เล่ม 1 ตอนที่ 101 ความหลังของตระกูล

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ถึงกับยกระดับไปถึงความแค้นเก่าของตระกูลเลยหรือ!

พอซือหม่าเลี่ยเอ่ยปากก็ทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

“เอ่อ… จริงๆ ไม่ควรเล่าเรื่องเหล่านี้ให้พวกเจ้าฟังหรอกนะ แต่ถ้าหากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแล้วข้าตายไปอย่างกะทันหัน พวกเจ้าก็จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลย” ซือหม่าเลี่ยถอนหายใจพูด

ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นความไม่เต็มใจและการหมดความอดทนบนใบหน้าของซือหม่าเลี่ย จึงกุมมือเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านปู่ พวกเราเป็นลูกหลานตระกูลซือหม่าเช่นกัน พวกเราแบ่งเบาความกังวลใจของท่านได้สักนิดก็ยังดี มิใช่หรือ”

ซือหม่าเลี่ยตบหลังมือซือหม่าโยวเย่ว์เบาๆ เจ้าหลานสาวผู้นี้… ตอนนี้ช่างรู้เรื่องรู้ราวเสียจนชวนให้คนเจ็บปวดใจเสียจริงๆ

“เจ้าเคยคิดมาก่อนหรือไม่ ตระกูลอื่นๆ ล้วนมีเชื้อสายแตกแขนงไปอีกมากมาย มีเพียงแค่พวกเราตระกูลซือหม่าเท่านั้นที่มีแต่พวกเราสายเลือดนี้เพียงสายเดียว” ซือหม่าเลี่ยถาม

ซือหม่าโยวเย่ว์ครุ่นคิด คล้ายว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ตระกูลอื่นๆ ล้วนมีเชื้อสายแตกแขนงไปอีกมากมาย แต่พวกเขาตระกูลซือหม่ากลับมีเพียงแค่ซือหม่าเลี่ยและพี่น้องทั้งห้าของซือหม่าโยวเย่ว์เท่านั้น

ก่อนหน้านี้เธอมิได้รู้สึกอะไร เพราะแนวคิดด้านครอบครัวของเธอเมื่อชาติก่อนก็มิได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ตอนนี้เมื่อนึกขึ้นมา สิ่งนี้ก็ขัดแย้งกับโลกแห่งนี้มากเกินไปเสียแล้ว ครอบครัวที่นี่มักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่เหมือนกับพวกเขาที่มีเจ้านายอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

นอกเสียจากว่าแต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่มีญาติคนอื่นๆ อยู่อีกแล้ว!

“ท่านปู่ หรือว่าญาติทางสายอื่นของพวกเราตายไปกันหมดแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

ซือหม่าเลี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้ตายหรอก แต่พวกเราถูกขับไล่ออกมาต่างหากเล่า”

“ถูกขับไล่ออกมาหรือ!”

“ถูกต้อง นอกจากนี้ยังถูกไล่ออกมายังสถานที่กักขังแห่งนี้อีกด้วย”

“สถานที่กักขังหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าตนเองถูกซือหม่าเลี่ยทำให้สับสนเสียแล้ว สถานที่แห่งนี้คือสถานที่กักขัง แปลว่าพวกเขาอาศัยอยู่ภายในคุกแห่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ

“ความจริงแล้วอาณาจักรตงเฉินคือชิ้นส่วนหนึ่งของดินแดนอี้หลิน เรื่องนี้เจ้าคงรู้อยู่แล้วกระมัง” ซือหม่าเลี่ยถาม

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า เธอรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ความจริงแล้วอาณาจักรตงเฉินแห่งนี้ก็คือสถานที่กักขังของดินแดนอี้หลิน” ซือหม่าเลี่ยพูด “คนที่อยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนเป็นผู้ที่ถูกขับไล่มาที่นี่ทั้งสิ้น ตระกูลมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเพราะถูกขับไล่มาอยู่ที่นี่เป็นเวลายาวนานแล้ว ส่วนพวกเราเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานจึงยังไม่ได้ขยายครอบครัวน่ะ”

“ท่านปู่ เพราะเหตุใดจึงบอกว่าอาณาจักรตงเฉินเป็นสถานที่กักขังเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างไม่เข้าใจ

“เพราะทั้งสี่ภาคของอาณาจักรตงเฉินล้วนเป็นภูเขาสูงชัน นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรวิเศษระดับสูงควบคุมอยู่ทั้งสิ้น สถานที่เหล่านั้นก็ล้อมที่นี่เอาไว้เหมือนกับคุกดีๆ นี่เอง ทำให้คนที่นี่ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ภายในนี้เท่านั้น ถ้าหากใครคิดจะออกไป เกรงว่าเดินออกไปยังไม่ทันพ้นเทือกเขาสั่วเฟยย่า ก็คงจะตายอยู่กลางขุนเขาแล้ว” ซือหม่าเลี่ยพูด “อาณาจักรตงเฉินแห่งนี้มีทรัพยากรน้อยนิด ห่างชั้นกับภายนอกมากมายนัก เมื่อเปรียบกับภายนอกจึงราวกับคุกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว”

“อย่างนี้ก็หมายความว่า อันที่จริงแล้วพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในช่องเขาแห่งหนึ่งอย่างนั้นสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

ซือหม่าเลี่ยพยักหน้า

“ท่านปู่ แล้วเหตุใดพวกเราจึงถูกขับไล่ออกมาที่นี่เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“เพราะถูกใส่ร้ายน่ะสิ” ซือหม่าเลี่ยพูดมาถึงตรงนี้ก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง “เมื่ออยู่ข้างนอก ตระกูลซือหม่าของพวกเรานับได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งเลยทีเดียว แต่เพราะท่านปู่ทวดของเจ้าโดนขับไล่ออกจากตระกูลเพราะถูกใส่ร้าย ทั้งยังถูกคนที่ใส่ร้ายนั้นตามล่าสังหารอีกด้วย เขาจึงทำได้เพียงจำใจพาพวกเราหนีเข้ามาในเทือกเขาสั่วเฟยย่า ด้วยความอันตรายของเทือกเขาสั่วเฟยย่า เชื้อสายของพวกเราเข้าไปได้ไม่นานก็ทยอยถูกฆ่าตายไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งท่านปู่ทวดย่าทวดของเจ้าก็ไม่เว้น ในที่สุดก็เหลือข้าอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เดิมทีข้าเกือบจะตกเป็นอาหารของสัตว์อสูรแล้ว โชคดีที่ได้ผู้มีพระคุณท่านหนึ่งช่วยเหลือเอาไว้ ทั้งยังพาข้าออกจากเทือกเขาสั่วเฟยย่า มายังอาณาจักรตงเฉินอีกด้วย”

พูดมาถึงตรงนี้ ซือหม่าเลี่ยมองซือหม่าโยวเย่ว์ปราดหนึ่ง แต่มิได้บอกเธอว่าผู้ที่ช่วยเหลือเขาในตอนนั้นก็คือบิดาของเธอนั่นเอง

“แล้วข้าก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อมา ข้าพยายามหมายจะยกระดับพลังยุทธ์ของตัวเอง โชคดีที่พรสวรรค์ของข้าไม่เลวนัก นับได้ว่าพัฒนาขึ้นมาอย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งยังได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ คอยดูแลความสงบเรียบร้อยของอาณาจักรตงเฉินแทนฝ่าบาทด้วย” ซือหม่าเลี่ยพูด

“เช่นนั้นผู้ที่ทำร้ายท่านคือผู้ที่ใส่ร้ายตระกูลเราในตอนนั้นใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์คาดเดา

“อืม” ซือหม่าเลี่ยพยักหน้า “เขาคือเพื่อนเล่นในวัยเด็กของข้า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้เรื่องผลอสรพิษทองคำได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการใดจึงผ่านเทือกเขาสั่วเฟยย่ามายังเทือกเขาผู่สั่วด้วยตัวคนเดียวได้ อันที่จริงพลังยุทธ์ของข้ากับเขามิได้แตกต่างกันมากนัก แต่พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าข้า ในขณะที่ข้ากำลังจะเอาชนะได้นั้นเอง สัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์ตนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากด้านหลังเขาแล้วตะปบข้าทีหนึ่ง ตอนนั้นข้ารู้สึกผิดปกติ จึงรีบหนีมาในทันที”

“คนผู้นั้นรู้ว่าท่านปู่หนีไปแล้วจะกลับมาอีกหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์วิตกอยู่บ้าง

“ข้าคิดว่าคงไม่มาแล้วล่ะ” ซือหม่าเลี่ยพูด “ข้าเข้าใจนิสัยของคนผู้นั้นดี เขาเย่อหยิ่งถือดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อข้าถูกสัตว์ปีศาจทำร้าย ในสายตาเขาคงมองว่าอยู่รอดได้ไม่ถึงวัน เขามั่นใจว่าข้าไม่รอดแน่ ต่อให้เขารู้สึกว่าข้าอาจจะโชคดีเอาชีวิตรอดได้ แต่เขาย่อมไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน คิดจะเสาะหาตัวข้า อาณาจักรตงเฉินแห่งนี้ก็มิได้เล็กถึงเพียงนั้น ต้องสิ้นเปลืองเวลาระยะหนึ่งอย่างแน่นอน เขาไม่มีเวลาว่างมาทำอะไรเช่นนี้หรอก”

“เพราะเหตุใดเล่า”

“หากข้าจำไม่ผิด อีกไม่นานจะเป็นวันฉลองใหญ่ของตระกูลซือหม่า คนตระกูลซือหม่าทั้งหมดจะต้องกลับไป มิฉะนั้นจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก เขาจะมามัวเสียเวลาไม่ได้หรอก” ซือหม่าเลี่ยพูด

“แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็ยังเป็นภัยร้ายที่แฝงตัวอยู่อยูดี” ซือหม่าโยวเย่ว์ครุ่นคิด “ในเมื่อเขารู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องคาดเดาได้ว่าท่านมีครอบครัว ถ้าหากพวกเขามีความคิดที่จะล้างบางตระกูล ก็กลัวแต่ว่าวันเวลาต่อจากนี้ของพวกเราคงจะอยู่กันอย่างลำบากเสียแล้ว”

“เฮ้อ ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” ซือหม่าเลี่ยพูด

ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นซือหม่าเลี่ยขมวดคิ้วมุ่นจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ท่านปู่ ท่านอย่ากังวลเกินไปนักเลย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงการคาดเดาของพวกเราเองเท่านั้น คนผู้นั้นอาจจะไม่มีเวลาว่างกลับมาอีกแล้วก็ได้ ท่านพักฟื้นให้ดีๆ ก่อนเถิด เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันวันหลัง”

ซือหม่าเลี่ยเห็นรอยยิ้มของซือหม่าโยวเย่ว์ ความวิตกกังวลในใจจึงบรรเทาลงไปไม่น้อย เขาลอบตัดสินใจว่า ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็จะต้องคุ้มครองเธอให้ปลอดภัยให้จงได้

ซือหม่าโยวเย่ว์รอให้ซือหม่าเลี่ยโคจรปราณรักษาอาการบาดเจ็บแล้วค่อยออกมาจากห้อง ตอนที่กลับไปถึงห้องของตัวเอง รอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็หายวับไปแล้วแทนที่ด้วยความกังวลใจอันหนาหนัก

ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นอาจยังไม่กลับมาในตอนนี้ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นภัยแฝงอยู่ดี

“ดูท่าจะต้องคิดหาวิธียกระดับพลังยุทธ์ของพวกพี่ๆ เสียแล้ว มิฉะนั้นตอนที่คนเหล่านั้นกลับมา พวกเราก็จะไม่มีแรงสู้กลับเลย”

ซือหม่าโยวเย่ว์หายตัวเข้ามาภายในมณีวิญญาณแล้ววิ่งไปดูผลอสรพิษทองคำห้าผลที่เหลืออยู่รอบหนึ่ง

ตอนนี้สิ่งที่่จะยกระดับพลังยุทธ์ได้ก็มีแต่พวกมันแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังมิอาจหลอมยาวิเศษออกมาได้เลย

“นอกจากการพึ่งยาวิเศษแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีวิธีการอื่นอยู่อีก” เจ้าวิญญาณน้อยปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายเธอแล้วเอ่ยถามขึ้น

“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าวิญญาณน้อยพลางใช้มือหนึ่งโอบมันไว้แล้วพูดว่า “เจ้าวิญญาณน้อย ยังมีวิธีการอื่นอีกหรือ”

“ท่าทางประจบประแจงนี้ของเจ้าช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย” เจ้าวิญญาณน้อยพูดอย่างดูแคลน

ซือหม่าโยวเย่ว์ฟาดฝ่ามือใส่หัวมันฉาดหนึ่งแล้วคำรามว่า “ประจบประแจงอะไรเล่า บอกมาเร็วเข้า มีวิธีอันใดอีก”

……………………