ตอนที่ 122 ผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงหลานถูกรบกวนจนท้ายที่สุดก็ได้แต่ยอมจำนน เธอให้เสี่ยวซื่อใช้แต้มผลการรบหนึ่งหมื่นแต้มที่สำรองไว้หาโอกาสได้แต้มกลับมา แน่นอนว่าหลิงหลานก็มีเตือนไว้ก่อนล่วงหน้าเช่นกันว่า ถ้าหากขาดทุนขึ้นมาก็จะถลกกางเกงเสี่ยวซื่อลงมาแล้วฟาดแรงๆ ใช้ความรุนแรงในครอบครัวสักยก

เสี่ยวซื่อพ่นเสียงทางจมูกอย่างดูถูกคิดว่าหลิงหลานไม่มีโอกาสใช้ความรุนแรงในครอบครัวแน่นอน จากคำพูดของเขา คุณเคยเห็นเทพขาดทุนหรือเปล่า? อะไรนะ? คุณบอกว่ามี? ถ้าอย่างนั้นคุณต้องสมองมีปัญหาแน่นอน!

หลิงหลานไม่ได้สมองทึบอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่เธอมอบแต้มผลการรบหนึ่งหมื่นแต้มให้กับเสี่ยวซื่อแล้วก็ไม่ได้ครุ่นคิดเรื่องนี้อีก แน่นอนว่าในใจหลิงหลานย่อมเตรียมการไว้แล้วว่า ถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมาจริงๆ ก็จะให้เสี่ยวซื่อเสี่ยงเอาแต้มเครดิตจากโลกภายนอกมาแลกเป็นแต้มผลการรบเพื่อชดใช้หนี้คืน ถึงยังไงเธอก็เป็นลูกพี่ต้องรับผิดชอบพวกลูกน้องของเธอ

หลังจากที่หลิงหลานจัดการเรื่องราวในโลกความจริงทั้งหมดแล้ว เธอก็มุมานะฝึกฝนการควบคุมหุ่นรบของเธอต่อ เวลาค่อยๆ เข้าใกล้ช่วงเส้นตายสุดท้ายแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงหลิงหลานก็ทำลายกำแพงสามนาทีสุดท้ายไม่ได้ พูดอีกอย่างก็คือ หลิงหลานใช้ความเร็วมือสูงสุดของเธอโดยที่หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดจากการควบคุมที่ไม่จำเป็นทั้งหมดแล้ว แต่น่าเสียดายสุดท้ายเวลากลับหยุดลงอยู่ที่ประมาณสามนาทีสามสิบวินาที ผลสำเร็จที่ดีที่สุดภายใต้สภาพที่ดีที่สุดของเธอก็แค่เกือบถึงสามนาทียี่สิบวินาทีเท่านั้น ยังห่างชั้นกับเวลาสามนาทีมากเกินไปจริงๆ…

เมื่อบังคับจนถึงขีดสุด ต่อให้จะเพิ่มเวลาขึ้นอีกหนึ่งวินาทีก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หลิงหลานคล้ายกับคาดการณ์ถึงการล้มเหลวของภารกิจครั้งนี้ได้ล่วงหน้าเลย ความรู้สึกเจ็บชาไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจจากการที่ร่างกายถูกไฟช็อตนั้นหวนมาอีกครั้ง ตัวเธอก็อดสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้

หลิงหลานยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจ ผลจากการฝึกฝนผ่านด่านหลายครั้งต่อมาก็ยิ่งแย่ลง ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับครั้งที่แล้วที่เธอฝึกฝนตามวิธีการฝึกความเร็วมือที่พ่อสอนจนถึงจุดคอขวดก็ไม่ปาน หลิงหลานคิดในใจว่านี่เป็นขีดจำสกัดสูงสุดของเธอแล้วหรือเปล่า ความจริงแล้วเธอไม่เหมาะกับการควบคุมหุ่นรบเลย?

สภาพจิตใจของหลิงหลานแบบนี้ไม่เหมาะกับฝึกฝนควบคุมหุ่นรบ มิติการเรียนรู้ที่จู้จี้จุกจิกก็ไล่หลิงหลานออกมาอย่างไร้ความปรานี

เสี่ยวซื่อที่เดิมทีกำลังง่วนอยู่กับการหาแต้มผลการรบก็สัมผัสได้ว่าลูกพี่อารมณ์ไม่ดี เขารีบวางเรื่องในมือลงแล้วหนีกลับมาสอบถามสาเหตุ เมื่อรู้ว่าเจอจุดคอขวดอีกครั้ง เขาก็แนะนำให้หลิงหลานออกไปเดินเที่ยวในโลกเสมือนจริงด้านนอกเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง

หลิงหลานรู้สึกว่าอยู่ในมิติภารกิจมาตลอดก็หาทางแก้ไขปัญหาอะไรไม่เจอ ยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพในการฝึกฝนก็แย่ลงเรื่อยๆ ไม่สู้ออกไปข้างนอกผ่อนคลายจิตใจ แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้อีกครั้งว่าหลังจากที่ได้เรียนควบคุมหุ่นรบที่โลกภายนอกแล้วถึงค่อยเปิดหลักสูตรหุ่นรบของมิติการเรียนรู้ได้ บางทีคำตอบของการทะลวงจุดคอขวดอาจจะอยู่ในโลกเสมือนจริงด้านนอกก็เป็นได้

หลิงหลานกับเสี่ยวซื่อจึงกลับไปในหอฝึกหุ่นรบสถานที่ที่พวกเขาออฟไลน์ในครั้งแรกเช่นนี้เอง

อย่างไรก็ตาม หอฝึกหุ่นรบในวันนี้เวลานี้กลับมีมือใหม่เข้ามาฝึกไม่น้อยเลย ในห้องฝึกฝนที่หลิงหลานเลือกนี่ก็มีหุ่นรบเจ็ดแปดตัวกำลังฝึกฝนพวกการเคลื่อนไหวพื้นฐานอยู่ข้างใน มีหุ่นรบรูปแบบสัตว์ป่าประเภทที่มีพละกำลังคล่องแคล่วว่องไวรูปร่างเสือชีตาห์ เสือ สิงโต และก็มีหุ่นรบรูปแบบโจมตีอย่างรุนแรงอย่างพวกเม่น สเตโกซอรัส แรดที่มีเขาแหลม แน่นอนว่ามีหุ่นรบรูปแบบตรวจสอบว่องไวอย่างพวกหมาป่ากับจิ้งจอกเช่นกัน

พวกเขากำลังฝึกการเคลื่อนไหวพื้นฐานของหุ่นรบอยู่ มีผู้ควบคุมมือใหม่ในหมู่มือใหม่ที่บังคับหุ่นรบครั้งแรกอย่างโซซัดโซเซเหมือนกับหลิงหลานในครั้งก่อน และก็มีผู้ควบคุมที่ฝึกฝนมาแล้วช่วงหนึ่งจนเป็นมือใหม่รุ่นเก๋าที่มีพื้นฐานในระดับหนึ่ง

เมื่อหลิงหลานเข้าไปในห้อง หุ่นรบสัตว์ป่าส่วนใหญ่ภายในห้องต่างก็หยุดหรือชะลอการฝึกฝนเคลื่อนไหวของตัว นี่เป็นเพราะว่าหุ่นรบของหลิงหลานคือหุ่นรบกระต่ายที่หายากสุดขีดในตลาด นอกจากนี้สถานะสแตนด์บายที่หลิงหลานตั้งค่าไว้อัตโนมัติคือกระต่ายโยกศีรษะพลางแทะแครอทที่กอบกุมไว้บนสองขาหน้าของมัน รูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักบวกกับการกระทำที่น่ารักย่อมดึงดูดสายตาของผู้คนอยู่แล้ว

การที่หลิงหลานตั้งค่าการสแตนด์บายหุ่นรบให้เป็นท่วงท่านี้ก็เป็นความคิดชั่ววูบเช่นกัน เดิมทีเธอคิดว่าจะไม่มีคนมองเห็นการเคลื่อนไหวแบบนี้ เพราะฉะนั้นเลยจงใจออกแบบให้ดูน่ารักนิดหน่อยเพื่อความสุขใจของเธอ แต่เธอไม่นึกเลยว่าการมาฝึกฝนที่หอฝึกหุ่นรบครั้งแรกนั้นจะเป็นสถานการณ์พิเศษ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างถูกดึงดูดให้ไปชมการประลองหุ่นรบในหอต่อสู้ มีคนอยู่ในหอฝึกหุ่นรบไม่กี่คน ดังนั้นก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่มีเธออยู่ในห้องเพียงคนเดียวเท่านั้น

ถึงแม้หลิงหลานจะประหลาดใจว่าทำไมถึงมีหุ่นรบฝึกฝนอยู่ในห้องมากมายขนาดนี้ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เอามาใส่ใจเช่นกัน แม้ว่าท่วงท่าการสแตนด์บายของหุ่นรบกระต่ายจะดูโง่เง่าน่ารักอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครรู้ว่าคนที่บังคับคือใคร หลิงหลานไม่คิดว่าหลังจากนี้ไปตอนที่เธอใช้สถานะตัวตนที่แท้จริงออนไลน์เลือกหุ่นรบ เธอยังจะโชคร้ายหยิบหุ่นรบกระต่ายมาได้อีกครั้ง….

มีหุ่นรบเสือชีตาห์ตัวหนึ่งในหอฝึกหุ่นรบที่ไม่สนใจการมาของหลิงหลานโดยสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวของเขาไม่แปรเปลี่ยน ยังคงทำการฝึกฝนพื้นฐานของตัวเองอย่างเป็นแบบแผน สายตาของหลิงหลานถูกอีกฝ่ายดึงดูดรวดเร็วมาก เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามควบคุมหุ่นรบตัวนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง กระโดด ทะยานไปข้างหน้า ทุกการเคลื่อนไหวต่างก็เรียบง่ายรวดเร็ว เคลื่อนไหวติดต่อกันได้คล่องแคล่วลื่นไหลสุดขีด ให้ความรู้สึกถึงความงดงามจากการผสมผสานระหว่างความเร็วและพลังอย่างสมบูรณ์ ทำให้หลิงหลานเกิดภาพลวงตาว่าหุ่นรบตรงหน้าเหมือนจะไม่ใช่หุ่นรบอีกต่อไป หากแต่เป็นเสือชีตาห์ที่แท้จริงซึ่งมีขนาดตัวยักษ์ใหญ่สุดยอด

ความสนใจของหลิงหลานก็ดึงความสนใจของเสี่ยวซื่อเช่นกัน เขาลอบตรวจสอบผู้ควบคุมที่อยู่ด้านในเสือชีตาห์ เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้นก็อดร้องเอ๊ะด้วยความประหลาดใจไม่ได้ ทำให้หลิงหลานได้สติกลับมาจากสภาวะที่มองจนตะลึงงันทันที “เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวซื่อ?”

เสี่ยวซื่อพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ฮ่าๆ ลูกพี่ พวกเราเจอคนคุ้นเคยด้วยแหละ เธอเดาสิว่าผู้ควบคุมที่อยู่ในหุ่นรบเสือชีตาห์คือใคร?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? ฉันเพิ่งจะมาที่โลกเสมือนจริงนี้เป็นครั้งที่สองเองนะ ไม่ได้รู้จักใครสักหน่อย หรือว่าจะเป็นคนจากในโลกความเป็นจริง?” หลิงหลานลูบคางพลางกล่าวอย่างครุ่นคิด

“ไม่ใช่ เป็นคนที่เรารู้จักในโลกเสมือนจริงครั้งที่แล้ว ลูกพี่ เธอยังเคยพูดคุยกับอีกฝ่ายเลยนะ คำใบ้คืออีกฝ่ายอันตรายมากๆ เลย…” เสี่ยวซื่อส่ายนิ้วชี้มือขวา ยิ้มกริ่มพลางเอ่ยกับหลิงหลาน

หลิงหลานตระหนักขึ้นมาได้ทันที “แฮคเกอร์ที่มีความสามารถผีซวีคนนั้นเหรอ?” มีแค่คนผู้นั้นถึงจะให้คำนิยามว่าอันตรายมากได้

“ฮ่าๆ ลูกพี่พูดถูกแล้ว เป็นเขานี่แหละ ไม่นึกเลยว่าความสามารถในการบังคับหุ่นรบของเขาจะดีขนาดนี้…แต่ว่าทำไมเขายังฝึกการควบคุมพื้นฐานอยู่ที่นี่ล่ะ? หรือว่าอายุของเขาไม่ได้แก่กว่าที่พวกเราจินตนาการไว้ขนาดนั้น?” เสี่ยวซื่อกล่าวด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าตอนนั้นชายคนนี้จะปิดบังรูปลักษณ์ไว้ แต่ว่าความรู้สึกที่เขาให้มาก็คือผู้ใหญ่คนหนึ่ง หรือว่าพวกเขาจะถูกหลอกแล้ว?

“ว่าไงนะ ผู้ควบคุมพื้นฐานยังมีการจำกัดอายุด้วยเหรอ?” หลิงหลานสงสัยเล็กน้อย

“ไม่มีนะ แต่ว่าปกติแล้วผู้เริ่มต้นเรียนจะมีอายุระหว่าง 13-16 ปี ต่อให้ล่าช้าก็ไม่ช้าจนถึงอายุ 18 เหมือนกัน ดังนั้นฉันเลยรู้สึกสงสัยนิดหน่อย ความรู้สึกที่ชายคนนั้นให้เรามาควรจะอายุเกินยี่สิบไม่ใช่เหรอ” เสี่ยวซื่อตอบ “แต่ว่าเดิมทีเขาก็เป็นแฮคเกอร์ที่พัฒนาเป็นผีซวี บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกปลอมๆ ที่สร้างขึ้นมาก็ได้เหมือนกัน”

“ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่ไม่ให้ฉันตรวจสอบหน้าตาที่แท้จริงของเขาละก็ พวกเราคงไม่โดนอีกฝ่ายหลอกแล้ว” เสี่ยวซื่อพูดถึงตรงนี้ก็ไม่พอใจเล็กน้อย

“ช่างเถอะ เรื่องน้อยก็ทุกข์น้อยนะ เขากับพวกเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก จะรู้ให้ละเอียดขนาดนั้นไปทำไมล่ะ” หลิงหลานพูดปลอบใจเสี่ยวซื่อ “แต่ว่าความสามารถในการบังคับหุ่นรบของคนๆ นี้ร้ายกาจมากจริงๆ นะ ดูท่าฉันต้องดูวิธีการควบคุมของยอดฝีมือหุ่นรบให้มากๆ หน่อยแล้ว บางทีอาจจะหาแรงบันดาลใจในการทะลวงผ่านจุดคอขวดได้บ้าง”

หลิงหลานรู้สึกว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้เธอทำตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงอยู่บ้าง เธอฝึกฝนแทบเป็นแทบตายอยู่คนเดียว ความจริงแล้วมีการควบคุมมากมายที่เธอคิดว่าต้องเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อมองดูการบังคับของผู้ควบคุมเสือชีตาห์ ทำให้หลิงหลานรู้สึกลึกๆ ว่าการควบคุมบางอย่างของเธอยังเกินความจำเป็นอยู่บ้าง ควบคุมซับซ้อนมากเกินไปนิดหน่อย

“โอ๊ะ ดูเหมือนเขาจะทำภารกิจประเมินผลการเคลื่อนไหวพื้นฐานแล้วนะ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ” เสี่ยวซื่อไม่รอให้หลิงหลานตอบก็พาหุ่นรบกระต่ายของหลิงหลานตามอีกฝ่ายเข้าไปในมิติภารกิจประเมินผล

“พวกเราเข้ามาแบบนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลิหลานมองหุ่นรบเสือชีตาห์ที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการประเมินผล ในใจก็กังวลเล็กน้อย ถึงยังไงอีกฝ่ายก็คือผู้มีความสามารถพัฒนาเป็นผีซวีที่กำจัดคลื่นสมองได้นะ ถ้าเกิดอีกฝ่ายตั้งค่าจำกัดการรับชมล่ะ พวกเขาเข้าไปโจ่งแจ้งขนาดนี้จะไม่เป็นการยั่วยุเหรอ? ถ้าเกิดโชคไม่ดีถึงตายเลยนะ

“ไม่มีปัญหา ภารกิจประเมินผลแบบนี้เปิดเผยต่อสาธารณชน ไม่ว่าใครก็สามารถเลือกรับชมได้ มีคนมากมายสนใจรับชมภารกิจประเมินผลของคนอื่นๆ  เพื่อดูดซับประสบการณ์เล็กน้อยก่อนที่จะทำการประเมินผล” เสี่ยวซื่อตอบอย่างไม่ใส่ใจ

คำตอบของเสี่ยวซื่อทำให้หัวใจของหลิงหลานผ่อนคลายลงฉับพลัน เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่ามีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่นั้นที่ชมการประเมินผลของอีกฝ่าย นี่ทำให้เธอสงสัยนิดหน่อยว่าเสี่ยวซื่อพูดจาเรื่อยเปื่อยหรือเปล่า…

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเป็นมองไม่เห็นการมาของเธอ หลิงหลานคิดๆ ดูแล้วมันก็ไม่ได้แย่อะไรเหมือนกัน นอกจากนี้ต่อให้เสี่ยวซื่อหลอกเธอ เธอก็ไม่สามารถถอยออกไปได้แล้ว ภารกิจประเมินผลน่าจะเริ่มต้นแล้ว

พื้นที่ภายในภารกิจประเมินผลทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางต่างๆ นานามากมายนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ เสือชีตาห์พุ่งเข้าไปในสิ่งกีดขวางพวกนี้โดยที่ไม่ได้ถูกขัดขวางหยุดชะงักเลยสักนิดเดียว การเคลื่อนไหวทั้งหมดลื่นไหลตามใจชอบ ต่อเนื่องกันเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นจุดติดขัดเลยสักนิดเดียว

ในขณะที่หลิงหลานคิดว่าอีกฝ่ายจะผ่านด่านภารกิจครั้งนี้ไปได้อย่างสบายๆ นั้น สิ่งกีดขวางที่เดิมทีหยุดนิ่งก็พลันเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างไม่เป็นระเบียบ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้หลิงหลานสะดุ้งด้วยความตกใจ และก็ทำให้ ผู้ควบคุมเสือชีตาห์ตอบสนองไม่ทันนิดหน่อยเหมือนกัน

เสาหินต้นหนึ่งผุดออกมาฉับพลัน มันยื่นออกมาจากพื้น เวลานี้เสือชีตาห์เพิ่งจะกระโดดขึ้นมาแล้วก็เห็นว่ากำลังจะปะทะกัน ตอนนี้เองก็เห็นเสือชีตาห์ที่อยู่กลางอากาศใช้ขาหลังเหยียบไปบนเสาหินต้นนั้นอย่างแม่นยำ อาศัยแรงนี้ส่งตัวหุ่นรบทะยานออกไปอีกทาง หลบการปะทะของเสาหินครั้งนี้ได้พอดี

หัวใจของหลิงหลานที่เดิมทีหวาดเสียวนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ทว่าเหตุการณ์ต่อมากลับทำให้หัวใจของหลิงหลานพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ที่แท้หุ่นรบเสือชีตาห์ไม่ได้หลุดพ้นจากสถานการณ์อันตราย ถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนทิศทางแล้ว แต่แล้วอีกทางด้านหนึ่งก็มีก้อนหินยักษ์พุ่งทะยานเข้ามาโดยไม่คาดคิด

ผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์ดูเหมือนจะเยือกเย็นมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตื่นตระหนกเลย เขาบังคับหุ่นรบให้ปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวในอากาศ ขาทั้งสี่สั่นอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่าสองครั้ง หลังจากนั้นก็เหยียบไปบนก้อนหินยักษ์อย่างมั่นคงและยืมแรงสายนี้ดีดตัวกลับมา เขาหลบวิกฤติการปะทะกันครั้งนี้ไปได้อีกครา

……………………….