ซุนต้าหูเห็นป๋ายรุ่ยฮัวร้องไห้จนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรปลอบใจนางอย่างไรดี เขากระวนกระวายใจมาก แต่ก็ทำได้เพียงพูดกล่อมนางอย่างสับสนในจิตใจ “สะใภ้ตระกูลป๋าย แม้ว่าชีวิตจะลำบากยากเข็ญมากเพียงใดก็ต้องมีทางออกเสมอ ร้องไห้ไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก อ๊ะ! ไม่ใช่ สะใภ้ตระกูลป๋ายเจ้าอย่าร้องสิ ข้า… ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริง ๆ”
ป๋ายรุ่ยฮัวเงยหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังขึ้นมา และพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้น่าสงสารจับใจ “ต้าหู ทำไมรึ ? หรือว่าเจ้ารังเกียจที่ข้าเคยแต่งงานและมีลูกแล้ว ? ข้าหน้าตาไม่ได้แย่ หลังจากแต่งงานกับเจ้าแล้ว ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างรักเดียวใจเดียว ทำงานบ้านและมีลูกให้เจ้า… เจ้าเป็นคนดี เหตุใดถึงช่วยข้ากับเฟิ่งเอ๋อร์ไม่ได้ ?”
สีหน้าของซุนต้าหูแทบจะเป็นสีตับหมูอยู่แล้ว เมื่อก่อน ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครมาสู่ขอเขา แต่ในใจของเขามีร่างที่อ่อนแอซ่อนไว้อยู่ภายใน แม้คนอื่นจะพูดจาไพเราะน่าฟังมากเพียงใด ในใจของเขากลับไม่รู้สึกถึงรสชาตินั้นเลย
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ป๋ายรุ่ยฮัวกลับมาขอร้องให้เขาแต่งงานกับนาง เขารู้ว่าผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ไม่มีทางไปแล้วจริง ๆ ถึงได้คิดวิธีที่เหลวไหลแบบนี้ได้ …แต่เขาตอบตกลงไม่ได้จริง ๆ
ป๋ายรุ่ยฮัวเห็นซุนต้าหูไม่ยอมตอบตกลง เอาแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ ในใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะเย็นยะเยือกขึ้นเล็กน้อย น้ำตาของนางไหลลงมา นางปาดน้ำตาและพูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ “ต้าหู ที่เจ้าไม่ยอมแต่งงานกับข้า ก็เป็นเพราะน้องป่าวชิงใช่ไหม ?”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ร่างของซุนต้าหูสั่นเทิ้ม
หญิงชราที่ฟังเรื่องของคนอื่นอยู่บนรถก็ตัวสั่นเช่นกัน แต่เนื่องจากตื่นเต้นเพราะได้ยินเรื่องซุบซิบนินทา ลูกตาของพวกนางจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมามองเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะ ตอนนี้นางอยากจะต่อยใครสักคนสักทีสองทีจริง ๆ นางเข้าใจความรู้สึกของป๋ายรุ่ยฮัวที่อยากยึดฟางช่วยชีวิตนี้อย่างเร่งด่วน ดังนั้น แม้ว่าป๋ายรุ่ยฮัวจะบังคับให้ซุนต้าหูขอนางแต่งงานต่อหน้าผู้คนอย่างชัดเจน แต่เจียงป่าวชิงที่เป็นคนนอกกลับไม่พูดอะไร นางทำเพียงรอให้ซุนต้าหูจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
ทว่านางไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดี ๆ พี่รุ่ยฮัวของนางถึงได้พูดคำพูดเลว ๆ อย่างคำว่า ‘เพราะน้องป่าวชิง’ อะไรทำนองนั้นออกมา
เจียงป่าวชิงไม่เชื่อจริง ๆ ที่ป๋ายรุ่ยฮัวเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน แต่นางกลับไม่รู้ถึงความรุนแรงของการทะเลาะนี้ว่าเป็นการฆ่าคนได้หรือไม่ ?
ตอนนี้นางพูดว่า ‘น้องป่าวชิง’ ออกมาเช่นนี้ เจียงป่าวชิงจึงกล้าเชื่อว่าช่วงพลบค่ำของวันนี้ ข่าวลือที่ว่า ‘เจ้าปัญญาอ่อนให้ท่าซุนต้าหู’ จะต้องแพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้านอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริง ทุกคนในชีหลี่โวรู้ดีว่าเจียงป่าวชิงเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่มีชื่อเสียงใด ๆ ซึ่งตัวเจียงป่าวชิงเองก็ไม่ได้สนใจชื่อเสียงอะไรทำนองนั้น ทว่านางใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้ ก็ต้องถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ของยุคสมัยนี้ แม้ว่านางจะไม่สนใจมากเพียงใด แต่เจียงหยุนชานที่เป็นพี่ชายของนางจะต้องรู้สึกเศร้าและไม่สบายใจที่น้องสาวของตนเองถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน
เจียงป่าวชิงรู้สึกพึงพอใจกับชีวิตที่ปลอดภัยในตอนนี้ของตัวเอง แน่นอนว่านางย่อมไม่อยากให้ชีวิตประจำวันอันสงบสุขของตัวเองต้องถูกทำลาย
“ไม่! ไม่ใช่! เจ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหล” ซุนต้าหูดึงสติกลับมา จากนั้นเขาก็โต้แย้งคำพูดของป๋ายรุ่ยฮัวอย่างติดอ่างเช่นเดิม
ป๋ายรุ่ยฮัวยิ้มอย่างเศร้าสลด “ต้าหู ข้าไม่ได้โง่ หากเป็นปกติ ข้าจะไม่แย่งชิงกับน้องป่าวชิงอย่างแน่นอน แต่ข้าเห็นน้องป่าวชิงสนิทสนมกับเจ้าของร้านยาในอำเภอ และตอนนี้เป็นช่วงเวลาคอขาดบาดตายของข้า… ข้าจึงทำได้เพียงแบกหน้ามาขอร้องให้เจ้าช่วย”
สีหน้าของซุนต้าหูขาวซีดทันที
ในที่สุดเจียงป่าวชิงก็หมดความอดทน นางยิ้มเยือกเย็น ขณะนี้นางมายืนอยู่ข้างหลังซุนต้าหูด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชาเต็มที่
สายตาของนางจ้องไปที่ป๋ายรุ่ยฮัวราวกับลูกธนูน้ำแข็ง นางพูดขึ้นว่า “นี่สะใภ้ตระกูลป๋าย จะพูดอะไรต้องพึ่งมโนธรรมด้วย พูดปากเปล่าโดยไม่มีหลักฐานแท้ ๆ แต่ก็กล้ามาบอกว่าข้าสนิทสนมกับเจ้าของร้านยาเสียแล้ว! แม้ว่าเจ้าจะไม่ชอบขี้หน้าข้ามากแค่ไหน หรือจะมีความเข้าใจผิดต่อข้ามากเพียงใด ข้าเองก็… เหอะ! หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าตอนที่เฟิ่งเอ๋อร์ป่วยจนใกล้จะหมดลมหายใจ ประจวบกับตอนที่เจ้าไม่มีเงินค่ารักษา ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าของร้านยาคนนี้หรอกรึที่จิตใจดี จ่ายใบสั่งยาราคาถูกให้เจ้าซึ่งทำให้เฟิ่งเอ๋อร์รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้! แต่ดูเจ้าสิ เจ้ากลับพูดมั่ว ๆ หาว่าเขาสนิทสนมกับข้าซึ่งแน่นอนว่าความหมายมันย่อมไปในทางลบ แม้แต่ผู้มีพระคุณของเจ้าเจ้ายังแว้งกัดได้ลงคอ จิตใจที่รู้ผิดชอบชั่วดีของเจ้าโยนให้หมาป่าในภูเขากินไปแล้วหรืออย่างไร ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวไม่คิดว่าคนที่ปฏิบัติกับผู้คนอย่างเย็นชาเช่นเจียงป่าวชิง เมื่อปะทะฝีปากทีหนึ่งจะทำให้คนอยากมุดลงไปใต้ดินได้เช่นนี้ นางตัวสั่นเทิ้ม ทั้งใบหน้าของนางก็แดงก่ำ จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นขาวซีดไปตามระเบียบ
ซุนต้าหูรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็พูดกับป๋ายรุ่ยฮัว “สะใภ้ตระกูลป๋าย ต่อไปก็ไม่ต้องพูดคำพูดที่เจ้าพูดเมื่อสักครู่แล้ว หากว่ามันถูกเล่าต่อ ๆ กันไปมันจะส่งผลไม่ดีกับชื่อเสียงของเจียงป่าวชิง”
ป๋ายรุ่ยฮัวเห็นซุนต้าหูยืนอยู่ฝั่งเจียงป่าวชิงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งในคำพูดยังมีความหมายปกป้องนางอีกต่างหาก ตอนนี้ป๋ายรุ่ยฮัวจึงใจสั่นเล็กน้อย
“ได้… ได้… ได้…” นางยิ้มอย่างสิ้นหวัง นางพูดคำว่าได้ติดต่อกันสามครั้ง “ข้ามันไม่ดีเอง ข้าไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว” พูดเสร็จ ป๋ายรุ่ยฮัวก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังจะพุ่งไปตรงข้างทาง
ที่นี่เป็นถนนบนภูเขาที่ทั้งสูงทั้งชัน และมีบางที่ที่เป็นหน้าผาสูงชัน หากว่าไม่ระวังแล้วตกลงไปก็คงจะตายอย่างไร้ร่องรอยเลยก็ว่าได้ และเส้นทางสายนี้มีหุบเขาค่อนข้างสูงอยู่ข้าง ๆ กันพอดี ถ้ากระโดดลงไปจากถนนสายนี้ก็คงจะรอดยาก
ซุนต้าหูตกใจทันที จากนั้นจิตใต้สำนึกของเขาก็คือก้าวเข้าไปดึงป๋ายรุ่ยฮัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
ป๋ายรุ่ยฮัวพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย “ต้าหู เจ้ายังจะดึงข้าไว้ทำไม ปล่อยให้ข้าตาย ๆ ไปเสียก็จบเรื่องแล้ว”
ซุนต้าหูร้อนใจจนมีเหงื่อผุดออกมาจากบนหน้าผาก “สะใภ้ตระกูลป๋าย เจ้าอย่าทำเช่นนี้เลย มีชีวิตอยู่ต่อถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ตายแล้วจะทำอะไรได้เล่า ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวพูดอย่างเศร้าสลด “อยู่ไปก็ไม่มีความสุข สู้ข้าตายดีกว่า! ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมแต่งงานกับข้า ให้ข้าตาย ๆ ไปเสียก็จบสิ้น!”
ซุนต้าหูร้อนรนจนพูดไม่ออก ริมฝีปากเขากระตุกแต่เขาทำใจพูดว่า ‘ได้ เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับเจ้า’ ไม่ได้จริง ๆ
เจียงป่าวชิงมองดูป๋ายรุ่ยฮัวที่งัดไม้เด็ดออกมาหมดแล้วอย่างเงียบ ๆ นางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วหันไปเรียกชาวบ้านที่อยู่บนรถคันเดียวกัน “พวกลุงป้าน้าอาเจ้าคะ รีบมาช่วยกันกล่อมสะใภ้ตระกูลป๋ายเร็วสิเจ้าคะ อย่าปล่อยให้เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป แล้วพวกตระกูลป๋ายมาโทษเราที่ไม่ดูสะใภ้ตระกูลป๋ายให้ดี ๆ ที่ทำให้นางคิดสั้น และมาเอาเรื่องเราได้ในภายหลัง”
เมื่อหญิงชราสองคนที่ดูเรื่องสนุกอยู่ได้ฟัง พวกนางก็เข้าใจทันที ดูเรื่องสนุกกับเรื่องซุบซิบนินทาได้ แต่ห้ามเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
ครอบครัวตระกูลป๋ายเป็นอย่างไร คนอายุน้อยอาจจะไม่รู้ แต่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านกลับรู้ดีกว่าใคร
หญิงชราทั้งสองคนสบตากัน พวกนางจับมือกันแล้วไถลลงมาจากบนรถทันที
ขณะเดียวกัน ชายชราที่จะไปขายผักก็รู้สึกว่าตนเองก็แสนซวย เขาจึงถอนหายใจแล้วลงมาจากบนรถ เขาเดินไปด้วยและพร่ำบ่นไปด้วย “บ๊ะ! วันนี้ดันมาเจอเรื่องแบบนี้ ซวย! ซวยจริง ๆ”
หนึ่งในหญิงชราสองคนนั้นแสร้งทำเป็นพูดกล่อมป๋ายรุ่ยฮัว “สะใภ้ตระกูลป๋าย เหตุใดเจ้าถึงคิดสั้นเช่นนี้เล่า ครอบครัวที่คนทางบ้านเจ้าต้องการให้เจ้าแต่งเข้าไป ถึงแม้ว่าคนในบ้านจะเยอะไปหน่อย แต่ก็มีคนรักเจ้ามากขึ้นไม่ใช่รึ ?”
“ใช่ ๆ ๆ” หญิงชราอีกคนก็แอบเบะปากก่อนจะพูดกล่อมด้วยเช่นกัน
“ไม่ใช่เรื่องเลยที่เจ้าจะมาทำให้ต้าหูลำบากใจเช่นนี้ ต้าหูเขาไม่ได้กลุ้มใจเรื่องแต่งเมียสักหน่อย ถึงตอนนั้นเขาค่อยแต่งงานกับสาวใหญ่สักคนเพื่อมีลูกและทำงานบ้านให้เขา เหตุใดเขาจะต้องมาแต่งงานกับแม่หม้ายลูกติดอย่างเจ้าด้วยล่ะ ? คิดให้ได้สิ อย่าพยายามฆ่าตัวตายเพื่ออะไรแบบนี้ ข้าอายุขนาดนี้แล้ว ผ่านเรื่องน่าทุกข์ทนน่าเวทนามามากกว่าเจ้าอีก ดูสิว่าข้ายังอยู่ดีได้เลยไม่ใช่รึ ?”