บทที่ 106 ตอนนี้เรียกปู่ยังทันหรือไม่

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 106 ตอนนี้เรียกปู่ยังทันหรือไม่
ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

บนเสายักษ์สิบต้นขยับสายฟ้าวูบไหว

เงามายาสัตว์เทพควบรวมออกมาดั่งของจริง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งบนบัลลังก์ ทั่วร่างอาบด้วยสายฟ้าประกายเซียน

นักพรตชรายืนอยู่ด้านล่างวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยอาการร้อนใจจนหน้าแดงหูแดงไปหมด

“ศิษย์น้อง นี่เจ้า…นี่ๆๆ เจ้ามันไร้เหตุผล! ตอนแรกตกลงกับข้าแล้วไงว่าจะให้ยอดเขาวิญญาณข้าลูกหนึ่ง ข้าเพิ่งกลับไปถึงนึกออก เขาวิญญาณล่ะ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “ใช่ ตอนแรกพูดไว้เช่นนั้น คุยกันเรียบร้อยแล้วว่าท่านจะใช้จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์แลกกับผลึกวิญญาณพันห้าร้อยก้อนและยอดเขาวิญญาณหนึ่งลูก”

นักพรตชราทำเสียงขึ้นจมูก “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดศิษย์น้องรองถึงกลับคำเอาตอนนี้ มีเหตุผลเช่นนี้ที่ไหนกัน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยนิ่งๆ “ตอนนั้นที่ตกลงกัน ศิษย์พี่ไม่ได้ให้จี้มังกรพยัคฆ์กับข้า ให้เพียงมรดก ดังนั้น ข้าจะถือว่าศิษย์พี่ปฏิเสธข้อตกลงนั้น”

คำพูดนิ่งๆ ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตโกรธจนปากกระตุก

เขาทำเสียงขึ้นจมูกว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้จี้มังกรพยัคฆ์อยู่นี่ ทำข้อตกลงกันต่อได้หรือไม่”

เอ่ยจบ นักพรตชราก็หยิบจี้มังกรพยัคฆ์มาจากอกเสื้อ ก่อนจ้องเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เขม็ง

สายฟ้าประกายเซียนปกคลุมอย่างหนาทึบ ในน้ำเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ “ครั้งนี้ข้าขอปฏิเสธ ข้าเรียนมรดกเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม เคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีและเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ฉบับสมบูรณ์ได้แล้ว

จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์นี่ไม่ได้มีความหมายกับข้ามากนักแล้ว ถ้าศิษย์พี่ชอบก็เก็บเอาไว้เถอะ!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหน้าเขียวปัดก่อนจากเขียวกลายเป็นดำ “ศิษย์น้อง เจ้าเสียคนไปแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าบอกไม่ใช่รึว่าจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์เป็นสิ่งยืนยันของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “แต่ข้าคิดว่าศิษย์พี่พูดมีเหตุผล จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์หายสาบสูญไปหมื่นปี ข้าไม่ใช่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนแรกที่ไม่มีสิ่งยืนยันสักหน่อย”

นักพรตชรางุนงง

…….

นักพรตชราสูดลมหายใจเข้าลึก “เจ้าไม่กลัวว่าศิษย์พี่จะเอาจี้หยกคู่นี้ไปขายรึ”

สายฟ้าประกายเซียนเกิดคลื่นเล็กน้อย เสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงเฉยชา “ศิษย์พี่ไม่ขายหรอก และก็ไม่มีใครกล้าซื้อด้วย ผลึกวิญญาณพันห้าร้อยก้อน ส่งจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์คืนมา และข้าจะอนุญาตให้ท่านสอนวิชาหลอมกายให้เทียนเอ๋อร์ด้วย แบบนี้ ศิษย์พี่จะถือว่าเป็นอาจารย์ของเทียนเอ๋อร์ครึ่งหนึ่ง ศิษย์พี่ว่าอย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูด “ข้าไม่เชื่อบุตรแห่งโชคอะไรนั่น! เอาอย่างนี้! ผลึกวิญญาณสองพันก้อน เจ้าเอาจี้ดวงซวยคู่นี้ไป”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า ก่อนมีแหวนเก็บของวงหนึ่งลอยมาจากกลางสายฟ้าประกายเซียน

“ตกลง หวังว่าภายภาคหน้าเทียนเอ๋อร์ยิ่งใหญ่ขึ้นมาแล้ว ศิษย์พี่จะไม่สำนึกเสียใจแล้วกัน”

ผู้อาวุโสบัวมรกตหัวเราะลั่นก่อนจะเก็บแหวนเก็บของไป “สำนึกเสียใจรึ ตลก ศิษย์พี่ยังยืนยันคำเดิม ถ้าข้าสำนึกเสียใจที่ไม่รับเขาเป็นศิษย์ ข้าจะเป็นหลานของเจ้า!”

เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสบัวมรกตก็ปาจี้มังกรพยัคฆ์ตรงอกเสื้อให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะหมุนตัวจากไป

ทว่าทันใดนั้นเองมีเสียงบุรุษดังมาจากนอกวิหาร “อาจารย์ ศิษย์มาขอพบ”

พอได้ยินเสียงเสิ่นเทียนมาขอพบ ผู้อาวุโสบัวมรกตเผยรอยยิ้มหยอกล้อ “ศิษย์เจ้ามาแล้ว เจ้าเดาสิว่าเขามาหาเจ้าด้วยเรื่องใด จะใช่ที่ไม่ยอมโดนเจ้าหลอกให้เป็นศิษย์รึไม่

หรือว่าเจ้าเด็กพวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมรับเขา จนลอบเล่นงานเขากันล่ะ ดังนั้นเขาเลยรู้สึกคับอกคับใจ มาเรียกร้องความยุติธรรมกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กันล่ะ”

รับลูกศิษย์ก็ต้องฝึก พอฝึกจะต้องเจอปัญหาแน่นอน ดังนั้นวิธีการเลี่ยงปัญหาที่ดีที่สุดคือไม่รับศิษย์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคิดเช่นนี้จริงจัง

นี่คงจะ เจ้าหนูเสิ่นเทียนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก็โดนกดดันจนต้องมาหาอาจารย์กระมัง ยังดีนะที่ตอนแรกข้าไม่ติดกับดักศิษย์น้องรองรับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์

ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่เจ้าหนูนี่จะสร้างปัญหาให้ก็คือข้าเอง!

……

ประตูใหญ่วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดออกช้าๆ ก่อนเสิ่นเทียนในชุดคลุมขาวจะเดินเข้ามาเนิบๆ

ประกายแสงสายฟ้าจากเสายักษ์สัตว์เทพสิบต้นส่องสะท้อนให้เสิ่นเทียนเด่นขึ้นจนหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม เด็กหนุ่มผมทองคนหนึ่งตามหลังเสิ่นเทียน นั่นคือฉินอวิ๋นตี๋บุตรชายของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ

สิ่งที่ควรค่าเอ่ยถึงคือตอนนี้ฉินอวิ๋นตี๋แบกท่อนเหล็กยาวสีดำ ยิ้มแป้นมาก

นี่ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับนักพรตชราเกิดความสงสัยในใจ

ต้องรู้ว่าตั้งแต่ฉินอวิ๋นตี๋สร้างปัญหาให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำแล้วก็มีนิสัยรักสันโดษมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติเขาจะไม่มีมาสุงสิงกับศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นในโลกเล็กเทพสวรรค์ แต่จะวุ่นอยู่กับยันต์ระเบิดอัสนีนั่น

เหตุใดวันนี้จู่ๆ เขาถึงตามเสิ่นเทียนมาวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน

หรือว่าระหว่างเจ้าหนูนี่กับเสิ่นเทียนมีความขัดแย้งอะไรกัน

นักพรตชรายืนอยู่ข้างๆ ด้วยความสนใจ รอดูอะไรสนุกๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเสิ่นเทียนพลางพูดนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์มามีเรื่องใดรึ”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางลากฉินอวิ๋นตี๋มากลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ “มาเพราะศิษย์น้องอวิ๋นตี๋”

เสิ่นเทียนเอ่ยพร้อมกับหยิบอัสนีเทพสีเงินตรงเอวฉินอวิ๋นตี๋กับปืนยาวสีดำบนหลังมา

“เรียนอาจารย์ ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ค้นพบยันต์อัสนีแบบใหม่ สามารถสร้างความผาสุกให้ศิษย์ทุกคนได้”

ฉินอวิ๋นตี๋รีบโบกมืออธิบาย “ไม่ใช่ข้าค้นพบ แต่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นคนสอนเคล็ดลับข้าทั้งหมด น่าละอายใจ ศิษย์แค่ออกแรงเล็กน้อย สร้างสมบัติวิเศษตามที่ศิษย์พี่บอกเท่านั้น”

หา?

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับนักพรตชราถึงกับชำเลืองตามอง

เจ้าหนูฉินอวิ๋นตี๋นี่บอกว่าเสิ่นเทียนสอนเขาปรับแก้ยันต์อัสนีรึ

เจ้าหนูนี่ฝึกฝนเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมได้ไม่กี่วันก็ปรับแก้ยันต์อัสนีให้ดีขึ้นได้แล้ว

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ ใช้ยันต์อัสนีแบบใหม่ของเจ้าโจมตีข้า!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เห็นความลังเลในแววตาเสิ่นเทียนจึงเอ่ยต่อ “วางใจเถอะ เจ้าทำอันตรายข้าไม่ได้หรอก”

เสิ่นเทียนพยักหน้าแล้วขว้างอัสนีเทพสีเงินลูกหนึ่งใส่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

บึ้ม!

อัสนีเทพสีเงินระเบิดออก ไข่มุกเหล็กวิญญาณกระจายออกเป็นวงกว้าง

และคนที่รับไปเต็มๆ คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าอัสนีเทพสีเงิน ก่อนจะเห็นว่าไข่มุกเหล็กวิญญาณกระแทกใส่สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแรง จากนั้นเหมือนถูกดูดเข้าไป

ตรงกลางไฮดรอกไซด์ประกายสายฟ้า ไข่มุกเหล็กวิญญาณพวกนั้นเหมือนเสียพลังงานทั้งหมด แต่ละเม็ดร่วงลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

“มีอานุภาพไม่เลว ถือว่าเป็นระดับสูงสุดในยันต์ระเบิดอัสนีขั้นสอง ราคาสองร้อยศิลาวิญญาณ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าเล็กน้อย สื่อว่ายอมรับ ‘ยันต์อัสนีแบบใหม่นี้’

“สร้างระเบิดอัสนีเช่นนี้ลูกหนึ่งต้องใช้ต้นทุนกี่ศิลาวิญญาณ”

ในมุมมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ยันต์อัสนีระดับสูงสุดในขั้นเดียวกันแบบนี้ ขอแค่ได้กำไรหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ถึงอย่างไรการแข่งขันในตลาดยันต์ก็สูงมาก สำนักอื่นๆ ก็มีพวกยันต์แปลกๆ มาแย่งตลาดเช่นกัน

ยันต์ระเบิดอัสนีต้นทุนหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณขายได้ราคาสองร้อยศิลาวิญญาณก็ถือว่ากำไรเลือดสาดแล้ว ทว่านี่ต้องคำนวณต้นทุนวัสดุที่ผลิตพลาดด้วย รวมถึงต้นทุนพลังวิญญาณและค่าแรงในการผลิตยันต์วิญญาณระดับสูงสุด

สารภาพตามตรง การผลิตยันต์วิญญาณขายได้กำไรไม่มากจริงๆ

……..

ภายใต้สายตาเพ่งมองของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนยิ้มน้อยๆ “ต้นทุนอยู่ในศิลาวิญญาณห้าก้อน นอกจากนี้ วิธีการผลิตยันต์เช่นนี้ง่ายมาก มีอัตราสำเร็จสูงมากด้วย ศิษย์ระดับสร้างฐานคนหนึ่งสามารถผลิตได้หลายสิบอันต่อวัน!”

เสิ่นเทียนเพิ่งพูดจบก็เห็นสายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง

ทางด้านนักพรตชราที่เดิมทียืนยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ ถึงกับรอยยิ้มแข็งค้างไปเดี๋ยวนั้น!

…………………….….