บทที่ 140 ฉีกเสื้อผ้า

จางซิ่วเอ๋อเงยหน้ามองจางอวี่หมิน ก็เห็นท่าทางไม่ยอมเลิกราเพราะคิดว่าตัวเองถูก

ไม่รู้ว่าจางอวี่หมินไปเอาความมั่นใจมาจากไหน!

ถ้าไม่ยอมเลิกราเพราะตัวเองถูกจริง ๆ ก็ยังดี แต่ปัญหาคือจางอวี่หมินไม่ได้ไม่ยอมเลิกราเพราะตัวเองถูก! นางไม่ถูกแต่ยังจะแถและเชื่อมั่นว่าตัวเองถูก

“เสื้อนี่พังหรือไม่? เราคลี่ออกดูก็รู้ แต่เรื่องจะจบง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ถ้าพังจริงข้าใช้เงินให้ ถ้าไม่พัง…..ข้าจะฉีกเสื้อตัวนี้ให้พังเอง! แต่ข้าไม่ใช้เงินให้หรอกนะ!”

จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่ว่าแค่ด่าจางอวี่หมินไม่กี่คำมันยังไม่สาสม

จางอวี่หมินชอบอะไรนางจะลงมือกับสิ่งนั้น จางอวี่หมินได้เจ็บหลาบบ้างจะได้รู้ว่าไม่ใช่จะหาเรื่องใครอย่างไรก็ได้!

จางอวี่หมินชอบเสื้อตัวนี้มากไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นนางก็จะฉีกเสื้อตัวนี้ให้เละไปเลย!

วันนี้ตอนที่เห็นแม่โจวซักผ้าจนมือซีดเหี่ยวย่น จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกโมโหจนอยากจะอาละวาดกับตระกูลจาง

แต่นางจะอาละวาดเรื่องแม่โจวซักผ้าไม่ได้

ถึงอย่างไรสะใภ้บ้านไหนก็ต้องซักผ้า ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปย่อมไม่ดีกับแม่โจว

อีกอย่าง คนตระกูลจางต้องหาเรื่องโดยใช้เรื่องนี้แน่ ๆ

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับจางอวี่หมินตอนนี้ล่ะ? มันเป็นเรื่องของนางกับจางอวี่หมินโดยตรง ถึงอย่างไรนางก็มีปัญหากับทั้งตระกูลจางไปแล้ว ขอแค่ไม่อาละวาดด้วยเหตุผลเรื่องแม่โจว ต่อให้คนตระกูลจางโมโหก็คงไม่ระบายอารมณ์กับแม่โจวทั้งหมด

อย่างไรเสียแม่โจวก็ยังตั้งครรภ์อยู่ ก่อนที่เด็กคนนั้นจะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเด็กผู้หญิง สำหรับแม่โจวแล้ว เด็กคนนี้ก็เหมือนกับเป็นยันต์ป้องกันตัว

จางซิ่วเอ๋อจึงตั้งใจจะถือโอกาสนี้จัดการเรื่องทั้งหมดทีเดียว

จางอวี่หมินได้ยินแบบนี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมา ถ้าคลี่ออกดูแล้ว…..

นางมองเสื้อผ้าที่อยู่ในกะละมัง ถึงจะยังไม่ตากแต่แม่โจวพับเสื้อผ้าจนเรียบร้อยหมดแล้ว และทุกครั้งที่ซักผ้าแม่โจวจะระมัดระวังมาก ตอนนี้เสื้อตัวนี้ยังไม่พังแน่ ๆ ……

จางอวี่หมินไม่เห็นด้วย “ดูอะไร ข้าบอกว่าพังก็พังสิ!”

จางซิ่วเอ๋อถามกลับ “เจ้ามีปากเลี่ยมทองฟันหยก*หรือไง? ที่บอกว่าพังก็พัง? พังหรือไม่พังเราคลี่ออกดูให้ชัดไปเลย!”

*ปากมีวาจาสิทธิ์

จางอวี่หมินร้อนรนขึ้นมาทันควัน รีบเดินเข้าไปแย่งกะละมังจากมือจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเสียงเย็นและปล่อยมือจากกะละมัง พร้อมหยิบเสื้อสีชมพูตัวนั้นออกมา

จางซิ่วเอ๋อสะบัดเสื้อพลางกล่าว “เจ้าพูดมาสิ! ว่าเสื้อตัวนี้พังตรงไหน?”

“นี่ไง! เจ้าดูสิ! ตรงนี้พัง! ตรงนี้มีรู!” จางอวี่หมินกลอกตาพลางชี้ไปตรงท้ายกระโปรง

แม่โจวเห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยขึ้นข้าง ๆ “นี่เป็นรูที่ไฟลนโดยบังเอิญตอนที่เจ้าไปหาของกินในห้องครัวครั้งที่ข้าทำกับข้าวชัด ๆ ……”

จางอวี่หมินได้ฟังก็หน้าแดงขึ้นมา รู้สึกอยากแทรกแผ่นดินหนีขึ้นมาทันที

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วมองจางต้าหูพลางถาม “ตอนที่จางอวี่หมินบอกว่าเสื้อตัวนี้พัง ท่านเข้าข้างจางอวี่หมิน ตอนนี้เสื้อตัวนี้ไม่ได้พัง ไม่รู้ว่าคนเป็นพ่ออย่างท่านจะพูดเข้าข้างข้าบ้างได้หรือไม่?”

น้ำเสียงจางซิ่วเอ๋อแฝงแววถากถาง “ท่านไม่พูดก็ไม่เป็นไร ข้ารู้นานแล้วว่าท่านเป็นคนแบบไหน รู้ว่าท่านน่ะไม่มีความยุติธรรมหรอก!”

ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่พูดแบบนี้จางต้าหูก็จะยังทำเป็นมองไม่เห็นอะไร และมองทุกอย่างโดยไม่พูดไม่จา

แต่จางซิ่วเอ๋อพูดแล้ว พอจางต้าหูโดนกระตุ้นเข้า จึงไม่อาจไม่ออกมาพูดอะไรหน่อยไม่ได้

จางต้าหูมองจางอวี่หมินพลางกล่าว “อวี่หมิน! เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูก ยังไม่รีบขอโทษอีก”

จางอวี่หมินเม้มปากพูด “ทำไมข้าต้องขอโทษด้วย! เสื้อนั่นพังจริง ๆ!”

จางซิ่วเอ๋อยิ้มเย็น “ข้าไม่ต้องการคำขอโทษจากเจ้า เจ้าบอกว่าเสื้อตัวนี้พังไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเจ้ากล่าวหาข้าด้วยข้อหานี้แล้ว ข้าไม่ทำอะไรหน่อยคงผิดต่อเจ้า…..อีกอย่าง เมื่อครู่นี้พวกเราคุยกันแล้วนี่ ตามข้อตกลงเมื่อครู่ ข้าต้องฉีกเสื้อตัวนี้ทิ้ง”

พูดแล้วจางซิ่วเอ๋อก็ทำท่าจะฉีกเสื้อตัวนั้น

จางอวี่หมินเห็นแบบนั้นก็ไม่ยอม ตอนนี้ไม่สนเรื่องที่อยากได้เงินหรือเสื้อผ้าจากจางซิ่วเอ๋อแล้ว

นางเอากะละมังยัดใส่แม่เฒ่าจางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพุ่งเข้าไปดึงเสื้อตัวนั้นไว้ “เจ้าคืนเสื้อผ้าข้ามานะ”

นอกจากจางซิ่วเอ๋อจะไม่คืนแล้วยังออกแรงดึงไปด้านหลังอีกด้วย

จางอวี่หมินเห็นดังนั้นจึงออกแรงมากขึ้น……

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังแคว่ก….เสื้อผ้าขาดออกจากกัน

เสื้อถูกฉีกจนขาดเป็นรูใหญ่

จางอวี่หมินหน้าเสียทันที พร้อมตะโกนลั่น “เสื้อของข้า! เสื้อของข้า!”

“กรี๊ดด! จางซิ่วเอ๋อ ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!” พูดเสร็จจางอวี่หมินก็พุ่งเข้ามา

หากเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ จางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่างคงรอโดนตบโดยไม่กล้าพูดจาแน่นอน แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ใช่เจ้าของร่าง เวลาแบบนี้จะยอมโดนตบอย่างเดียวได้อย่างไร

เนื่องจากในมือแม่เฒ่าจางถือกะละมังอยู่ จึงรู้สึกตัวช้าไปครึ่งก้าว

จางซิ่วเอ๋อเห็นว่าจางอวี่หมินพุ่งเข้ามา นางก็ไม่หลบแต่ยื่นขาไปขัด

ก่อนจะเกิดเสียงดังโครม จางอวี่หมินล้มหน้าคว่ำกับพื้น

จางซิ่วเอ๋อเห็นดังนั้นพูดขึ้นด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ท่านอาเล็ก เจ้าทำอะไรน่ะ? ข้าฉีกเสื้อของเจ้าไปแล้วก็ไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าใส่ร้ายข้าแล้ว เราสองคนถือว่าไม่ติดค้างอะไรกันแล้วนะ…..”

“ทำไมเจ้าต้องขอโทษข้าเสียยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วย? ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้ใหญ่ เจ้าทำแบบนี้ตั้งใจทำให้ข้าอายุสั้นรึไง?” จางซิ่วเอ๋อกล่าวพลางยิ้มตาหยี

ใช่แล้ว ตอนนี้จางซิ่วเอ๋ออารมณ์ดีมาก

สาเหตุน่ะเหรอ…..นอกจากการต่อสู้เมื่อครู่จะได้รับชัยชนะแล้ว นางก็มีเรื่องน่ายินดีที่ไม่ได้คาดหวังไว้ด้วย

จางอวี่หมินล้มลงไปแบบนี้ เหมือนนางจะได้ยินเสียงเนื้อผ้าครูดกับพื้นด้วย ถ้าเดาไม่ผิด การที่นางล้มคว่ำแบบนี้ เสื้อผ้าบางส่วนก็คงถูกับพื้น…..

ใช่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เสื้อที่จางอวี่หมินใส่อยู่ก็พังเหมือนกัน!

นึกถึงตอนที่จางอวี่หมินชอบใส่เสื้อสองตัวนี้และทำตัวลำพองแล้ว ตอนนี้เสื้อสองตัวนี้กลับพังทั้งคู่ จางซิ่วเอ๋อก็อดสมน้ำหน้าในใจไม่ได้

จางอวี่หมินร้องครวญคราง “เจ็บ! ฮือ ๆ ……เจ็บจังเลย”

จางอวี่หมินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหัวเข่าและข้อศอกตัวเองเป็นแผลถลอก เสื้อผ้าติดอยู่ที่พื้นอาจจะมีทรายปนเข้ามาด้วย นางเป็นคนเหยาะแหยะอยู่แล้ว ตอนนี้จึงอดครวญครางไม่ได้

แม่เฒ่าจางลนลานขึ้นมาทันที

นางโยนกะละมังทิ้งและหันไปด่าจางซิ่วเอ๋อ “นังตัวซวย มาบ้านข้าทำไมอีก? ทันทีที่เจ้ามาก็เกิดเรื่องกับอวี่หมินเลย!”

จางซิ่วเอ๋อชี้กำแพงรั้ว “ถนนนี้อยู่ใต้ฟ้า ใคร ๆ ก็เดินได้ ข้ายังไม่เข้าประตูบ้านท่านเลย จางอวี่หมินพุ่งมาหาเรื่องเอง”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แตกแล้วหนึ่ง สะใจจริง ๆ ค่ะ คนอย่างอวี่หมินมันต้องเจอแบบนี้

ไหหม่า(海馬)