเจ๋ออาจยังคงคะนึงถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของคนที่เคยได้กกกอด ติงหลั้วเหยียนยังคงจดจำปี้หรูซึ่งเป็นผู้หญิงที่เกือบทำลายความสุขของนางและหลินหลันก็รู้สึกขอบคุณปี้หรูอย่างมาก เพราะปัญหาครั้งนี้ที่นางก่อส่งผลไปถึงกฎระเบียบประจำบ้านที่หญิงชราเพิ่งสร้างมันขึ้นมา หญิงชราไม่ให้ติงหลั้วเหยียนคอยปรนนิบัติระหว่างรับประทานอาหารอีก และเพื่อแสดงให้เห็นว่านางเป็นคนยุติธรรมคนหนึ่ง จึงต้องปฏิบัติต่อหลานสะใภ้ทั้งสองอย่างเท่าเทียม หลินหลันจึงได้ผลพลอยได้ไปด้วย วันคืนที่ผ่านมาจึงผ่อนคลายขึ้นไปกว่าเดิมอย่างมาก 

 

 

ดังนั้น เวลานี้หลินหลันซึ่งกำลังอยู่ในบ้านสวนขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง มองดูคนที่กำลังนั่งอยู่บนแท่นนั่งเตาพิงด้วยความเวทนา 

 

 

ก่อนหน้านี้หลินหลันไม่เคยพบเห็นปี้หรูมาก่อน จึงไม่รู้ว่านางมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร ทว่าสามารถทำให้คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่หลงใหลได้ปานนั้น คงต้องมีมารยาและทรงเสน่ห์อยู่ไม่น้อยกระมัง! ทว่าผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้านางเวลานี้มีผิวที่ซีดเซียว ดวงตาหม่นหมองและผมเพร้ายุ่งเหยิง ดูไม่เหมือนอย่างที่นางคิดเลยสักนิด 

 

 

แต่ก็คงไม่แปลก คนที่เพิ่งผ่านประตูขุมนรกมา จะให้ดูดีไปได้ขนาดไหนเชียว 

 

 

เรื่องรางเป็นไปดั่งที่นางคาดการณ์ไว้ว่าแม่มดชราจะลงมืออย่างแน่นอน แต่คาดไม่ถึงว่าแม่มดชราจะลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมปานนี้ ไม่เพียงแต่วางยาขับเด็กให้ปี้หรูกินจนเด็กหลุดออกมาในที่สุด แล้วยังนำนางที่หมดสติลากไปฝังทั้งเป็น หากมิใช่นางส่งคนไปสะกดรอยตามแม่มดชรา ปี้หรูคงจะได้เหลือแต่วิญญาณแล้วจริงๆ 

 

 

“เจ้าโง่เขลาอย่างยิ่ง” หลินหลันเอ่ยขึ้น 

 

 

นัยน์ตาของปี้หรูเผยให้เห็นความรู้สึกที่ต้องการโต้แย้ง เป็นฮูหยินต่างหากที่ใจอำมหิตเกินไป 

 

 

“เดิมทีเจ้าสามารถสมดั่งปรารถนาได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าใจร้อนเกินไปจนเลือกโอกาสผิดเวลาร่ำเวลา ต้าเส้าเหยียแต่งงานกับต้าเส้าหน่ายนายได้เพียงไม่ถึงปีก็จะให้รับอนุภรรยา ว่าตามเหตุและผลมันฟังไม่ขึ้นเสียเลย เช่นนั้นจะให้ตระกูลติงจะไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไรกัน แล้วคิดหรือว่าตระกูลหลี่จะกระทำผิดต่อตระกูลติงเพียงเพื่อสาวใช้คนเดียว” 

 

 

“ทว่าในเด็กในท้องที่ข้าตั้งครรภ์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลี่…” ปี้หรูลูบหน้าท้องที่หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า ทันใดนั้นหยาดน้ำตาก็ไหลรินลงมาเป็นสายธาร 

 

 

หลินหลันแสยะยิ้ม “ที่พูดก็ถูกอยู่! ทว่าเป็นเพียงทารกในระยะแรก ใครจะสนใจกันเล่า หากเจ้าฉลาดสักนิด แอบอยู่ข้างนอกเพื่อให้กำเนิดเด็กมาเสียก่อน แล้วค่อยหาโอกาสอันเหมาะสมนำเด็กไปหานายใหญ่ของตระกูลหลี่ทั้งสองท่าน บางทีความปรารถนาของเจ้าอาจสามารถสมหวังก็ย่อมได้” 

 

 

ปี้หรูยกสองมือขึ้นปกปิดใบหน้าที่กำลังร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเสียใจ เดิมทีนางคิดว่าตนเองจะสามารถเอาชนะได้เพราะมีเด็กในท้องเป็นตัวต่อรอง และมีคำสาบานของคุณชายใหญ่เลยไม่ทันได้คาดคิดมาก่อน จนกระทั่งชามอาหารที่มียาขับเด็กผสมลงไปตกไปอยู่ในท้องนางเป็นที่เรียบร้อย ตระกูลหลี่ไม่เพียงแต่ต้องการพรากชีวิตลูกของนางแล้วยังต้องการเอาชีวิตของนางด้วย 

 

 

“เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วภายหลังก็หัดฉลาดให้มากขึ้นหน่อย มั่นใจในตนเองเกินไป จนสบประมาทศัตรู จึงไม่ต่างจากการเอาชีวิตไปทิ้งอย่างง่ายดาย เจ้าพักรักษาตัวให้สบายใจอยู่ที่นี่ รักษาร่างกายให้แข็งแรงก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ข้าจะส่งคนมาคอยดูแลเจ้า หากเจ้าไม่รักชีวิตและรนออกไปหาที่ตาย เช่นนั้นข้าก็คงไม่อาจช่วยเจ้าได้เป็นครั้งที่สอง” หลินหลันเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย 

 

 

ดวงตาทั้งสองข้างของปี้หรูเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา นางมองไปที่หลินหลันอย่างหวาดระแวง “เหตุใดเอ้อร์เส้าหน่ายนายถึงช่วยชีวิตข้าหรือเจ้าคะ” 

 

 

หลินหลันจะบอกออกไปตามตรงว่าศัตรูของแม่มดชราก็คือสหายของนางคงไม่ได้ นอกจากนั้นนางจะไว้วางใจผู้อื่นอย่างง่ายดายไม่ได้เป็นอันขาด 

 

 

หลินหลันเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้าเพียงแค่รู้สึกสงสารเจ้า” สิ้นประโยคนางก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป 

 

 

“ป้าอู๋ ช่วยต้มยาเหล่านี้และให้นางกินตามเวลาที่กำหนดทุกวัน” หลินหลันกล่าวสั่งการ ป้าอู๋เป็นมารดาของจิ่นซิ่ว นางขอความช่วยเหลือจากท่านลุงให้พาบิดาและมารดาของจิ่นซิ่วมาช่วยงาน ซึ่งเรื่องตบแต่งร้านในตอนนี้มอบให้เป็นหน้าที่บิดาของจิ่นซิ่วดูแลเป็นการชั่วคราว และเรื่องการดูแลปี้หรูประเภทนี้จะมอบให้ผู้อื่นรับผิดชอบก็ไม่อาจวางใจได้ ไม่แน่ว่าหมากตัวนี้อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในภายภาคหน้าก็เป็นได้ 

 

 

“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย มิต้องหาอีกสักคนมาคอยดูนางไว้จริงๆ หรือเจ้าคะ” ป้าอู๋ชายตามองไปที่ประตูห้อง 

 

 

หลินหลันกล่าวเสียงหวาน “นางได้ตายไปแล้วหนึ่งครา หากยังไม่ฉลาดขึ้นมา คนประเภทนี้เอาไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อันใดมากมาย” 

 

 

หลังออกมาจากบ้านสวนขนาดเล็ก หลินหลันนั่งรถม้ากลับไปยังเมืองหลวง โดยมุ่งไปยังร้านค้าที่ท่านลุงมอบให้เป็นอันดับแรก เพื่อดำเนินการตรวจสอบการตกแต่งว่าไปถึงไหนรวมไปถึงเรื่องการเตรียมสินค้า 

 

 

ร้านค้านี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนาง นางจึงสามารถทำอันใดได้ตามที่ใจต้องการ เดิมทีหลินหลันยังติดใจกับร้านค้าสิบแปดห้องทางด้านตงจื๋อเหมินนั่น คิดไว้ว่ารอครบสัญญาเช่าเมื่อใดค่อยทวงกลับคืนมาเปิดร้านยา ทว่าเมื่อได้ฟังแผนการของหลี่หมิงอวินแล้วก็คิดว่าแผนการของเขามีความเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากประการแรกคือ ด้วยวิธีการทางอ้อมดังกล่าวจะช่วยให้ลดการปะทะโดยตรงกับแม่มดชราและพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย การไปทวงสิ่งเหล่านี้กับพวกเขาโดยตรง ไม่ต่างจากการควักหัวใจคนไร้ยางอายทั้งสองแล้วมีหรือพวกเขาจะยินยอมโดยง่ายดาย ทั้งยังเกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะได้คำว่าลูกอกตัญญูตราหน้ามาด้วย ประการที่สอง สามารถทำให้แม่มดชราระมัดระวังตัวน้อยลง ซึ่งจะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินแผนการ ดังนั้นเรื่องตงจื๋อเหมินทางด้านนั้น หลินหลันจึงไม่เก็บเอามาใส่ใจชั่วคราวแล้วหันเหความสนใจมายังร้านค้าด้านนี้แทน เตรียมว่าปีหน้าก็จะเปิดร้านยาขึ้นมา แม้ว่าการเตรียมยาเออเจียวจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย ทว่านางก็มียาเป็นของตนเองหลายตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะยาเป่าหนิง ด้วยการแนะนำต่อๆ ไปโดยเฉียวอวิ๋นซี นางจึงกลายเป็นผู้มีเสียงขึ้นมาเล็กน้อยในแวดวงชนชั้นสูงแห่งเมืองหลวง 

 

 

เหล่าอู๋เมื่อเห็นนายหญิงสะใภ้รองมาถึง จึงวางภาระงานในมือลงแล้วรีบเข้ามารายงานสถานการณ์ให้นางรับทราบทันที 

 

 

“งานไม้เสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ โดยในพรุ่งนี้ช่างทาสีน้ำมันจะเข้ามาหน้างานขอรับ เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านมาดูนี่หน่อยขอรับ ตู้ยานี้ทำตามแบบในกระดาษที่ท่านกำหนดไว้ แล้วยังประกอบบันไดเคลื่อนที่เข้าไปด้วย บ่าวได้ลองใช้การดูแล้ว เป็นประโยชน์อย่างยิ่งขอรับ” เหล่าอู๋เอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบาน 

 

 

หลินหลันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อมองไปยังงานไม้เหล่านั้นที่ทำด้วยความประณีตขั้นสูง “เยี่ยมมาก รบกวนเจ้าด้วย” 

 

 

“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเชื่อมั่นในตัวบ่าว บ่าวจะทำสุดแรงกายแรงใจแน่นอนขอรับ” 

 

 

หลินหลันยิ้มอ่อน การแสดงซื่อสัตย์และความจงรักภักดีด้วยวาจาอาจเป็นทักษะอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามนางยังคงให้ความสำคัญกับการกระทำมากยิ่งกว่า เดิมทีเหล่าอู๋เป็นข้ารับใช้ของนางเยี่ย เรื่องความซื่อสัตย์และจงรักภักดีนี้จงสามารถเชื่อถือได้โดยไม่ต้องสงสัย ตอนนี้ที่นางต้องการเห็นคือความสามารถของเขาต่างหาก 

 

 

“ติดต่อกับผู้ขายวัตถุดิบยาสมุนไพรเรียบร้อยแล้วหรือไม่” หลินหลันเดินไปเอ่ยถามไป 

 

 

เหล่าอู๋เดินขึ้นไปเบื้องหน้าเพื่อช่วยย้ายชั้นไม้บางส่วนและเตะท่อนไม้ที่ขวางทางเดินออกไปพลางกล่าวขึ้น “ผู้จัดหาสินค้าจำนวนหนึ่งที่นายท่านแนะนำมาล้วนติดต่อไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ โดยจะเจรจากันที่โรงเตี๊ยมจูอี้เซียงในวันมะรืนนี้ นายท่านเอ่ยว่าหากเอ้อร์เส้าหน่ายนายต้องการความช่วยเหลือให้แจ้งได้เลยขอรับ เมื่อถึงเวลาเขาจะออกโรงด้วยตนเองหรือให้คุณชายใหญ่มาเป็นผู้ช่วยก็ได้ขอรับ” 

 

 

หลินหลันครุ่นคิดก่อนจะกล่าวออกไป “ไม่ดีกว่า คนเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของท่านลุงทั้งนั้น คนคุ้นเคยกันบางครั้งกลับพูดคุยไม่สะดวกใจเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราไปเจรจากันด้วยตนเองจะดีกว่า เรื่องราคาข้าเองก็พอรู้อยู่แล้ว” 

 

 

เหล่าอู๋กล่าวอย่างเห็นด้วย “เอ้อร์เส้าหน่ายนายพูดได้ถูกต้องอย่างยิ่งขอรับ” 

 

 

“ห้องส่วนตัวที่โรงเตี๊ยมจูอี้เซียงได้จับจองไว้แล้วหรือไม่” หลินหลันเอ่ยถาม 

 

 

“จองไว้แล้วขอรับ” 

 

 

“เช่นนั้นก็ดี ไว้ถึงเวลาเจ้าออกหน้าเจรจาแล้วกัน” หลินหลันกล่าว 

 

 

เหล่าอู๋มีสีหน้าลำบากใจ “เอ้อร์เส้าหน่ายนายขอรับ…เรื่องประเภทนี้ บ่าวยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักขอรับ” มีคำกล่าวที่ว่าต่างอาชีพต่างความรู้ความเข้าใจ แม้เขาจะเคยดูและไร่สวน เคยจัดการเรื่องต่างๆ ในร้านผ้าไหม ทว่าเรื่องวัตถุดิบยาทางสายงานนี้ ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยแม้แต่น้อย 

 

 

หลินหลันเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “เจ้ามิต้องกังวลไป ไว้ถึงเวลาข้าก็ไปด้วยเช่นกัน เจ้าออกหน้าและทำตามสายตาข้าที่คอยส่งสัญญาณให้ก็เป็นพอ” 

 

 

เหล่าอู๋ได้ยินดังกล่าวถึงรู้สึกโล่งใจ “เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาขอรับ” 

 

 

ภายในร้านเต๋อเหรินถาง 

 

 

หมอตรวจอาการป่วยซึ่งเยาว์วัยมาที่สุดในเต๋อเหรินถาง และยังเป็นหมอวัยหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ฮว๋าเหวินไป่ผู้สืบทอดรุ่นที่สิบสามของเต๋อเหรินถางกำลังเขียนใบสั่งยา ขณะนั้นเองมีผู้ร่วมงานคนหนึ่งเข้ามากระซิบกระซาบข้างใบหูของเขา 

 

 

ฮว๋าเหวินไป่ชะงัก คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันแล้วเอ่ยถาม “มองละเอียดแล้วหรือ” 

 

 

“มองอย่างละเอียดแล้วขอรับ เป็นฮูหยินสาวท่านนั้นไม่มีผิดขอรับ วันนี้นางเข้าไปในร้าน…” 

 

 

ฮว๋าเหวินไป่ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เขาหยุดพูด แล้วหันไปเขียนใบสั่งยาด้วยความเร็วสูงก่อนจะส่งมอบให้ผู้ป่วย หลังจากนั้นถึงลุกขึ้นแล้วเข้าไปยังห้องโถงด้านหลังโดยมีสหายร่วมงานผู้นั้นตามเข้าไปติดๆ 

 

 

“ข้าน้อยตามรถม้าไป เห็นว่ารถม้านั่นเข้าไปยังจวนของท่านรองเสนาบดี…จวนหลี่ท่านรองเสนาบดีกรมคลังขอรับ” 

 

 

ฮว๋าเหวินไป่ไพล้มือไว้ด้านหลังขณะมองไปยังรูปภาพบรรพบุรุษบนกำแพง ฮูหยินสาว…จวนหลี่…หรือว่านั่นก็คือท่านที่ช่วยภรรยาท่านจิ้งปั๋วโหว์รักษาชีวิตเด็กในครรภ์และยังช่วยทำคลอดให้ด้วย วันก่อนเขาเดินผ่านถนนไป่ซุ่น มองเห็นร้านค้าหนึ่งกำลังตกแต่งก็เลยมองสังเกตเป็นพิเศษ แล้วก็พบว่าด้านในร้านนั้นมีตู้ยาขนาดใหญ่หนึ่งตู้ รูปแบบร้านยานี้ดูท่าไม่ใช่ขนาดย่อม ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงไปสอบถามผู้จัดหาวัตถุดิบยาจำนวนหนึ่งแล้วก็ได้รู้ว่ามีคนติดต่อพวกเขาเพื่อจัดหาวัตถุดิบยาจริงๆ ทว่ารายละเอียดว่าเป็นผู้ใดยังคงไม่ทราบแน่ชัด 

 

 

ดังนั้น เขาเลยให้ผู้ร่วมงานไปสอดส่องทางด้านนั้น เพื่อดูว่าเจ้าของร้านเป็นผู้ใดกันแน่ เต๋อเหรินถางยังคงขึ้นชื่อว่าเป็นร้ายเก่าแก่นับร้อยปี เป็นทั้งผู้นำกิจการทางด้านนี้ในเมืองหลวงและเออเจียวของเต๋อเหรินถางยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกล ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบชั้นกับตระกูลฮว๋าซึ่งเป็นหมอหลวงประจำราชวงศ์ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาสามชั่วอายุคน ดังนั้น เขาหาได้เกรงกลัวว่ากิจการจะโดนคุกคามไม่ บนโลกนี้มีผู้สามารถรักษาชีวิตผู้อื่นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างสูง เขาเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจเท่านั้น ตอนนี้ได้รับรู้แล้วว่าเจ้าของร้านคือลูกสะใภ้รองแห่งตระกูลหลี่ ทว่าความประหลาดใจของเขายังคงไม่จางหาย เพราะผู้เป็นบิดาก็เคยตรวจอาการให้ภรรยาของท่านจิ้งปั๋วโหว์มาก่อน และคิดว่าจากอาการแล้วไม่สู้ดีนัก ความเป็นไปได้ที่จะรักษาชีวิตเด็กในครรภ์เอาไว้มีน้อยมาก แทบจะไม่มีความมั่นใจเลยด้วยซ้ำ เขาเชื่อมั่นในทักษะการรักษาของบิดามาโดยตลอด ในเมื่อบิดาพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็เรื่องเข้าใจว่าคงไม่มีความเป็นไปได้แล้วจริงๆ ทว่าสะใภ้รองของตระกูลหลี่กลับสามารถทำได้ นี่มิเท่ากับว่า ทักษะการรักษาของนางเหนือชั้นกว่าบิดาของเขาหรอกหรือ อีกทั้งเขายังได้ยินมาว่า สะใภ้รองตระกูลหลี่ยังมียาเม็ดเป่าหนิงซึ่งเป็นตัวยาที่ผสมขึ้นมาด้วยตนเอง ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่นอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืดและเป็นกรดไหลย้อน คลื่นไส้อาเจียน ตลอดจนเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีประสิทธิผลอย่างน่าอัศจรรย์ ฮว๋าเหวินไป่อยากพบเจอสะใภ้รองตระกูลหลี่ท่านนี้อย่างยิ่งเพื่อให้นางช่วยแนะนำสั่งสอน 

 

 

วันมะรืนพวกเขาจะเจรจาเรื่องการจัดหาวัตถุดิบ สะใภ้รองท่านนี้จะไปด้วยหรือไม่ 

 

 

เมื่อหลินหลันกลับไปถึงจวนหลี่ เห็นเพียงนายซุนพาบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมา นายซุนแสดงท่าทางให้ความเคารพและมีสีหน้าซึ่งเผยให้เห็นความเอาอกเอาใจอย่างยิ่ง 

 

 

เมื่อเห็นหลินหลัน นายซุนจึงคาราวะให้นางอย่างมีมารยาทพร้อมกับกล่าวขึ้น “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย” 

 

 

หลินหลันพยักหน้าให้เล็กน้อย ถือเป็นการตอบรับตามมารยาท แล้วเดินผ่านพวกเขาไปและนางก็รู้สึกได้ว่าบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมองตามมาไม่วางตา 

 

 

หลินหลันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย คนผู้นี้ช่างไร้มารยาทสิ้นดี มีที่ไหนกันเที่ยวจ้องผู้มองอื่นปานนี้ 

 

 

ทันใดนั้นนางแอบได้ยินเสียงพูดของนายซุนดังขึ้นมา “เรื่องนี้ อีกเดี๋ยวข้าค่อยพูดกับฮูหยินให้ คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา” 

 

 

ชายวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉยและแฝงไว้ซึ่งความหยิ่งผยอง “เพราะเห็นแก่หน้าเจ้า ข้ารอได้มากสุดอีกแค่สองวันเท่านั้น ต้องรู้ไว้ด้วยว่านี่เป็นโอกาสทองอันหาได้ยากยิ่ง ต้องการแค่คนมีเงินมาเข้าร่วมเท่านั้น…” 

 

 

นายซุนกล่าวอย่างเอาอกเอาใจ “อยู่แล้วๆ ข้าจะพยายามสุดความสามารถ” 

 

 

หลินหลันรู้สึกตงิดใจขึ้นมาทันที หรือพวกเขากำลังพูดคุยถึงเรื่องนั้นที่หมิงอวินได้เอ่ยไว้