เหมือนโม่เทียนโดนฟ้าผ่า เขาพูดออกมาว่า “นายว่าอะไรนะ พวกลู่เทียนกังก็กินยาเหมือนกันเหรอ ผลการฝึกตนพุ่งสูงขึ้นหนึ่งขั้นงั้นเหรอ”

โม่ไห่พยักหน้ารัวๆ โม่เทียนพูดเสียงดังว่า “เป็นไปไม่ได้ ตระกูลลู่ไม่มีทางเชิญผู้ฝึกชี่มาได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

พูดพลาง โม่เทียนเริ่มเดินไปมา ด้วยความกังวล ทันใดนั้น โม่เทียนพูดกับโม่หยุนเฟยว่า “โม่หยุนเฟย นายรีบไปเชิญพ่อหนุ่มจ้าวซวี่มา”

“ไม่ต้องเชิญแล้ว ผมมาแล้ว ในเมืองเจียงหลิน ยังมีผู้ฝึกชี่คนที่สอง น่าสนใจๆ”

เสียงลอยตามลมเข้ามา จ้าวซวี่เดินออกมาช้าๆ

โม่เทียนรีบเดินเข้าไปพูดว่า “พ่อหนุ่มจ้าวซวี่ ก็ไม่รู้เหรอว่าผู้ฝึกชี่ของตระกูลลู่คือใคร”

จ้าวซวี่ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่รู้ แต่ไปเจอได้ พอดีเลย ช่วงนี้ผมอยากหาผู้ฝึกชี่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวิชายาสักหน่อย ถ้าทุกท่านสนใจ ตามผมไปท้าได้ เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลลู่ มีผู้ฝึกชี่หรือไม่ แค่ลองก็รู้”

โม่เทียนสีหน้ายินดี พูดว่า “พ่อหนุ่มจ้าวซวี่มั่นใจเหรอ”

จ้าวซวี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่กล้าพูดว่ามั่นใจหรอก คิดว่าไม่น่าจะมีผู้ฝึกชี่ระดับสอง โผล่มาในเมืองเจียงหลินได้อีก”

พูดจบ จ้าวซวี่ยิ้มอย่างสง่างาม

โม่เทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ครับ ในเมื่อพ่อหนุ่มจ้าวซวี่มีแผนการแล้ว งั้นผมไปกับพ่อหนุ่มจ้าวซวี่สักรอบ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าผู้ฝึกชี่ของตระกูลลู่ คือใครกันแน่”

……

ตอนนี้ตระกูลลู่ กำลังอยู่ในความยินดี

ลู่ฝานกับลู่หาวนั่งตรงกันข้าม กำลังดื่มชา ผ่อนคลายหลังจากหายกลุ้มใจ

วันนี้ลู่ฝานไม่ได้ไปฝึกบนเขา ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก หลักๆ คืออยากรู้ว่าประสิทธิภาพของยาที่ตัวเองกลั่น เป็นอย่างไรบ้าง

ฟังเสียงตะโกนของลู่เทียนกังที่อยู่ด้านนอก “สะใจมาก ไม่เคยต่อยตีอย่างสะใจแบบนี้มาก่อน ฉันจะดูสิว่าต่อไปโม่ไห่ยังกล้ามาอวดดี ต่อหน้าฉันอีกไหม”

ลู่ฝานอมยิ้มแล้วพยักหน้า ดูเหมือนประสิทธิภาพของยาไม่เลว

“ลู่ฝาน เราสองพ่อลูก ไม่ได้นั่งคุยกันนานแล้ว ฉันอยากถามนายเรื่องหนึ่ง”

ลู่หาวพูดออกมา

“เรื่องอะไรครับ” ลู่ฝานพูด

ลู่หาวพูดว่า “การฝึกบู๊ของนายไม่ช้า ต่อไปต้องห่างไกลกับทุกคนในตระกูลลู่ นายจะยอมกลับมาเป็นผู้นำตระกูล ดูแลตระกูล หรือจะออกไปหาประสบการณ์ ฝึกฝนวิถีบู๊”

ลู่ฝานคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ฝึกฝนวิถีบู๊ ผมอยากฝึกวิถีบู๊ เรื่องดูแลตระกูล มีพ่ออยู่ก็พอแล้ว”

สุดท้ายต่อไปก็ต้องพึ่งนาย แต่ในเมื่อนายมีจิตใจมุ่งมั่น ในการฝึกบู๊ งั้นดีเหมือนกัน เรื่องวุ่นวายใจของตระกูล นายไม่ต้องกังวลใจ ถ้าต่อไปนายกลายเป็นนักบู๊ ที่แท้จริงได้ ไม่แน่อาจนำตระกูลลู่ไปที่เมืองใหญ่ได้ อย่างเช่น เมืองตงหวา

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะพยายาม วันใดที่ผมยังไม่ตาย วันนั้นผมก็ยังจะปกป้องตระกูล”

พ่อกังวลกับนายมาตลอด ถึงหลังจากนายฝึกบู๊สำเร็จ ฉันก็ยังกังวล ฉันกลัวนายจะเกลียดตระกูล ฉันกลัวนายจะรังเกียจคนในตระกูล แต่ดูเหมือนตอนนี้ ฉันคงกังวลมากไปเอง นายจิตใจดี

ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ คิดในใจว่า ผมไม่ได้เกลียดตระกูล เพราะพ่อทั้งหมดนั่นแหละ!

แต่ผู้ชายไม่พูดอะไรเยอะ มองหน้าแล้วยิ้ม เข้าใจทุกอย่าง โดยไม่ต้องพูดออกมา

ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นในอากาศ

“ฉันจ้าวซวี่ เป็นศิษย์สถาบันสอนวิชาบู๊ ผู้ฝึกชี่ระดับสอง ผู้ฝึกชี่ตระกูลลู่ กล้าออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวิชายาหรือไม่”

เสียงดังไปทั่วตระกูลลู่ ก้องอยู่ในหู

ลู่ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นวิชาสายลมส่งเสียง ของผู้ฝึกชี่ ลู่ฝานก็เคยฝึกเช่นกัน

ลู่หาวหน้าเปลี่ยนสีทันที ลุกขึ้นตะโกนว่า “กล้ามาท้าตระกูลลู่ รนหาที่ตายหรือไง”

เสียงราวกับพยัคฆ์คำราม ดังก้องไปทั่ว

การที่ลู่หาวถูกเรียกว่าพยัคฆ์สวรรค์นั้นมีเหตุผล เสียงของเขา ราวกับพยัคฆ์คำราม แค่ตะโกนออกมา ก็ไม่ด้อยกว่าวิชาส่งเสียงโดยสายลมของจ้าวซวี่

ลูกหลานตระกูลลู่ รีบวิ่งไปที่ประตู มองเห็นจ้าวซวี่ ยืนถือกระถางเปลวไฟอยู่ด้านนอก ข้างหลังเต็มไปด้วยลูกหลานตระกูลโม่

จ้าวซวี่พูดออกมาอีกว่า “เรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชายา มีมากมายตั้งแต่โบราณ ผู้ฝึกชี่ตระกูลลู่ อย่าบอกนะว่ากลัวผู้ฝึกชี่แค่ระดับสองอย่างฉัน”

ลู่หาวกำหมัดแน่น แล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกชี่ ของตระกูลโม่ จะมาหาเรื่องถึงที่ ให้ฉันไปซัดเข้าสักยก ดูสิว่ายังจะกล้าอวดดีไหม”

ลู่ฝานรั้งลู่หาวเอาไว้ แล้วพูดว่า “พ่อ อย่า แม้อีกฝ่ายเป็นแค่ผู้ฝึกชี่ระดับสอง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขามีคนช่วยมากเท่าไร อย่าลืมความน่ากลัวของผู้ฝึกชี่”

ลู่หาวใจเย็นลง กัดฟันพูดว่า “จะให้เขาพูดอวดดีตามใจชอบอยู่หน้าประตูงั้นเหรอ”

ลู่ฝานพูดว่า “พ่อไปดูก่อน ผมจะไปหาผู้ฝึกชี่เถ่เมี่ยน ดูว่าเขาจะช่วยได้ไหม อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกชี่ คิดว่าผู้ฝึกชี่เถ่เมี่ยนคงสนใจจะสู้วิชายากับเขา”

ลู่หาวพยักหน้าพูดว่า “ได้ งั้นนายออกไปทางประตูหลัง เดี๋ยวฉันไปดูก่อน”

ลู่ฝานรีบออกไปทางประตูหลังราวกับสายลม มาถึงตรงที่ที่ไม่มีคนสังเกตเห็น ลู่ฝานเอาเถ่เมี่ยนกับชุดคลุมดำ ออกมาจากแหวน

สู้วิชายางั้นเหรอ

กลัวที่ไหนล่ะ!