เล่ม 1 ตอนที่ 100 ท่านปู่ฟื้นแล้ว

สลับชะตา ชายามือสังหาร

เพื่อเฝ้าดูซือหม่าเลี่ย คืนนั้นซือหม่าโยวเย่ว์จึงฝึกยุทธ์อยู่ภายในห้อง เธอย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมาไว้ข้างเตียง นั่งขัดสมาธิบนนั้นแล้วเริ่มฝึกฝนเคล็ดหลอมวิญญาณ

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง

ซือหม่าเลี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องบนร่างซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกว่าดูระยิบระยับจับตา

ฝึกยุทธ์มาหนึ่งคืน ความเหน็ดเหนื่อยจากเมื่อคืนถูกขจัดออกไปเป็นปลิดทิ้ง ซือหม่าโยวเย่ว์ขย้อนไอเสียออกมาคำหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

“ท่านปู่ ท่านฟื้นแล้วหรือ!” เห็นซือหม่าเลี่ยจ้องมองตน โยวเย่ว์ก็ตื่นเต้นยินดีจนแทบจะกระโดดพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้

ซือหม่าเลี่ยพยักหน้าพลางมองเธออย่างเมตตา เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของตนก่อนหน้านี้ จะต้องทำให้เธอตกใจแทบแย่อย่างแน่นอน

“โยวเย่ว์ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่”

“ข้าเจอท่านพี่สามท่านพี่สี่ตอนอยู่ในเทือกเขา พวกเขาบอกว่าท่านพักอยู่ที่นี่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ไอ้หยา ท่านฟื้นแล้ว ข้าไปเรียกพวกท่านพี่ก่อนนะ ท่านได้รับบาดเจ็บจนหมดสติไป ทำเอาพวกเขาตกใจแทบตายเลยทีเดียว”

พูดจบแล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็พาตัวซือหม่าโยวหรานและซือหม่าโยวเล่อกลับเข้ามา

“ท่านปู่ ท่านฟื้นแล้ว! รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือไม่”

ซือหม่าเลี่ยส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าตนสบายดีทุกอย่าง

“เส่าหลิง ให้โรงเตี๊ยมต้มโจ๊กมาให้เป็นอาหารเช้าที” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดกับเส่าหลิงที่เดินเข้ามา จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าอาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ปรุงอาจจะไม่ถูกปาก จากนั้นจึงแก้คำพูดว่า “ช่างเถิด ข้าทำเองดีกว่า ท่านพี่สาม พวกท่านดูแลท่านปู่อยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าก่อน”

เส่าหลิงยังไม่ทันได้ตอบสนอง ซือหม่าโยวเย่ว์ก็เดินผ่านเขาออกไปเสียแล้ว

เขาคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะช่วยชีวิตซือหม่าเลี่ยได้จริงๆ เมื่อมองไปยังเจ้านายที่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ เขาเดินเข้ามาที่หน้าเตียงแล้วคุกเข่าลง “ท่านแม่ทัพขอรับ ข้าน้อยคุ้มกันท่านไม่ได้เรื่องเลย จนทำให้เกิดภัยใหญ่หลวงกับท่านแม่ทัพ ขอท่านแม่ทัพโปรดลงโทษด้วย”

“เส่าหลิง เจ้าลุกขึ้นเถิด เพราะข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าติดตามไปเอง ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าเสียหน่อย” ถึงแม้ว่าซือหม่าเลี่ยจะฟื้นขึ้นมา แต่ก็ยังอ่อนล้าอยู่บ้าง พูดจาอย่างไม่มีเรี่ยวแรง

“เส่าหลิง เจ้าลุกขึ้นเถิด ท่านปู่ไม่มีทางตำหนิเจ้าหรอกน่า” ซือหม่าโยวหรานพูด

ซือหม่าโยวเล่อมาถึงข้างกายเส่าหลิงแล้วดึงเขาให้ลุกขึ้น หลังจากนั้นจึงพูดกับซือหม่าเลี่ยว่า “ท่านปู่ ท่านไม่รู้หรอกว่าสถานการณ์ของท่านในคราวนี้อันตรายเพียงใด หากมิใช่เพราะน้องห้าหาวิธีช่วยท่านได้ทันการณ์ พวกเราเกรงว่าตอนนี้…”

เขามิได้พูดจนจบประโยค แต่ทุกคนล้วนเข้าใจกันหมด

“โยวเย่ว์เป็นคนช่วยข้าอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าเลี่ยถามอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง

ซือหม่าโยวหรานพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ใช่ขอรับ ตอนที่พวกเรามาถึงโรงเตี๊ยมก็พบกับเส่าหลิงที่กำลังจะไปคืนห้องเข้าพอดี บอกว่าจะพาท่านกลับเมืองหลวงไปพบปรมาจารย์ศิลา แต่น้องห้าดูท่านอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่าหากไม่รักษาให้ทันเวลา ท่านก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวัน หลังจากนั้นเขาก็ใช้เข็มจำนวนหนึ่งสะกดพิษเอาไว้ที่ทรวงอกของท่าน จึงถ่วงเวลาเอาไว้ได้อีกวันสองวัน”

“ถูกต้อง พวกเรายังได้เชิญท่านหมอจำนวนหนึ่งมาดูอาการด้วย แต่พวกเขาล้วนบอกว่าหมดหนทางทั้งสิ้น ต่อมาก็ยังเป็นน้องห้าที่หาวิธีช่วยท่านได้ในระยะเวลาอันสั้น หลังจากนั้นยังคอยเฝ้าดูท่านอยู่หนึ่งคืนเต็มๆ เขาบอกว่าท่านน่าจะฟื้นขึ้นมาวันนี้ พอเช้าวันนี้ท่านก็ฟื้นขึ้นมาเลย”

“โยวเย่ว์ช่วยเหลือข้าอย่างไรหรือ” เมื่อได้ยินว่าหลานสาวคนโปรดเป็นผู้ช่วยเหลือตน ซือหม่าเลี่ยจึงอารมณ์ดีเป็นที่สุด

“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาให้พวกเราออกไปกันหมดเลย” ซือหม่าโยวเล่อพูด

ซือหม่าเลี่ยนึกถึงผู้ที่ช่วยถอนพิษให้ซือหม่าโยวเย่ว์อยู่เบื้องหลัง หรือว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ช่วยชีวิตเขากันหนอ

จวบจนบัดนี้ซือหม่าเลี่ยยังคงรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีคนคอยช่วยเหลือเธออยู่เบื้องหลัง

เพราะว่าอ่อนแอเกินไป ซือหม่าเลี่ยจึงมิได้พูดอะไรมากมายนัก พวกซือหม่าโยวหรานก็เพียงแต่อยู่เป็นเพื่อนเขาข้างๆ กายเท่านั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ยกโจ๊กชามหนึ่งเข้ามาแล้วพูดกับพวกซือหม่าโยวหรานว่า “ท่านพี่สาม ท่านพี่สี่ ข้ายังเก็บโจ๊กจำนวนหนึ่งเอาไว้ที่ห้องครัวด้วย ข้าจะป้อนท่านปู่อยู่ที่นี่เอง พวกท่านไปกินอะไรกันสักหน่อยก่อนเถิด พวกท่านก็มิได้กินอะไรเข้าไปกันเป็นวันๆ แล้ว”

“ก็ได้” พวกซือหม่าโยวหรานเคยกินอาหารที่ซือหม่าโยวเย่ว์ทำมาหลายครั้งแล้ว ต่อมาจึงติดใจรสชาติอันโอชะเหล่านั้นกันหมด ไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันเต็มทำให้หิวอยู่บ้างจริงๆ จากนั้นทุกคนจึงออกไปจนหมด ยกซือหม่าเลี่ยให้เธอเป็นผู้ดูแล

ซือหม่าโยวเย่ว์วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ ก่อนจะไปที่ข้างเตียงแล้วพูดว่า “ท่านปู่ ข้าจะพยุงให้ท่านลุกขึ้นนั่งก่อนนะ”

ซือหม่าเลี่ยพยักหน้าก่อนจะขยับร่างกายเอนไปด้านหลังแล้วพิงบนหมอนที่เธอจัดวางเอาไว้แล้ว

ซือหม่าโยวเย่ว์ไปยกโจ๊กมาแล้วหยิบช้อนตักขึ้นมาคำหนึ่ง เธอเป่าโจ๊กก่อนจะป้อนให้ซือหม่าเลี่ย

“ท่านปู่ นี่คือโจ๊กยาที่ข้าใช้เครื่องยาจำนวนหนึ่งต้มขึ้นมา มีประโยชน์ต่อร่างกายที่กำลังฟื้นฟูอยู่ในตอนนี้ของท่านเป็นอย่างมากเลยล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ป้อนไปพลางพูดไปพลาง

ระดับพลังยุทธ์ของซือหม่าเลี่ยมีความต้องการอาหารเพียงน้อยนิดเท่านั้น ตลอดมาตอนอยู่ที่บ้านก็แค่กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนซือหม่าโยวเย่ว์เท่านั้น เมื่อครู่ยังคิดว่านี่เป็นเพียงเพราะความเคยชินเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นโจ๊กที่เธอต้มขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ

“อาหารที่โยวเย่ว์ทำอร่อยขึ้นทุกวันเลยนะ” โจ๊กที่ต้มหอมอร่อยลื่นคอ พอกินลงไปแล้วก็รู้สึกว่ากระแสความร้อนสายหนึ่งโคจรไปทั่วร่างกาย ขับไล่ความหนาวเหน็บในร่างกายไปจนหมดสิ้น พละกำลังในร่างกายก็ค่อยๆ กลับคืนมาแล้ว

“ถ้าหากท่านปู่ชอบ ต่อไปโยวเย่ว์จะทำให้ท่านกินบ่อยๆ เลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆ ดี!” ซือหม่าเลี่ยได้ยินคำพูดอันอบอุ่นใจเช่นนี้แล้วก็นึกถึงคนที่เอาแต่ตามเกาะแกะบุรุษทั้งวันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องในอดีตขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกนับพันนับหมื่น

ว่ากันว่าบุตรสาวคือเสื้อกันหนาวที่ห่อหุ้มหัวใจให้อบอุ่น ตอนนี้หลานสาวผู้นี้ของเขาก็ทำให้หัวใจอบอุ่นได้แล้วเช่นกัน

ปู่กับหลานกินโจ๊กชามนั้นหมดเกลี้ยงภายใต้บรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้ เมื่อหมดแล้วซือหม่าโยวเย่ว์จึงหยิบผ้าผืนหนึ่งออกมาเช็ดปากให้เขาด้วย ทำให้หัวใจของซือหม่าเลี่ยซาบซึ้งจนระส่ำระสายไปหมด

ซือหม่าโยวเย่ว์วางชามลงในถาดบนโต๊ะก่อนจะกลับมาแล้วพูดว่า “ท่านปู่รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”

“อืม โจ๊กยาของเจ้านี่ให้ผลลัพธ์ไม่เลวเลยจริงๆ ตอนนี้ร่างกายข้าอบอุ่นไปหมดเลย” ซือหม่าเลี่ยพูด

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านปู่ ท่านได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรหรือ”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนข้าออกไปได้พบกับศัตรูในอดีตเข้าน่ะ” ซือหม่าเลี่ยพูด

“ท่านปู่อย่ามาหลอกข้าเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “สัตว์ปีศาจไม่มีทางมาปรากฏตัวที่ดินแดนอี้หลินได้ ถ้าหากเป็นศัตรูธรรมดาทั่วไปแล้วท่านจะถูกหนูปีศาจหกนิ้วทำร้ายได้อย่างไร ทั้งยังเหลือไอมารทิ้งเอาไว้ในร่างกายอีกต่างหาก”

“เจ้าบอกว่านั่นคือสัตว์ปีศาจอย่างนั้นหรือ!” ซือหม่าเลี่ยมองซือหม่าโยวเย่ว์  สีหน้าตื่นตกใจนั้นไม่น้อยไปกว่าตอนที่เธอเพิ่งได้รู้เรื่องนี้เลย

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดังนั้นข้าคาดว่าผู้ที่ทำร้ายท่านย่อมมิใช่คู่แค้นธรรมดาๆ แน่ นอกจากนี้พลังยุทธ์ของท่านปู่ ทั่วทั้งดินแดนนี้คงจะมีไม่กี่คนนักหรอกที่ทำร้ายท่านได้”

“ที่แท้เจ้าสัตว์ประหลาดที่ตะปบข้าทีหนึ่งในตอนท้ายสุดก็เป็นสัตว์ปีศาจนี่เอง” ซือหม่าเลี่ยพูดพึมพำ

“ท่านปู่ ท่านยังไม่ยอมบอกข้าอีกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“เจ้านี่… ตอนนี้ฉลาดกว่าในอดีตมากมายเลยจริงๆ” ซือหม่าเลี่ยพูด “เพียงแต่คนผู้นั้นน่าจะกลับไปแล้วน่ะสิ ดังนั้นจะว่าไป…”

“ท่านปู่ ในเมื่อเขาเป็นศัตรูที่ต้องการเอาชีวิตท่าน เกรงว่านี่คงจะมิใช่บุญคุณความแค้นธรรมดาทั่วไปแน่ ตอนนี้ถึงจะไปแล้วก็มิได้หมายความว่าในภายหน้าเขาจะไม่กลับมาอีก ถ้าหากต่อไปพบเขาเข้าอีกจะทำเช่นไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ขัดจังหวะคำพูดของซือหม่าเลี่ย ทำเอาเขาสะดุ้ง

ซือหม่าเลี่ยเงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวแล้วเอ่ยว่า “เฮ้อ…นี่คือบุญคุณความแค้นของครอบครัวเราน่ะสิ…”

……………………