บทที่ 93 คุกเข่าอ้อนวอน

หลังจากบอกที่อยู่เรียบร้อยและวางสาย สีหน้าของหญิงวัยกลางคนยิ่งจองหองมากกว่าเดิม

“ฮึ่ม! ไอ้คนชั้นต่ำ! วันนี้ฉันจะทำให้แกคุกเข่าแล้วเลียเท้าฉัน! กล้ามาตบฉันงั้นเหรอ แกไม่ได้ตายดีแน่!”

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจกับคำพูดของคนที่ใกล้ตายสักเท่าไหร่

เขาหันกลับไปหาถวนถวน แล้วปลอบต่อเพื่อรอเวลาให้ฝั่งตรงข้ามเรียกพวกมาเพิ่มเพื่อที่เขาจะได้ระบายอารมณ์ได้อย่างเต็มที่

จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปอีกราว 5 นาที ขบวนรถ 4-5 คันซึ่งนำมาด้วย Bentley Bentayga สีดำ ก็มาจอดล้อมพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่นับสิบรีบวิ่งกรูกันออกมาจากรถ

บรรดาฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ต่างแสดงสีหน้าตื่นตระหนก รีบวิ่งไปหาที่หลบทันที

“มันจบแล้ว ไอ้หนุ่มนั่นตายแน่วันนี้!”

“ไม่ว่าใครก็ตามที่ล่วงเกินแก็งค์มังกรครามจะมีจุดจบที่ไม่ดีสักราย เฮ้อ… ดูเหมือนว่าวันนี้เลือดคงจะนองถนนแน่นอน”

“นี่มันคือแก็งค์มังกรครามอันโด่งดังของเมืองฮ่วยอันเชียวนะ ไอ้หนุ่มนั่นไปกินอะไรมาถึงได้บ้าบิ่นขนาดนี้!?”

“…”

บรรดาฝูงชนต่างส่ายหัวไว้อาลัยให้กับชะตากรรมของอวี้ฮ่าวหราน ไม่มีใครสักคนในพวกเขาที่ก้าวออกมาพูดแก้ต่างให้กับอวี้ฮ่าวหราน

ทางด้านของหญิงวัยกลางคน เมื่อเห็นเห็นว่าสามีของตัวเองมาแล้ว เธอก็ยิ่งแสดงสีหน้าจองหองมากกว่าเดิม เธอกระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนว่า

“มาแล้ว! ผัวของฉันมาแล้ว วันนี้แกตายแน่ไอ้ลูกหมา แกตายแน่! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“ไหนคนไหนที่บังอาจตบเมียฉัน?”

ทันทีที่ลงจากรถ เฉินซิวตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

ใช่แล้วเขาคือเฉินซิว คนเดียวกับที่เคยดักปล้นกำไลหยกของอวี้ฮ่าวหรานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้วโดนอวี้ฮ่าวหรานอัดซะน่วมกลับไปหาหัวหน้าแก็งค์

ฝูงชนยิ่งตกตะลึงมากเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือเฉินซิว พวกเขาไม่คิดว่าเสาหลักของแก็งค์มังกรครามจะมาด้วยตัวเองแบบนี้

นี่ผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้มีสามีเป็นคนใหญ่คนโตของแก็งค์ที่โด่งดังที่สุดในเมืองฮ่วยอันได้ยังไง?

“ไอ้เวรนั่นไง ไอ้คนที่มันอยู่ในรถนั่นแหละที่มันตบฉัน! เฉินซิว ไปลากหัวมันลงมาเลียรองเท้าให้ฉันก่อน จากนั้นค่อยฆ่ามัน!”

หญิงวัยกลางคนชี้เข้าไปในรถ ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานกำลังนั่งปลอบ ถวนถวนอยู่

ภาพที่เห็นคือพ่อกำลังปลอบลูกสาวที่กำลังร้องไห้ในรถ แถมตอนนี้ยังมีพวกแก็งค์จำนวนนับสิบยืนล้อมรถหวังจะฆ่าคู่พ่อลูกนี้ให้ตาย มันเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนรอบ ๆ รู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก

บางคนทนไม่ไหวแอบกดโทรศัพท์โทรไปแจ้งตำรวจ ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์รึเปล่า?

แต่แล้วจู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินลงมาจากรถพร้อมกับหัวเราะด้วยสีหน้าเย็นชา

“หึหึ ดีมากมากันไวดี พวกแกกล้าขู่ฆ่าฉันกับลูกสาวงั้นเหรอ? มา เข้ามา! ฉันจะทำให้พวกแกพิการไปตลอดชีวิต… เอาให้ใช้ชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น!”

“ไอ้…เอ๊ะ? เฮ้ย!!! ป…เป็น พ..พี่ชายงั้นเหรอ!?”

ในตอนแรก เฉินซิวยังมองเห็นไม่ชัดว่าฝั่งตรงข้ามเป็นใคร แต่แล้วเมื่อเขาจ้องมองดี ๆ เข่าของเขาก็อ่อนจนตัวเขาแทบจะทรุดลงกับพื้น

เมื่อครู่เขากำลังจะด่าเลยว่าไอ้โง่ที่ไหนกล้ามาพูดจาโอหังกับเขาแบบนั้น แต่เมื่อเห็นหน้าตาที่เขาจำได้ไม่มีวันลืม เขาก็คิดว่าคำพูดเหล่านั้นมันไม่โอหังอีกต่อไป ฝั่งตรงข้ามมีความสามารถเพียงพอจะเหยียบย่ำเขาให้จมดิน!

นี่มันคือชายหนุ่มคนเดียวกับที่เขาเพิ่งสู้ด้วยไม่กี่วันก่อน ซึ่งเขาไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของฝั่งตรงข้ามด้วยซ้ำ!

ฉิบหายแล้ว!

เขายังคงจำคำพูดของหัวหน้าแก็งค์เขาได้อย่างชัดเจน

หัวหน้าของเขาเอ่ยเอาไว้ว่า:

‘คราวหน้าถ้าแกเจอกับชายหนุ่มคนเดิมอีก ห้ามล่วงเกินฝั่งตรงข้ามเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด ฉันบอกเอาไว้เลยว่าฉันจะไม่ไปช่วยแกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะฉันไม่มีความสามารถพอจะช่วยแกได้’

“ฟุ่บ!!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินซิวคุกเข่าลงทันที

การคุกเข่าขอขมาคือสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ให้รอดตาย! ดูจากสีหน้าของฝั่งตรงข้ามในตอนนี้ หากเขาแข็งขืนเมื่อไหร่ฝั่งตรงข้ามเอาเขาตายแน่ ๆ!

แน่นอนว่าเมื่อเห็นเฉินซิวคุกเข่าลง ทุกคนที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงโดยเฉพาะบรรดาลูกน้องและภรรยาของเฉินซิวเอง

“นั่นมันบ้าอะไรกัน? ถ้าฉันจำไม่ผิดชายหนุ่มคนนั้นต้องคุกเข่าให้กับแก็งค์มังกรครามไม่ใช่เหรอไง?”

“พระเจ้าช่วย! ชายหนุ่มคนนั้นน่ากลัวถึงขนาดคนของแก็งค์มังกรครามยังต้องก้มหัวให้เลยงั้นเหรอ?”

“…”

ตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึงไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

“เฮ้! เฉินซิว นี่แกเป็นบ้าอะไร? ทำไมแกถึงคุกเข่าลงไปแบบนั้น? รีบลุกขึ้นมาฆ่าไอ้สารเลวนั่นให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

ในทางกลับกัน หญิงวัยกลางคนยังคงโง่เง่าไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เธอเดินไปฉุดให้เฉินซิวให้ลุกขึ้นพร้อมกับก่นด่าสามีตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก็เดินเข้าไปหาเฉินซิวที่กำลังนั่งคุกเข่าตัวสั่นแล้วถามขึ้นด้วยช้า ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา

“ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของแกงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงขุ่นเคืองของอวี้ฮ่าวหราน เฉินซิวรีบลุกขึ้นไปตบหน้าภรรยาของเขาทันที

“เพียะ!!”

“หุบปากไปได้แล้วนังบ้า!”

เฉินซิวตวาดเสียงดังด้วยสีหน้าเดือดดาลใส่ภรรยาของเขาซึ่งกำลังก่นด่าไม่ยอมหยุดสักที

ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงคนนี้คือภรรยาของตัวเอง เขาคงจะบีบคอหล่อนให้ตายไปแล้ว

บ้าเอ๊ย รอบที่แล้วเขาอุตส่าห์รอดมาได้ แต่คราวนี้เมียของเขากลับไปยั่วยุยอดฝีมือคนนี้อีกรอบซะงั้น เมียของเขาอยากให้เขาตายนักรึไง?

“คุกเข่าลง!”

เฉินซิวตะโกนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับโยนร่างเมียของเขาเองให้ไปคุกเข่าต่อหน้าอวี้ฮ่าวหราน

“ก้มลงกราบขอขมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่นังผู้หญิงบ้า!!”

เมื่อตวาดจบ เฉินซิวก็ลงไปนั่งคุกเข่าเหมือนกันและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “พ…พี่ชาย ผมขออภัยแทนเมียของผมด้วยจริง ๆ ผมขอโทษ ผมขอโทษ โปรดละเว้นผมด้วย!”

จากนั้นเขาหันไปหาภรรยาของเขาเองซึ่งกำลังตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ และเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ทำไมแกยังไม่ขอขมาอีก! พี่ชายคนนี้คือคนที่พวกเราไม่อาจยั่วยุได้! ถ้าแกยังไม่อยากให้ฉันกับแกตายในวันนี้ แกรีบขอขมาเดี๋ยวนี้!”

หญิงวัยกลางคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเรื่องราวมันกลับตาลปัตรแบบนี้ มันควรเป็นฝั่งตรงข้ามไม่ใช่เหรอที่ต้องคุกเข่าให้กับเธอ ไหงตอนนี้เธอกลับต้องขอขมาฝั่งตรงข้าม แถมตอนนี้สามีของเธอกลับตบหน้าของเธออีกทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยทำมาก่อน!

อย่างไรก็ตามในเวลาเธอไม่กล้าเถียงสามีของเธอเลย ถึงแม้ว่าตามปกติเธอจะสามารถดุด่าเขาได้ แค่มองจากแววตาเธอรู้ได้ว่าวันนี้สามีของเธอเอาจริง ถ้าเธอไม่ทำตามที่เขาสั่งวันนี้เธอเดือดร้อนแน่นอน!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอจึงก้มกราบขอขมาด้วยสีหน้าขมขื่น!