หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.421 – เตรียมการ

 

ณ โลกมนุษย์

 

รัฐบาลกลาง

 

ภายในวิลล่าบนภูเขา

 

ชั้นอากาศที่ว่างเปล่าพลันเกิดรอยแยกขึ้นอย่างกระทันหัน

 

ตามมาด้วยสาวสวยในชุดคลุมสีฟ้าที่ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าฝูงชน

 

เธอหันไปมองรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเอ่ยถามว่า “นายน้อย ที่นี่คือโลกมนุษย์อย่างงั้นหรือ?”

 

เธอปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ทั้งคนทั้งร่างของเธอกำลังปล่อยไอเย็นจางๆที่ทำให้รู้สึกสบายออกมา ขณะที่อากัปกริยาภายนอกดูเย็นชา ยากที่จะเข้าหา

 

เย่เฟย์หยูกับซางหยิงฮ่าวผุดลุกขึ้น ราวกับว่ากำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่

 

ส่วนแอนนา เธอเคลื่อนกายมายืนขวางเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

 

“แกเป็นใครกัน” แอนนาเอ่ยถามเสียงหม่น

 

ฉานนู่หันศีรษะไปมองแอนนา ก่อนจะเบนสายตาข้ามไปมองกู่ฉิงซานที่อยู่เบื้องหลัง

 

เธอโน้มตัวลง เอ่ยปากทักทาย “ทุกท่านคงจะเป็นสหายของนายน้อยสินะ พวกท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าคือดาบของเขาเอง”

 

นายน้อย?

 

ดาบ?

 

หลายคนนิ่งงันไป ไม่อาจตอบสนองต่อคำกล่าวตรงหน้าได้ในทันที

 

แต่แล้วในเวลานั้นเอง กู่ฉิงก็ลืมตาขึ้น

 

เขาเหยียดแขนบิดขี้เกียจและเอ่ยปากออกมา “เฮ้อ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานเสียจริงๆ”

 

แอนนาหันมาคว้ามือเขาและเอ่ยถามทันที “เธอบอกว่าเป็นดาบของนาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

“แล้วสถานการณ์ในนรกล่ะ?” ประธานาธิบดีเอ่ยถาม

 

“เทพปรภพหน้าตาเป็นยังไง? แข็งแกร่งมากไหม?” เย่เฟย์หยูถาม

 

“พวกเราตรวจพบว่านรกได้หายไปจนหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกมันยังจะปรากฏขึ้นมาอยู่อีกรึเปล่า?” ซางหยิงฮ่าวถาม

 

ขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าดูเหมือนจะอยากเอ่ยถามออกมาเหมือนกัน แต่คนอื่นๆดันถามสิ่งที่เธออยากรู้ออกไปจนหมดแล้ว เจ้าตัวจึงยักไหล่ และยกสองมือขึ้นกอดอก เฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ

 

“ก็ … โดยสังเขปแล้วเรื่องราวได้รับการแก้ไขเรียบร้อย โลกไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ฝูงชนพอได้ยิน ก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาพร้อมกัน

 

“เอาล่ะ ไปตามเหลียวฮังกลับมา บอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมยานอวกาศแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“รับทราบใต้เท้า” เทพธิดากงเจิ้งขานรับ

 

ขณะเดียวกัน แอนนาก็ชี้ไปทางฉานนู่ และต้องการที่จะยืนยันอยู่ดี “ว่ายังไง? ตกลงเธอคนนี้เป็นใคร?”

 

“ขอฉันแนะนำให้เธอได้รู้จักนะ ผู้หญิงตรงหน้านี้คือจิตแห่งดาบ เธอเป็นดาบที่สามารถเบิกภูมิปัญญาทางจิตได้ มีชื่อว่าฉานนู่” กู่ฉิงซานอธิบาย

 

ฉานนู่โค้งตัวลงหันไปคารวะทุกคนอีกครั้ง “ผู้น้อยยินดีที่ได้พบกันทุกท่าน”

 

“อ่า … ยินดีๆ”

 

“ยินดีเช่นกัน”

 

หลายคนตอบรับ

 

“จิตแห่งดาบ? เหอะ หน้าอกโตขนาดนี้ … ”แอนนาเอ่ยพึมพำเบาๆ

 

แต่ในตอนนั้นเอง สภาพอากาศภายนอกพลันมืดมนลง

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเวลาเที่ยงวัน แต่ท้องฟ้าตอนนี้ จู่ๆทั้งหมดก็กลับถูกปกคลุมด้วยความมืด

 

“ข้ารู้สึกได้ถึงปราณแห่งความตายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ปราณแห่งความตายเหล่านี้กำลังหลั่งไหลเข้าสู่โลกอย่างต่อเนื่อง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เวโรน่าขมวดคิ้ว

 

เธอเองก็เป็นมืออาชีพผู้ใช้ธาตุทั้งห้าเช่นกัน แถมยังเป็นธาตุไม้ ที่มีสัมผัสไวที่สุดต่อปราณแห่งความตายอีกด้วย

 

“บางทีอาจจะเกิดจากทางปรภพน่ะ ก็โลกมนุษย์ของพวกเรากำลังหลอมรว-” กู่ฉิงซานกล่าว แต่แล้วเขาก็ถูกขัดจังหวะอย่างกระทันหัน

 

สมองควอนตัมของเขาส่องสว่างขึ้น

 

และเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังตามมา “ใต้เท้า จู่ๆทั่วทั้งโลกก็มืดลง แถมในท้องฟ้ายังปรากฏมอนสเตอร์ที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นอีกด้วย – ร้องขอให้คุณทำการตรวจสอบทันที”

 

แล้วจอม่านแสงก็ฉายออก

 

ทั่วทุกมุมโลก

 

ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด

 

มอนสเตอร์แปลกตามากมายปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า

 

พวกมันก้มลงมองดูเมืองมนุษย์เบื้องล่าง ปากอ้าโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น

 

มอนสเตอร์เหล่านั้นดูเหมือนจะถูกกักขังอยู่ในอากาศที่ว่างเปล่า ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างขัดขวางอยู่ทำให้พวกมันไม่สามารถกระโจนลงมายังโลกมนุษย์ได้ชั่วคราว

 

กู่ฉิงซานตกตะลึง

 

เจ้าพวกนี้ … ทั้งหมดมันเป็นเผ่ามาร!

 

“เห็นได้ชัดว่าเรากำลังจะหลอมรวมเข้ากับปรภพ โลกก็สมควรที่จะแข็งแกร่งขึ้นสิ แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เขาบ่นพึมพำ

 

ในทั่วทุกมุมโลก จอม่านแสงได้แสดงให้เห็นถึงการปรากฏตัวของ ‘อสูรกาย’ ที่กำลังก้าวเดินอยู่บนท้องฟ้า

 

ทันใดนั้นเอง หลายเส้นแสงตัวอักษรสีเลือดขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

 

“คำเตือน!”

 

“กำแพงอุปสรรคที่คอยปกป้องโลกกำลังค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ และคาดว่าจะสลายไปหลังจากนี้อีกราวๆหนึ่งชั่วโมง”

 

“หนึ่งชั่วโมงนับจากนี้ เผ่ามารจะสามารถบุกลงมายังโลกมนุษย์ได้”

 

“และอาณาจักรมนุษย์ก็จะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว”

 

กู่ฉิงซานทั้งคนทั้งร่างสั่นสะท้าน

 

“ไม่นะ มันไม่สมควรจะเป็นแบบนี้สิ” เขางึมงำออกมา

 

ในอากาศที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นเอง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ปรากฏกายออกมา

 

“เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?” ฉานนู่ถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ข้ามาเพราะมีเรื่องบางอย่างจะแจ้งน่ะสิ” ตะขอเกี่ยววิญญาณหอบหายใจ

 

ไม่นานนัก มันก็เล่าเรื่องแผนการสมคบคิดของเหล่าทวยเทพจนหมดเปลือก

 

“กล่าวได้ว่าอาณาจักรสวรรค์ได้ทอดทิ้งโลกใบนี้แล้ว และอาณาจักรมนุษย์จะต้องถูกทำลายลงโดยเผ่ามารสินะ” ประธานาธิบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

 

“เทพสวรรค์ .. ไอ้พวกระยำเอ๊ย!” เย่เฟย์หยูสบถออกมาด้วยความโกรธแค้น

 

“แล้วเรื่องทางฝั่งโลกปรภพล่ะ? ยังผสานเข้ากับโลกมนุษย์อยู่อีกไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“มันก็ยังคงผสานอยู่ แต่เอาจริงๆแล้วก็เรียกได้ว่าแทบจะไร้ความหมาย”

 

“เพราะเหตุใดกัน?”

 

“เพราะตลอดมา คนตายที่แข็งแกร่งจากโลกทั้งหกจากหลายยุคหลายสมัย ต่างก็ต้องร่วมมือกันจึงจะสามารถต้านทานเผ่ามารได้ ฉะนั้น ต่อให้มนุษย์ทุกคนได้ตกตายลงและกลายเป็นคนตาย ทั้งจำนวนและกำลังรบของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพอที่จะโค่นล้มเผ่ามารลงได้อยู่ดี”

 

“แถมตลอดทั้งโลกปรภพอีกไม่นานก็จะว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดหลงเหลือ ตอนนี้จึงกล่าวได้ว่า พวกเราไม่มีกำลังคนใดๆที่จะใช้รับมือกับเผ่ามารอีกแล้ว”

 

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราสามารถป้องกันกำแพงอุปสรรคของโลกมนุษย์ ไม่ให้มันเปิดออกได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเร่งถาม

 

“ไม่ได้หรอก เพราะเทพสวรรค์ได้พยายามที่จะกำจัดกำแพงที่คอยป้องกันโลกมนุษย์เอาไว้แล้ว ดังนั้นกำแพงอุปสรรคในโลกมนุษย์จึงกำลังจะหายไปอย่างช้าๆ”

 

“แต่เนื่องเพราะเจ้าทำการผสานรวมสองโลกเข้าด้วยกัน ฉะนั้นโลกใบใหม่ที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นก็จะมีกำแพงอุปสรรคใหม่ไว้คอยใช้ปกป้องมัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน แต่เพราะทางโลกปรภพมิได้มิการต่อต้านใดๆ ฉะนั้นกระบวนการทั้งหมดบางทีอาจจะกินเวลาเพียง 7 ชั่วโมง”

 

7 ชั่วโมง!

 

นี่มันยาวนานเกินไปจนเรียกได้ว่าสิ้นหวัง

 

พริบตาที่กำแพงอุปสรรคที่คอยปกป้องโลกหายไป กองทัพมารทั้งหมดก็จะสามารถลงมาบนโลกมนุษย์ได้ทันที

 

แล้วต่อให้หลังจากผ่านไป 7 ชั่วโมง กำแพงอุปสรรคใหม่ของโลกจะถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง แต่เวลานั้นโลกก็คงจะถูกทำลายลงไปแล้ว!

 

ไม่มีทางอื่นเลยหรือ?

 

กู่ฉิงซานมองไปที่จอม่านแสง กำปั้นในมือหุบเกร็งแน่น

 

บนท้องฟ้า เผ่ามารเริ่มทวีจำนวนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเสียงคำรามของพวกมันก็ค่อยๆเจาะผ่านกำแพงอุปสรรคที่คอยป้องกันโลก เริ่มทวีความดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

 

ในที่สุด เสียงคำรามของเผ่ามารก็สั่นสะเทือนไปทั้งโลกหล้า!

 

มนุษย์ทุกคนเฝ้ามองฉากนี้อย่างว่างเปล่า ทั้งคนทั้งร่างตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

เกิดการจลาจลและฆ่าฟันขึ้น การกระทำเลวร้ายต่างๆเริ่มลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง

 

ภายในหนึ่งชั่วโมง กำแพงอุปสรรคที่คอยป้องกันโลกจะหายไป

 

มันสายไปแล้ว! ไม่มีเวลามากพอ!

 

กู่ฉิงซานไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หลังจากที่ตนทุ่มเทพยายามมามากมาย สุดท้ายทุกอย่างกลับพลิกผัน และผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้

 

ประธานาธิบดีเดินมาตบลงบนไหล่กู่ฉิงซาน

 

“เธอทำดีที่สุดแล้ว คราวนี้ก็ปล่อยให้พวกเรา-เผ่ามนุษย์ทุกคนได้ทำมันบ้างเถอะ”

 

“แต่ท่านประธานาธิบดี แล้วท่านตั้งใจจะทำอะไร?”

 

“ก็คงจะให้ทุกคนได้ต่อสู้เพื่อสิทธิในการที่จะมีชีวิตอยู่ของตัวเอง ส่วนฉันก็พร้อมที่จะกล่าวสุนทรพจน์ไปทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย”

 

“ถ้าอย่างงั้น ทางฝั่งข้าก็ขอตัวไปเตรียมระดมกำลังคนทั้งหมดก่อนนะ” เวโรน่าที่กำลังยกมือขึ้นม้วนผมของตัวเองเอ่ยปากออกมา

 

กู่ฉิงซานจมลงสู่ความเงียบ

 

มนุษย์น่ะอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับเผ่ามารได้

 

เมื่อสงครามขั้นแตกหักนี้ปะทุขึ้น มันจะกลายเป็นการสังหารหมู่เพียงฝ่ายเดียว

 

พอจะมีวิธีอื่นอีกไหมนะ?

 

กู่ฉิงซานกำลังขบคิดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อย่างรวดเร็ว

 

ทว่าไร้ประโยชน์ …

 

ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำได้เลย!

 

บนท้องฟ้าเหนือวิลล่าบนหุบเขา เริ่มปรากฏร่างเงาของอสูรกายขึ้น

 

หากกู่ฉิงซานไม่ได้เห็นกับตาว่าอสูรกายที่ตกลงไปในสายธารแห่งการหลงเลือนนั้นตายลง หรือถูกสังหารโดยหอกหลากสีในพริบตามาก่อนแล้วล่ะก็ เขาคงจะกล้าเอ่ยปากกล่าวได้อย่างแท้จริงว่าสิ่งที่เรียกวว่าอสูรกายนั้น เป็นการดำรงอยู่อันคงกระพันในสงครามครั้งนี้

 

—กระทั่งอสูรกายก็ยังมา แล้วในโลกมนุษย์จะมีผู้ใดเล่าที่จะสามารถต่อกรกับอสูรกายได้?

 

กู่ฉิงซานถอนหายใจยาว

 

ณ ขณะนี้ บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏบรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยลอยขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ร้องขอให้ผู้เล่นให้ความสนใจ ว่าภายในห้านาทีต่อจากนี้ โลกปรภพจะทำการผสานหลอมรวมเข้ากับโลกมนุษย์ในไม่ช้า”

 

“ร้องขอให้ผู้เล่นให้ความสนใจ กำลังเสริมจากปรภพจะมาถึงในเร็วๆนี้”

 

“เนื่องจากความสำเร็จอันงดงามของคุณทั้งในโลกมนุษย์และในโลกปรภพ ดังนั้นกำลังเสริมจะมาพบกับคุณก่อนเป็นอันดับแรก”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ “กำลังเสริมจากปรภพ … ”

 

เวลานี้ เขาเลื่อนสายตาไปตรง ‘กำลังเสริมจากปรภพ’ อีกครั้ง แล้วไม่รู้ว่าตนเองสมควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

 

แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะยังมีประกายแห่งความหวังอยู่ จึงหันไปถามตะขอเกี่ยววิญญาณว่า “ก่อนที่กำลังเสริมจากปรภพจะมาถึง ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร?”

 

ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “ก็คงเป็นพวกอาวุธที่จะมาสมทบน่ะ ข้าได้สนทนากับพวกเขาแล้ว และบางส่วนจะมาถึงเมื่อโลกเกิดการหลอมรวมกันขึ้น”

 

มันเอ่ยเสริม “อ้อจริงสิ เครื่องจักรปรภพก็เริ่มที่จะได้รับการฟื้นฟูแล้ว ฉะนั้นพวกมันก็น่าจะมาด้วย”

 

ดวงตาของกู่ฉิงซานเปล่งประกายสดใส ปากเอ่ยถามว่า “แล้วในบรรดาเครื่องจักร มีเครื่องใดที่ถนัดการต่อสู้เป็นพิเศษและสามารถรับมือของอสูรกายได้บ้างหรือไม่?”

 

“ไม่มีเครื่องจักรแบบนั้นหรอก อสูรกายน่ะทรงพลังเกินไป พลังสามัญน่ะมิอาจต่อกรกับพวกมันได้หรอก”

 

จินตนาการของกู่ฉิงซานแตกสลายลงอีกครั้ง เขาจำต้องจมลงในห้วงความคิดอีกที

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเคยผ่านมาแล้วสองช่วงชีวิต , ถึงแม้ว่าในชีวิตก่อนหน้าเขาจะเป็นถึงผู้บัญชาการรบเผ่ามนุษย์ , ถึงแม้ว่าในชีวิตนี้เขาจะเข้าใจความลับระหว่างหลายโลก แต่มันก็ไม่มีหนทางใดเลยที่จะสามารถจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวนี้ได้

 

ไร้หนทางออก

 

นี่คือความสิ้นหวังอย่างแท้จริง

 

ทันใดนั้นเอง –

 

ตึ้ง!

 

บังเกิดเสียงสะท้อนขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า

 

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

 

แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นรอบกายเขา

 

น่าแปลกนัก ได้ยินอยู่ชัดๆว่ามันมีเสียง

 

ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!

 

มันเป็นเสียงที่ดังเหมือนกับมีคนกำลังเคาะประตู

 

-นี่มันไม่ถูกต้อง!

 

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด ตลอดทั้งโลกหล้าพลันเงียบสงบลง

 

ดวงตาของกู่ฉิงซานกวาดชำเลืองมองออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เห็นแค่เพียงประธานาธิบดีที่กำลังขมวดคิ้ว และลูบคางของเขา เหมือนกับว่ากำลังขบคิดถึงคำปลุกใจ

 

เวโรน่าที่หยิบกระจกขึ้นมา และกำลังจัดอุปกรณ์เสริมสวยของเธอ

 

เย่เฟย์หยูที่ดูจะโกรธมาก แต่เขาดูเหมือนจะสิ้นหวังมากกว่า

 

ซางหยิงฮ่าวที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะเดียวกันก็ก้มหน้าลงเพื่อป้อนข้อมูลบางอย่างลงในสมองควอนตัม

 

ส่วนแอนนาก็ยังเอาแต่จับจ้องฉานนู่ สีหน้าท่าทีของเธอดูตื่นตัวและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

 

ทั้งหมดนิ่งงัน … อยู่ในสถานที่เดิมของพวกเขา

 

การแสดงออกทางสีหน้าของทั้งหมดแข็งค้าง ร่างกายเก็บอากัปกริยาเคลื่อนไหวเดิมเอาไว้และหยุดนิ่ง

 

แต่หมาดำกลับยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว

 

มันเดินมาถึงหน้าตรงหน้าของแอนนาอย่างเงียบๆ ก่อนจะหันหลังให้เขา และหย่อนก้นนั่งลงกับพื้น

 

หมาดำดูจะวิตกกังวลยิ่ง

 

อย่างไรก็ตาม มองไปที่การกระทำของมัน ดูเหมือนว่าจะกำลังตั้งใจที่จะปกป้องแอนนา

 

“นายน้อย การไหลของกระแสเวลาได้ถูกหยุดลง” ฉานนู่เดินมาข้างกายกู่ฉิงซาน และกล่าวกระซิบอย่างเงียบๆ

 

“ตัดขาดเวลางั้นหรอ?” กู่ฉิงซานจดจำได้ถึงสิ่งหนึ่ง เขาเอ่ยถามทันที

 

“ใช่แล้ว ตัดขาดเวลา”

 

“เช่นนั้นแล้วเหตุใดข้าจึงยังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ล่ะ?”

 

“บางทีอีกฝ่ายคงจะจงใจ ข้าเกรงว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น”

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในทะเลแห่งห้วงสติของกู่ฉิงซาน ไพ่สองใบก็เริ่มสั่นไหวอย่างแผ่วเบา

 

ไพ่จากสำหรับแห่งการแก้แค้น นายพลภูติ

 

ไพ่จากสำรับแห่งการแก้แค้น กษัตริย์อาชูร่า