ตอนที่ 77: ทักษะต่อสู้
การโจมตีที่ดุดันของชายคนนั้นผลักดันให้เจี้ยนเฉินถึงขีดจำกัดของเขา ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็ต้องใช้ความสามารถทั้งหมดของเขาและยังต้องใช้ความรู้ของเขาในการใช้ท่าไทเก๊กเพื่อเบี่ยงวิถีการโจมตีของชายคนนั้น ทุกครั้งที่เจี้ยนเฉินได้ป้องกันและเบี่ยงวิถีง้าว พลังเซียนของเขาก็จะต้องใช้ออกไป เมื่อพวกเขาทั้งคู่สู้กันอย่างดุเดือด พวกเขาก็ได้ใช้พลังเซียนไปมากกว่าครึ่งของพลังเซียนทั้งหมดที่พวกเขามี ตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่หน้าอกของเขา เขาจึงเริ่มสู้สึกอ่อนล้าเมื่อเวลาผ่านไปแม้กระทั่งการป้องกันก็ยากมากยิ่งขึ้น
ความแข็งแกร่งระดับเซียนของเจี้ยนเฉินนั้นสามารถต่อกรได้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางที่สูงกว่า พร้อมทั้งกระบี่และประสบการณ์ของเขาจากชีวิตที่แล้ว ถ้าเป็นคนที่มีระดับเดียวกับเจี้ยนเฉินมันก็เป็นการยากที่จะบอกว่าพวกเขาจะสามารถรับมือกับ 10 กระบวนท่าที่ต่อเนื่องราวกับพายุของชายคนนั้นได้หรือไม่
ท้ายที่สุดความแตกต่างระหว่างเซียนและเซียนผู้เชี่ยวชาญนั้นมีขนาดใหญ่มาก มีอย่างน้อยถึงสองระดับ
ใบมีดสีฟ้าตัดผ่านอากาศอีกครั้งเมื่อมันพุ่งเข้าใส่กระบี่วายุโปรย ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ไม่อาจเบี่ยงวิถีของง้าวที่น่ากลัวได้และกระบี่ของเขาก็ลอยกลับมา ในขณะที่กระบี่วายุโปรยไม่ได้รับเสียหายใด ๆ แต่อย่างไรก็ตามมันก็ถูกบังคับให้กลับมาที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินพร้อมกับเสียงดัง ‘ปัง ! ‘
ด้วยความผิดพลาดนี้ทำให้เจี้ยนเฉินถูกส่งลอยไปทางด้านหลัง 10 เมตรก่อนที่จะตกลงบนพื้น เขากระอักเลือดอีกคำและพ่นมันเป็นละอองไปบนฟ้า
เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าไม่มีพลังพอที่จะหนีการโจมตีของข้าได้อีกแล้ว เชื่อฟังข้าและกลับไปพร้อมกับข้า ชายคนนั้นเยาะเย้ย โดยไม่รอให้เจี้ยนเฉินตอบออกมา เขาขยับอีกครั้งและในเวลาไม่นานเขาก็มาปรากฏตัวห่างจากเจี้ยนเฉินไป 10 เมตร เขายื่นมือออกมาเพื่อคว้าคอเจี้ยนเฉินด้วยสองมือของเขา
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชา ขณะที่ตาของเขาแวบขึ้นด้วยประกายที่อันตราย ก่อนที่จะถอนหายใจ ไฮ้ ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้ทางเลือกสุดท้ายของข้า
ทางเลือกสุดท้ายคือทักษะที่สุดยอดในการช่วยชีวิตของเจี้ยนเฉิน มันเป็นทักษะเดียวกับที่คนในทวีปเทียนหยวนรู้จัก – กระบี่วิญญาณ
ย้อนกลับไปเขาได้เรียนรู้หลังจากที่กระบี่วิญญาณเมื่อเขาได้ต่อสู้กับต๊กโกวคิ้วป่าย เมื่อนานมาแล้ว ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เขาได้พัฒนาและเรียนรู้ทักษะที่ยอดเยี่ยมนี้
ถึงอย่างนั้นเช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินได้บรรลุถึงความสามารถขั้นสูงสุดของเขาในสถานการณ์เดียวกันนี้ แสงสีแดงเจิดจ้าเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืนมันมุ่งหน้าไปยังชายกลางคนซึ่งตอนนี้กำลังจะจับตัวเจี้ยนเฉิน
เมื่อเห็นกระบี่ยักษ์สีแดงเข้ามาทางหางตา ชายคนนั้นก็แค่นเสียงออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อเขาเคลื่อนไหวออกห่างจากเจี้ยนเฉิน แสงสีฟ้าที่แขนขวาของเขาก็เริ่มส่องแสงขึ้นอย่างเจิดจ้าโดยคลุมไปทั่วแขนของเขาราวกับผ้าห่อศพ ธาตุลมของชายคนนั้นเกิดมาจากพลังเซียน เขายกแขนขึ้นและกระแทกใส่กระบี่สีแดงพร้อมกับจับมันไว้ในมือของเขา
ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เจี้ยนเฉินก็คลานขึ้นมาจากพื้นทันทีและมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตานิ่งเฉย
เจ้าของกระบี่สีแดงเป็นหทารรับจ้างที่ดูเหมือนจะอายุประมาณ 20-30 ปี มีรูปร่างหน้าตาธรรมดา -คนประเภทนี้สามารถที่จะกลมกลืนเข้ากับฝูงชนได้ง่าย ๆ แต่ทหารรับจ้างคนนี้ก็ไม่ใช่ชายแปลกหน้าของเจี้ยนเฉิน นี่คือคนใจดีที่คุยกับเขาระหว่างเดินทาง มู่หยุน
ชายกลางคนหัวเราะเยาะกระบี่ที่มู่หยุนถือและพูดว่า เจ้าประเมิณตนเองสูงเกินไปแล้ว
เมื่อได้ยินอย่างนั้นมู่หยุนก็ยิ้มออกมาอย่างแปลก ๆ และหัวเราะ เจ้าเป็นแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางเท่านั้น มันไม่ได้แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าสามารถพูดในสิ่งที่ข้าต้องการได้ กระบี่ของมู่หยุนเปล่งแสงอย่างงดงามและกดดัน ในตอนกลางคืนกระบี่ของเขาส่องสว่างออกไปรอบ ๆ ตัวของเขาด้วยแสงที่เจิดจ้า อุณภูมิรอบ ๆ ตัวของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีกระบี่สีแดงก็กลายเป็นสีแดงเพลิง แสงไฟสั่นไหววิบวับอย่างต่อเนื่องเสมือนถูกไฟเผาไหม้อยู่
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังเซียนที่ไม่มีสิ้นสุด ชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาปล่อยมือจากคมกระบี่และกระแทกเข้าในใบกระบี่อย่างรุนแรง
“ปัง!”
เมื่อได้รับแรงปะทะจากชายคนนั้น กระบี่ของมู่หยุดก็ปลิวมาตกอยู่ข้าง ๆ แต่ด้วยประสบการณ์ของมู่หยุน เขาใช้ประโยชน์ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันเพื่อเก็บกระบี่ กระบี่หมุนเป็นวงกลมก่อนที่จะเฉือนชายคนนั้นทันที
ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา ! ชายคนนั้นตะโกน ง้าวของเขากระพริบด้วยแสงสีฟ้าเมื่อเขาโบกอาวุธไปรอบ ๆ ตัว สายลมโชยเบา ๆ พร้อมกับอาวุธของเขาบินเข้าหากระบี่สีแดงเพลิง
“เคร้ง ! “
กระบี่ของมู่หยุนและง้าวของชายคนนั้นก็ปะทะกันทำให้เกิดเสียงดังของโลหะกระทบกันออกมา ทันทีที่อาวุธเซียนสองชิ้นแยกออกจากกัน มู่หยุนก็เซไปด้านหลังกว่า 10 เมตร ขณะที่ชายกลางคนยังคงยืนนิ่งอยู่ราวกับเทือกเขาไท่ซานโดยไม่มีการแสดงอาการใด ๆ
เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะดูออกว่าใครอ่อนแอกว่าและใครแข็งแกร่งกว่า
เจี้ยนเฉินที่อยู่ข้าง ๆ รู้ว่ามู่หยุนอ่อนแอกว่าชายคนนั้นมาก อย่างไรก็ตามมู่หยุนยังคงแข็งแกร่งกว่าตัวของเขาและจากการประเมิณของเจี้ยนเฉิน ความแข็งแกร่งของมู่หยุนควรจะอยู่ในขอบเขตเซียนระดับสูงขั้นกลางหรือขั้นสุดยอด เนื่องจากชายคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุลมที่มีความเร็วอย่างมาก พลังของเขาจึงอ่อนแอกว่าของมู่หยุนที่เป็นธาตุไฟที่หายากอย่างมาก ต่อจากธาตุแสงและธาตุมืดที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าธาตุไฟมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
ถ้าชายคนนั้นพึ่งพาธาตุลมของเขาซึ่งทำให้พลังเซียนในการต่อสู้ได้ครอบงำธาตุไฟของมู่หยุนได้ ถ้าชายคนนี้ได้แสดงออกมาพร้อมกับธาตุลมของเขา เจี้ยนเฉินมั่นใจว่ามู่หยุนจะไม่อาจต่อสู้ได้นานนัก
แต่ถ้าเขาและมู่หยุนรวมกันต่อสู้ เขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะชายวัยกลางคนได้
สิ่งที่โชคร้ายคือเจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดของร่างกายของเขาและแต่ละคนต่างก็พากันต่อสู้อย่างตื่นเต้น ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขา การช่วยเหลือมู่หยุนก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไรนัก เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ เขาก็ต้องใช้พลังมากแล้ว
การโจมตีของมู่หยุน ทำให้ตาของชายกลางคนมีจิตสังหารอย่างรุนแรง เขาไม่ได้ให้เวลากับมู่หยุนเพื่อปรับสมดุลก่อนที่เขาจะรวบรวมกระแสลมไว้รอบ ๆ ง้าวของเขาและวิ่งไปข้างหน้าจนทิ้งภาพติดตาจากจุดที่เขายืนอยู่ ไม่นานเขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้ามู่หยุนและฟันออกมาด้วยความเร็วสูง
เมื่อมันมาถึงมู่หยุน อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอะไร ทันใดนั้นก็เกิดรอยยิ้มที่มุมปากของมู่หยุน ชายคนนั้นปรากฏตัวพร้อมกับที่จะฆ่าเขา อย่างไรก็ตามมู่หยุนไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด
ใบหน้าของมู่หยุนตึงเตรียด เขาตะโกนด้วยความโกรธขณะที่กระบี่สีแดงในมือของเขาเพิ่มอุณหภูมิร้อนอย่างมาก ในเวลาเดียวกันนั้นเปลวไฟก็ปะทุขึ้นมาครอบคลุมใบกระบี่ พร้อมกับที่มู่หยุนฟันกระบี่ไปปะทะกับง้าว
ทันทีที่มู่หยุนฟันกระบี่ของเขา มันก็กลายเป็นงูเพลิงสามตัว สองตัวแรกพุ่งไปที่ง้าวขณะที่อีกตัวที่เหลือพุ่งเข้าใส่ศัตรูของเขา
“ปัง!”
ง้าวและงูเพลิงเข้าปะทะกันครั้งใหญ่ งูสองตัวถูกผ่าครึ่งด้วยง้าว ทำให้เกิดประกายไฟกระจายออกไปทั่วบริเวณ ถ้าใครมองจากไกล ๆ พวกเขาจะคิดว่าเป็นดอกไม้ไฟที่ใหญ่อย่างมาก
ในขณะที่งูสองตัวแรกถูกฟันจนหายไปโดยง้าว งูตัวที่สามก็เหมือนกับเสือที่ดุร้ายและเพิ่มความร้อนมากขึ้นขณะที่ลอยอยู่ในอากาศไปหาชายคนนั้น
งูไฟตัวที่สามลอยเข้าหาชายคนวัยกลางคน มือขวาของเขาปล่อยง้าวและจากนั้นชายคนนั้นก็รวบรวมพลังเซียนธาตุลมเข้ามาในกำปั้นก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหางูไฟ
กำปั้นนั้นปะทะกับงูไฟทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง งูไฟกระจายไปทั่วท้องฟ้าในตอนกลางคืนก่อนที่จะหายไปในอากาศ
หลังจากที่กำจัดงูไฟด้วยกำปั้นแล้ว ชายคนนั้นก็หยุดโจมตีใส่มู่หยุน ขณะที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นี่คือทักษะการต่อสู้ ไม่คิดว่าเจ้าจะรู้ด้วย ไม่มีใครรู้ว่ากำปั้นของชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงและขยายใหญ่ขึ้น
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นพูด เจี้ยนเฉินก็มองมาที่มู่หยุนอย่างแปลกใจ เจี้ยนเฉินไม่รู้จักทักษะการต่อสู้ แต่เขารู้ว่าพวกมันเป็นดั่งของล้ำค่าสำหรับผู้บ่มเพาะในทวีปเทียนหยวน เป็นไปได้ที่พวกมันจะช่วยจะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาอีกหลายขั้นและไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถจัดการได้ เจี้ยนเฉินไม่คิดว่าทหารรับจ้างที่ดูธรรมดาอย่างมู่หยุนจะมีสิ่งของที่ราคาแพงขนาดนี้ เนื่องจากทักษะการต่อสู้นั้นหายากและมีราคาแพง แม้กระทั่งเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษก็ยังไม่อาจครอบครองได้
ทักษะการต่อสู้มีทั้งระดับสูงและต่ำ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินออกจากบ้านเดินทางมาที่ทวีปเทียนหยวน แต่เขาก็ยังได้อ่านหนังสือหลายเล่มในหอหนังสือและไม่ด้อยไปกว่าประสบการณ์ของทหารรับจ้างในแง่ของความรู้ ด้วยการมองการณ์ไกลของเขา เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าทักษะการต่อสู้และวิธีการบ่มเพาะของมู่หยุนนั้นอยู่ในระดับต้น ๆ นี่เป็นเพราะทักษะการต่อสู้และวิธีการบ่มเพาะที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้ การจะสร้างเปลวเพลิงโดยอาศัยจุดแข็งของมู่หยุนในฐานะเซียนระดับสูง