ตอนที่ 104.1 ใช้ปากเล็กของเจ้ามอบความสุขแก่มัน (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ครั้งนี้ในที่สุดเขาก็ได้กอด ‘เขา’แล้ว

คนที่กอดอยู่คือ‘เขา’ตัวจริง และไม่ใช่ความฝัน

สวรรค์รู้ว่าหลังเกิดเรื่องนั้นในหออวี๋หง คนตัวเล็กนี้ยืนกรานพูดว่าจะจากไป ทำให้เขาวิตกกังวล

เดิมทีคิดว่า‘เขา’จะเกลียดชังเขา ไม่อยากเห็นหน้าเขา ดังนั้นเขาจึงใช้เรื่องโจรสลัดที่ไท่ซานจากไปสักพัก จัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง

เขารู้ว่าตนคล้ายเริ่มไม่ปกติ

เดิมทีคิดว่าตนยังเป็นชายหนุ่มปกติผู้หนึ่ง ความจริงเขาแค่หลอกตัวเองเท่านั้น

หลังเจอกับคนตัวเล็กนี้ เขาก็ไม่ปกติอย่างมากแล้ว

ทว่าเขากลับไม่เสียใจ

เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมาตลอด ไม่รู้ว่าโลกใบนี้ยังมีสิ่งใดที่น่าสนใจ

พอ ‘เขา’ ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เขาได้ลิ้มลองว่า เวลานี้ความจริงยังมีเรื่องมากมายที่น่าสนใจ

และทำให้เขารู้สึกมีความสุข

ดังนั้นสำหรับคนตัวเล็กนี้ เขาจึงไม่อยาก…ปล่อยมือไป!

พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มองเล่อเหยาเหยา เต็มไปด้วยความหนักแน่น

และแขนที่กอดเล่อเหยาเหยาก็กระชับแน่นขึ้นหนึ่งส่วน

คล้ายสัตว์ร้ายสง่าผ่าเผยแข็งแกร่ง ปกป้องสมบัติที่สำคัญที่สุดของตน ไม่ให้ผู้ใดปรารถนาในของเหล่านั้น

ท่าทางของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้หนานกงจวิ้นซีมองอย่างตกตะลึง

ศิษย์พี่ใหญ่เขาช่าง…

“พวกเจ้าคุยกันไปเถิด”

ไม่สนใจว่าทั้งสองคนจะคิดเช่นไร เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทิ้งไว้เพียงสี่คำ จากนั้นก็อุ้มเล่อเหยาเหยา เดินไปยังตำหนักหย่าเฟิงอย่างมั่นคง เหลือไว้เพียงหนานกงจวิ้นซีที่อ้าปากค้าง และตงฟางไป๋ที่นั่งจิบชาอย่างสง่างาม

เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าการนอนครั้งนี้ คือการนอนที่สบายที่สุดครั้งหนึ่งของเธอ

เพราะภายในฝัน เธอคล้ายล่องลอยอยู่บนชั้นเมฆขนาดใหญ่ที่พริ้วไหวไปมา

สุดท้ายปุยเมฆหยุดลง แต่ว่าความรู้สึกจริงใต้ร่างกายนุ่มสบาย สบายกว่าเตียงสปริงก่อนหน้านี้ที่บ้านของเธอ ทำให้เธออยากนอนไม่อยากตื่นขึ้นมา

แม้เธออยากจะนอนให้นานกว่านี้ ท้องของเธอกลับคัดค้านขึ้นมา

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงละทิ้งการนอน คิดตื่นขึ้นมาหาของกิน เพื่อเติมท้องให้เต็ม จนมีแรงแล้วค่อยกลับมานอนต่อ

นิสัยของเล่อเหยาเหยา เวลาตื่นนอน ไม่ใช่เปิดเปลือกตาทันที แต่เป็นการบิดตัวอย่างเกียจคร้าน

แต่ว่าครั้งนี้ ขณะที่เล่อเหยาเหยาบิดขี้เกียจดั่งปกติ กลับพบเรื่องผิดปกติขึ้นมา

นั่นคือ…

เตียงของเธอเปลี่ยนไปเป็นเล็กขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด!

เธอจำได้ว่าเตียงในตำหนักหย่าเฟิงของตน ไม่ว่าเธอจะนอนในแนวนอนหรือแนวขวางก็ไม่ตกจากเตียง และยังกว้างขวางอย่างยิ่ง

แต่ครั้งนี้ มือของเธอกลับชนเข้ากับบางสิ่ง

และสิ่งนั้น ไม่รู้คือสิ่งใด มันอุ่น ร้อน และยืดหยุ่นยิ่งนัก

เล่อเหยาเหยาที่เพิ่งตื่นนอน สมองยังขุ่นมัว เวลานี้จึงคิดไม่ออกว่านี่คือสิ่งใด

หลังลืมตาขึ้นจึงพบว่า ตรงหน้ามืดมิด แม้เธอจะพยายามเบิกตามองสิ่งที่ชนกับมือไม่หยุด แต่มองไม่ออก

เมื่อมองไม่เห็น เธอต้องลูบคลำดู!

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเบิกตาที่สงสัยและงัวเงียขึ้น ก่อนขยับมือขึ้นมา จากนั้นมือเล็กก็ลูบคลำสิ่งนั้น

สิ่งแรกที่เธอลูบคือส่วนที่ค่อนข้างกว้างขวาง

ส่วนนั้นแข็งอย่างยิ่งและยืดหยุ่น บนนั้นคล้ายยังมีจุดแข็งสองจุด

“เอ่อ ดูคล้าย”

นั่นคือสิ่งใด

เล่อเหยาเหยามึนงง จากนั้นลูบสองจุดนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์รอบหนึ่ง เมื่อไม่พบต้นสายปลายเหตุ จึงลูบคลำขึ้นไป

ส่วนที่มือลูบคลำไปนั้นราบเรียบยิ่งนัก กระทั่งเมื่อเล่อเหยาเหยาจับเข้ากับสิ่งที่อ่อนนุ่มบางอย่าง

“เอ๊ะ นี้มันคือสิ่งใด”

เล่อเหยาเหยากระพริบตาอย่างสงสัย ทว่าการเคลื่อนไหวของมือกลับไม่หยุดลง

ก่อนจะบีบสิ่งนั้น พบว่าสิ่งนั้นคล้ายถูกผ้าห่อหุ้มเอาไว้ นุ่มมือคล้ายขนม

ขนมหรือ!

บนเตียงเธอมีขนมตั้งแต่เมื่อใด! หรือเสี่ยวมู่จื่อรู้ว่าเธอยังไม่ได้ทานข้าว จึงนำขนมมาให้เธอ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันดีใจ

แต่เธอดีใจได้ไม่นาน เรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น

รู้สึกเพียง‘ขนม’ที่ถูกเธอจับ พลันค่อยๆ แข็งขึ้นจากเดิมทีที่อ่อนนุ่มเบาบาง

เมื่อบีบอีกครั้ง คล้ายแข็งขึ้นมาหลายส่วน

เล่อเหยาเหยาตกตะลึงอย่างที่สุด กับสิ่งแปลกประหลาดนี้

เพราะเพิ่งตื่นนอน สมองคล้ายกับถูกแป้งเปียกกองใหญ่อัดแน่นอยู่ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ยังไม่ได้สติเต็มร้อย รู้สึกเพียงแปลกใหม่และน่าสนใจ

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงนึกสนุก  ทั่วร่างกายคล้ายเด็กน้อยที่เพิ่งได้รับของเล่นชิ้นใหม่ สอดมือเข้าไปในของเล่นในมือไม่หยุด ไม่ใช่ลูบคลำอีกต่อไป

ยิ่งเล่นนานของเล่นนั้นยิ่งขยายใหญ่ขึ้น เล่อเหยาเหยาก็คล้ายนึกถึงบางสิ่งขึ้นมา

เพราะของเล่นในมือคล้ายกับ…คล้ายรู้สึกคุ้นมือ

ความรู้สึกที่จับบนมือ ไม่ได้แปลกใหม่ คล้ายไม่นานมานี้ เธอเคยลูบคลำมาก่อน น่าจะ…

หออวี๋หง!

พอคิดถึงตรงนี้ ใจของเล่อเหยาเหยาคล้ายถูกก้อนหินขนาดใหญ่ทุบเข้าอย่างรุนแรง สมองพลันเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้นมาดุจสายฟ้าฟาด!

เพราะเพียงนึกถึงเรื่องในหออวี๋หง เธอพลันรู้ว่าของเล่นในมือนั้นคือสิ่งใด!

นี่มันไม่ใช่…

“เจ้าลูบคลำพอหรือยัง!”

ขณะเล่อเหยาเหยาตกตะลึง หูก็ได้ยินเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำมีเสน่ห์ดังขึ้นมา

น้ำเสียงนี้ ไม่ปิดบังเสียงขึ้นจมูก เห็นชัดว่าเจ้าของก็เพิ่งตื่นนอน

ยิ่งกว่านั้น เสียงนี้ช่างคุ้นเคยเสียจนเล่อเหยาเหยาที่ได้ยิน หัวใจพาลจะหยุดเต้นไป

สวรรค์!

ผู้ใดช่วยบอกเธอที นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่

เหตุใดพญายมจึงอยู่บนเตียงของเธอ

ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า เธอลูบคลำนกใหญ่ของพญายมอีกแล้ว!

และเมื่อครู่ยังลูบคลำอย่างพอใจขนาดนั้น หรือเธอกับนกใหญ่มีวาสนาต่อกัน!

ที่สำคัญคือพญายมตื่นขึ้นแล้ว หลังรู้ว่าว่าเธอลูบคลำนกใหญ่ของเขา จะคิดว่าเธอมีงานอดิเรกคือการชื่นชอบลูบคลำนกใหญ่ของเขาหรือไม่!

ฮือๆ

เธออยากจะบ้าตาย!

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยาก็ร้องตะโกนในใจอย่างบ้าคลั่ง บนใบหน้าก็ดูคล้ายจะร้องไห้ออกมา ทว่าไม่มีน้ำตา

เธอตอนนี้ อยากที่จะหดร่างกายตนให้เล็กลง เล็กดุจเม็ดฝุ่น เช่นนั้นเธอจึงจะไม่ถูกพญายมเห็นเข้า

เพราะน่าตายนัก หรือเธอกับท่านอ๋องผู้นี้จะดวงข่มกัน!

เหตุใดหลังจากเธอมาที่นี่ จึงเกิดเรื่องขายหน้าขึ้นมาทีละเรื่อง คล้ายไม่มีวันสิ้นสุด!

หรือสวรรค์จะกลั่นแกล้งเธอ!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาอยากร้องตะโกนอย่างยากลำบาก หูก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของพญายมนั้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ที่แตกต่างคือ ครั้งนี้ภายในน้ำเสียงของพญายมดูอดกลั้นบางอย่างอย่างหนักอยู่

“เจ้าคิดจะลูบคลำไปอีกนานเพียงใด”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยามีสีหน้าเก้อเขิน

เพราะตอนนี้เธอพบว่า เมื่อครู่ตนตื่นเต้นเกินไป พลันลืมไปว่ามือของตนยังจับอยู่ที่นกใหญ่ของพญายมอยู่

เสียง ‘เปรี้ยง’ดังขึ้น พร้อมเล่อเหยาเหยาที่รู้สึกเพียงสายฟ้าฟาดลงมาบนศีรษะ

ทันใดนั้น มือคล้ายถูกไฟดูด ปล่อยนกใหญ่ในมือออกอย่างรวดเร็ว

ร่างกายก็ดุจบรรจุสปริง เด้งตัวไปด้านหลังอย่างรุนแรง

น่าเสียดายที่ด้านหลังของเธอ กลับเป็นด้านผนัง

เล่อเหยาเหยาเด้งไปด้านหลังอย่างตกใจ แล้วฉากโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้น

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกเพียงด้านหน้ามีดาวเดือนหมุนวนเวียนไม่หยุด

คนพลันกระโจนไปด้านหน้า เข้าไปในอ้อมอกที่ยืดหยุ่นนั้นพอดี

แต่ตอนนี้เล่อเหยาเหยาที่เจ็บศีรษะอย่างหนัก จึงไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นได้

สองมือกุมท้ายทอยที่เจ็บปวดจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ใบหน้าขมวดแน่นเป็นปม จนเธอกัดฟันกรอด

“หรือปีนี้จะเป็นปีชง  เจ็บมาก”

เล่อเหยาเหยาบ่นพึมพำ และความเจ็บต่อมาทำให้น้ำตาเธอแทบไหลออกมา

ความเจ็บที่ท้ายทอย รวมทั้งการไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายวันมานี้ จึงทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าตนเวลานี้ ช่างน่าสงสารเสียจริง

ที่นี่เธอคือเด็กกำพร้าที่ไร้บิดามารดา

เพื่อนก็ไม่ได้มากมาย ร่างกายและสถานะ ยังมักถูกองค์ชายเจ็ดน่าตายนั้นข่มเหงบ่อยครั้ง ยังมีพญายมอีกเช่นกัน

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยาอดแสบจมูกขึ้นมาไม่ได้ ทำให้เธอต้องสูดจมูก

แม้เธอตอนนี้จะอยากร้องไห้ออกมา ระบายสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในใจทั้งหมดออกมา แต่เธอยังกลั้นมันเอาไว้

กระทั่งมือที่กุมท้ายทอย พลันถูกมือใหญ่หนาอบอุ่นเกาะกุม หูก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของพญายม แฝงไปด้วยความอ่อนโยนดังขึ้น

“เจ็บมากหรือไม่”