หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.422 – เทพสวรรค์และ13โครงกระดูก

 

สกิลเทวะ : ตัดขาดเวลา

 

กู่ฉิงซานย้อนระลึกไปถึงการต่อสู้ที่เขาได้เผชิญในดินแดนแห่งความฝัน

 

ร่างของคนสองคนได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

 

ผู้ใช้ไพ่ที่ชื่อชิงหยิน และเทพสวรรค์ในชุดคลุมแดง

 

ในบาร์ภายในโลกแห่งความฝัน ณ ความฝันที่สามของไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ มันได้แสดงให้เห็นถึงฉากที่เทพสวรรค์องค์นี้สังหารหญิงสาวลง

 

ในเวลานั้น เทพสวรรค์ได้บูชายัญเหล่าผู้นำของสี่กองทัพพันธมิตร เพื่อทำการอัญเชิญเทพที่แท้จริงจากโบราณอันไกลโพ้นมาสำแดงสกิลเทวะนี้

 

-ว่าแต่หลานล่ะ?

 

เขาจะได้เห็นถึงฉากที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้หรือไม่?

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานวูบไหวอย่างกระทันหัน

 

เขาปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป และสำรวจทะเลแห่งห้วงสติของตนเอง

 

ไพ่ได้ปรากฏขึ้นที่นั่น

 

ไพ่มนตราจากสำรับแห่งการแก้แค้น : กษัตริย์อาชูร่า

 

“กษัตริย์อาชูร่า ไพ่ศาสตร์มนตราจากสำรับแห่งการแก้แค้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ไพ่ใบนี้ถูกเปิดใช้งาน คำมั่นสาบานที่ทั้งสี่อาณาจักรได้ให้ไว้เมื่อ 10000 ปีก่อน จะก่อร่างพันธนาการขึ้นอีกครั้ง”

 

“คำสาบานของทั้งสี่อาณาจักร : เทพสวรรค์ , ผีร้าย , อาชูร่า และจ้าวอสูร จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่หักหลังกันและกัน ดั่งเช่นที่สี่ผู้นำแต่ละอาณาจักรได้เคยปฏิญาณเอาไว้”

 

“หากละเมิดคำสาบาน จักต้องถูกลงโทษอย่างสาสมโดยผู้นำของทั้งสี่อาณาจักร”

 

กษัตริย์อาชูร่ามองกู่ฉิงซานจากภายในไพ่ด้วยการแสดงออกทางสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นร้ายแรง

 

“เจ้าจดจำสิ่งที่พูดกับหลานได้หรือไม่?” กษัตริย์อาชูร่าเอ่ยถาม

 

“แน่นอน และข้าได้รับรางวัลจากเขามาแล้ว ว่าแต่ตอนนี้ข้าจะต้องทำอย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงกำลังจะมาที่นี่ เจ้าต้องพยายามถ่วงเวลาเขาเอาไว้ ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยในการเปิดใช้คำมั่นสาบานแห่งสี่อาณาจักร”

 

“แล้วท่านต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”

 

“ยิ่งนานก็ยิ่งดี”

 

ณ ขณะนั้นเอง ไพ่อีกใบหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น

 

นายพลภูติ

 

“นายพลภูติ เป็นไพ่อัญเชิญจากสำรับแห่งการแก้แค้น  มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่สูงส่งเป็นอันดับต้นๆ”

 

กษัตริย์อาชูร่ามองไปทางนายพลภูติ “เจ้าพร้อมสำหรับการต่อสู้หรือไม่?”

 

นายพลภูติหัวร่ออย่างดุเดือด แต่ขณะเดียวกันน้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนกับว่ากำลังสะอื้นไห้เสียมากกว่า

 

“ข้ากำลังรอคอยที่จะได้ต่อสู้ในวันนี้ ข้าเฝ้าโหยหามันมาตลอดกว่า 10000 ปี!”

 

กษัตริย์อาชูร่าหันกลับมามองกู่ฉิงซานและกล่าว “นี่คือโอกาสเดียวเท่านั้น ได้โปรดช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุดด้วย!”

 

จากนั้น สองมือของเขาก็ประกบรวมเข้าด้วยกัน และเริ่มท่องคาถาคำสาบานของทั้งสี่อาณาจักรในครั้งอดีต

 

“เอาล่ะ ข้าเองก็จะพยายามถ่วงเวลาเขาให้ดีที่สุด … ” กู่ฉิงซานงึมงำ

 

เขาคว้าจับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เพื่อเรียกคืนความสงบมั่นคงกลับมาในจิตใจ

 

ดาบนี้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากกฏเกณฑ์ทั้งหมด และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำลายสกิลเทวะของฝ่ายตรงข้าม

 

“ฉานนู่  ในกรณีที่ข้าพยายามจะสู้ เจ้าสามารถใช้ทักษะและประสบการณ์ทั้งหมดของข้าเพื่อตอบโต้ศัตรูได้เลยนะ”

 

“เจ้าค่ะนายน้อย” ฉานนู่เริ่มประหม่าเล็กน้อย

 

ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

 

ขณะนั้นเอง ก็บังเกิดเสียงที่ดูสุภาพดังขึ้นจากในอากาศที่ว่างเปล่า

 

“ไม่ทราบว่าท่านราชาภูติอยู่ที่นี่หรือไม่?”

 

“ข้าอยู่นี่” กู่ฉิงซานตอบรับ

 

“โปรดอภัยให้ข้าสำหรับการเยี่ยมเยือนโดยมิได้นัดหมายด้วย หากเจ้าพอจะมีเวลาว่าง ข้าก็อยากที่จะพบปะเจ้า เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติม  พอจะได้หรือไม่?”

 

“เชิญท่านชี้แนะ”

 

“นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

 

ทันใดนั้น จุดไฟสีดำก็ผุดออกมาจากความว่างเปล่า

 

จุดไฟสีดำค่อยๆส่องสว่างและขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นเค้าโครงของร่างมนุษย์ที่ดูโปร่งแสง

 

จากเค้าโครงหน้า มันดูเหมือนเขาจะเป็นชายชราที่มีจิตใจดี

 

ผมสีเงิน สวมใส่เสื้อคลุมยาวสีแดงที่ดูงดงาม ขณะที่ในมือข้างหนึ่งถือคทา และกำลังลดระดับลงมาจากความว่างเปล่า

 

กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูฉากนี้ด้วยใบหน้าที่เงียบสงบ

 

ในทะเลแห่งห้วงสติของเขา ปรากฏโครงกระดูกเปื้อนเลือดขึ้นข้างกายกษัตริย์อาชูร่า

 

เมื่ออีกฝ่ายตระหนักถึงจิตสัมผัสเทวะของเขา กษัตริย์อาชูร่าก็กล่าวเตือนกู่ฉิงซานว่า “แค่นี้ยังไม่เพียงพอ เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงถึงขั้นเรียกเทพที่แท้จริงจากโบราณอันไกลโพ้นมา เพียงเพื่อต้องการทรยศคำมั่นสาบานของสี่อาณาจักร ฉะนั้น ข้าจึงจำต้องเสียสละ13 นายพลแห่งกองทัพพันธมิตรเพื่อจัดการกับเขา”

 

“ข้าจะต้องเปิดใช้งานคำมั่นสาบานของ 13 นายพล และปลุกจิตวิญญาณของพวกเขาที่หลับไหลมากว่า 10000 ปี ให้ฟื้นคืนกลับมา”

 

“จะสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสามารถถ่วงเวลาให้ข้าได้นานแค่ไหน”

 

เขากล่าวออกมา จากนั้นก็เริ่มสวดท่องคาถาต่อไป

 

กู่ฉิงซานถอนจิตสัมผัสเทวะกลับคืน และมองไปยังเทพสวรรค์ในชุดคลุมแดง

 

ไม่ผิดแล้ว เขานี่แหละคือเทพสวรรค์ที่สังหารชิงหยิน

 

ต้องหาทางที่จะถ่วงเวลาเขาให้ได้ …

 

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าวทักทายอีกฝ่าย “คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีแขกในเวลานี้ แถมคนผู้นั้นยังทรงอำนาจถึงขั้นควบคุมเวลาอีกด้วย”

 

“ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพื่-”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงกำลังจะพูดต่อ แต่กู่ฉิงซานก็ผายมือออก ส่งสัญญาณเชื้อเชิญเขาให้นั่งลงเสียก่อน

 

“ได้โปรดเชิญนั่งลงก่อนเถอะ การยืนสนทนากันมันมิใช่มารยาทในการต้อนรับของข้า”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงดูจะตกใจเล็กน้อย

 

“โอ้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าจะนั่งลงก่อนแล้วค่อยสนทนาก็ได้”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงกล่าว เขานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน ขณะเดียวกันก็หรี่ตามองคนตรงหน้า

 

วินาทีต่อมา เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงก็เตรียมจะเอ่ยปากอีกครั้ง

 

แต่จู่ๆกู่ฉิงซานก็ผุดลุกขึ้นเสียก่อน และเดินปลีกตัวออกไป จากนั้นก็เปิดตู้แช่ไวน์

 

มันคือตู้แช่ไวน์ส่วนตัวของซางหยิงฮ่าว

 

“นั่นเครื่องดื่มอะไร?”

 

“ภายในนี้เต็มไปด้วยไวน์ที่ดีที่สุดที่มีในโลกมนุษย์ ได้โปรดลองเลือกมาสักขวดเถอะ”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงกวาดสายตาเข้าไปในตู้แช่ไวน์ แล้วอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เจ้าทราบหรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

 

“ข้าเองก็ไม่รู้หรอก ทว่าแค่สังเกตจากทุกสิ่งรอบๆตัวก็พอจะตัดสินได้แล้ว”

 

“ความสามารถเช่นนี้ ตลอดทั้งชีวิตของข้าไม่เคยได้ยิน ได้เห็นมันมาก่อนเลย”

 

“หากได้ลองขบคิดต่อจากนี้ ก็พอจะบอกได้ว่าท่านจะต้องเป็นคนสำคัญมากๆอย่างแน่นอน”

 

กู่ฉิงซานยกแก้วไวน์สองใบขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แขกผู้มีเกียรติ มาเถิด ตัวข้าในฐานะมนุษย์ ขอดื่มแก้วนี้ให้แก่ท่าน”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงกำลังตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะผุดยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าอย่างช้าๆ

 

“เจ้านี่มันไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงสามารถขึ้นเป็นราชาภูติได้” เขาเอ่ยชื่นชมออกมา

 

แต่กู่ฉิงซานไม่ได้ตอบกลับไป

 

เขายกไวน์ขึ้นมาสองขวดเพื่อลองเสนอให้อีกฝ่ายดู

 

“ไวน์ยู่หลูอายุกว่าร้อยปี ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีชื่อเสียงของฟูซี ขวดนี้มีอายุถึงร้อยปี และจะมีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะสามารถดื่มมันได้”

 

“ส่วนนี่ คือไวน์ซ่งจากรัฐบาลกลาง มีอายุกว่า 700 ปี เป็นของสะสมของเก้าตระกูลใหญ่ ที่มักจะถูกนำสะสมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสถานะ ไม่มีใครเลยที่เต็มใจจะดื่มมัน”

 

ขณะกล่าว กู่ฉิงซานก็กวาดจิตสัมผัสเทวะลงไปในทะเลแห่งห้วงสติ

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่สองได้ปรากฏขึ้นแล้ว

 

แต่โดยสิ้นเชิงแล้วมันจะต้องประกอบด้วยทั้ง 13 โครงกระดูกจึงจะประสบผลสำเร็จ และเวลานี้ … มันก็ยังเร็วเกินไป

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงถูกดึงดูดด้วยคำพูดของเขา อีกฝ่ายเอ่ยงึมงำออกมา “งั้นเอาเป็นขวดที่สองก็แล้วกัน”

 

กู่ฉิงซานแสดงท่าทีลังเลอยู่เพียงครู่หนึ่ง แล้วก็เปิดไวน์จุกก๊อกด้วยความสุขทันที

 

พร้อมกับกลิ่นหอมหวานของไวน์ที่ฟุ้งออกมา

 

‘ซางหยิงฮ่าวเอ๋ย อย่างน้อยสมบัติของนายก็ได้รับบทบาทสำคัญนะ อย่าเศร้าใจไปเลย’

 

กูฉิงซานลอบพูดขอโทษอย่างเงียบๆ

 

เทพสวรรค์หลับตาลง และสูดดมกลิ่นของมันที่ฟุ้งออกมาเล็กน้อย

 

สีหน้าของเขาเผยถึงความผ่อนคลายและพึงพอใจ ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ใช่ นี่มันเป็นไวน์ที่ดีจริงๆๆ แม้ข้าจะเคยลงมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่เคยได้สูดดมกลิ่นสิ่งมึนเมาที่หมหวานเช่นนี้มาก่อนเลย”

 

“ท่านอยากจะใส่น้ำแข็งเพิ่มหรือไม่?”

 

“ไม่ล่ะ ไวน์แบบนี้ดื่มเพียวๆนี่แหละดีที่สุด”

 

กู่ฉิงซานรินมันลงในแก้วและยื่นมันให้แก่เทพสวรรค์ชุดคลุมแดง

 

และเขาก็รินให้ตัวเองด้วย ‘โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย’

 

ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง

 

กู่ฉิงซานจับจ้องฝ่ายตรงข้าม และยกไวน์ขึ้นดื่มอึกหนึ่ง

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่สาม ปรากฏขึ้นในทะเลแห่งห้วงสติอย่างเงียบๆ

 

ยังคงเหลืออีกสิบ

 

เทพสวรรค์วางแก้วไวน์ลงและถอนหายใจออกมา “ข้าขอบอกเลยว่ามนุษย์อย่างพวกเจ้านี่มันช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เชี่ยวชาญในด้านการหาความสำราญเสียจริงๆ”

 

กู่ฉิงซานยกแก้วขึ้น และจิบไปอีกหนึ่งอึก

 

มันหวาน ขณะเดียวกันก็เย็นและจัดจ้าน

 

หากนี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของวันสิ้นโลก ไวน์แก้วนี้ก็นับว่ามีค่าคู่ควรกับเวลาเช่นนี้แล้ว

 

เขายกดื่มอีกครั้งและอีกครั้ง ก่อนจะยกขวดขึ้นมาเติมให้แก่เทพสวรรค์และตนเอง

 

“แก้วนี้เพื่อแสดงความนับถือแด่ท่าน” เขากล่าว

 

“และข้าขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างจริงใจของเจ้า” เทพสวรรค์กล่าว

 

ทั้งสองยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม

 

กู่ฉิงซานต้องการจะรินไวน์อีกครั้ง แต่คราวนี้เทพสวรรค์กลับโบกมือให้หยุด

 

“ไม่ล่ะ พอแล้ว ตอนนี้ข้าต้องการที่จะสนทนากับเจ้า”

 

กู่ฉิงซานวางขวดไวน์ลงและใส่จุกก๊อกปิดกลับคืน โค้งตัวลงเล็กน้อยแสดงท่าทีว่าจะตั้งใจฟัง

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่สี่ได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว

 

“ราชาภูติเอ๋ย กลยุทธ์การตอบโต้ของเจ้าค่อนข้างจะน่าตื่นตายิ่งนัก ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ ถึงขั้นต้องลอบไปสังเกตการณ์ทางฝั่งปรภพด้วยตนเอง เพราะได้ยินมาว่าจู่ๆเผ่ามารทุกตนก็ได้ตกตายลงอย่างกระทันหัน”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงที่นั่งอยู่บนโซฟากล่าวออกมาอย่างช้าๆ

 

“จากนั้น ข้าก็พบว่าเจ้าก็สามารถทำลายกลยุทธ์ทุกขั้นตอนของเผ่ามารลงได้ ทุกการลงมือของเจ้าช่างเป็นไปอย่างยอดเยี่ยมและทรงประสิทธิภาพ … จนกระทั่งมาสะดุดลงตรงแผนของข้า ที่ทำให้ตอนนี้เจ้าน่ะไร้ซึ่งหนทางที่จะถอยกลับได้”

 

“ข้าต้องขอบอกว่าข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ยังไงก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าทำได้แย่เหลือเกิน”

 

“โอ้? ข้าชักอยากจะฟังรายละเอียดเพิ่มเติมซะแล้วสิ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ในทะเลแห่งห้วงสติของเขา ข้างกายกษัตริย์อาชูร่า โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่ห้าได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว

 

“เจ้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ? สิ่งนั้นก็คือการที่เจ้าได้แบ่งปันบุญให้แก่พวกมดแมลงในนรกอย่างไรเล่า ทำให้พวกมันทั้งหมดได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ จนตอนนี้ นรกเลยกลายเป็นว่างเปล่า”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงเอนตัวลงบนโซฟา และกล่าวอย่างสบายๆ “ท่านราชาภูติเอ๋ย นั่นนับว่าเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ของเจ้า”

 

“ความล้มเหลว?” กู่ฉิงซานเผยท่าทีแสดงออกถึงความสับสน

 

“ใช่ เพราะทันทีที่นรกว่างเปล่า เจ้าก็ไม่มีเบี้ยในมือที่พร้อมใช้งานอีกต่อไป”

 

“เจ้าได้กลายเป็นราชาภูติที่โดดเดี่ยวไร้ซึ่งกองทัพ เข้าใจหรือไม่?”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงถอนหายใจ แสร้งแสดงถึงความเสียใจออกมา

 

“ดังนั้น ตอนนี้เจ้าจึงมีเพีย-”

 

“ไม่ใช่! เป็นเพราะกลยุทธ์นั่นของข้าต่างหากจึงสามารถจัดการกับหอกหลากสีได้” กู่ฉิงซานขัดจังหวะอีกฝ่าย

 

เขาอธิบายว่า “เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่เทพวิญญาณในปรภพเองก็ยังไม่สามารถหาวิธีรับมือกับหอกนั่นได้ หากข้าไม่ทำเช่นนั้น ก็ย่อมไม่มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องหอกได้”

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่หกปรากฏขึ้น

 

‘มันคงยังต้องใช้เวลาอีกเยอะสินะ’

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงผายมือออกและกล่าว “เหตุใดต้องไปจัดการกับหอกด้วย? ในฐานะกษัตริย์ เจ้าสมควรที่จะใส่ใจเกี่ยวกับอำนาจในมือตนเองต่างหาก”

 

กู่ฉิงซานกล่าว “แต่พวกเขาได้ทุ่มเทเต็มที่ ดังนั้นบุญจึงเป็นรางวัลที่เปรียบเสมือนดั่งอาหารและเครื่องดื่มที่สมควรจะได้รับหลังจากการตรากตรำทำงานอย่างหนัก”

 

“นั่นประไรเล่า ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดตัวเจ้าถึงได้มาตกอยู่นสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าน่ะยังไม่กระจ่างชัด ว่ากษัตริย์น่ะสมควรที่จะควบคุมทุกสิ่งมีชีวิต เพื่อบรรลุแก่ทุกอำนาจของตนเอง” เทพสวรรค์แสดงความคิดเห็น

 

“แต่ในจุดนี้ ข้ากลับเห็นในมุมมองที่ต่างประเด็นออกไป” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“โฮ่? ลองว่ามาสิ”

 

“ข้าจำเป็นต้องสร้างแรงปรารถนาให้พวกเขาอย่างแท้จริง สร้างแรงดลใจเพื่อกระตุ้นศักยภาพของพวกเขาออกมา และการกระทำนี้ส่งผลให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่มุ่งหวังได้สำเร็จ!”

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่เจ็ดปรากฏขึ้น

 

เหลืออีกหก

 

เทพสวรรค์จ้องมองเขา และจมลงสู่ความเงียบ

 

เขาราวกับกำลังเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตอันแปลกประหลาดอยู่

 

หลังจากผ่านพ้นไปช่วงเวลาสั้นๆ

 

“ลืมมันเถอะ สิ่งที่เจ้าทำน่ะอย่างไรมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว สุดท้ายเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนฉากจบที่ข้าวางเอาไว้สำหรับโลกใบนี้ได้”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงเอ่ยต่อ “ดังนั้น สิ่งที่ข้าต้องการจะพูดก็คือ–”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามทันควัน “ท่านผู้ทรงเกียรติ ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?”

 

ชายชราจ้องมองเขาด้วยความสับสน

 

ดีล่ะ คราวนี้ดูเหมือนว่าจะถ่วงเวลาเพิ่มขึ้นได้อีกหน่อยนะ

 

กู่ฉิงซานอธิบายว่า “ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลย จะให้เรียกผู้ทรงเกียรติๆ มันก็ดูจะไม่เป็นทางการมากเกินไป ข้าเกรงว่ามันจะไม่สุภาพหากไม่ได้เอ่ยชื่อท่าน”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าจะจมหายเข้าไปในความคิด

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่แปดปรากฏขึ้น

 

“ความจริงแล้วการเอ่ยถึงชื่อของข้าจะทำให้เกิดการสอดรู้สอดเห็นจากการดำรงอยู่จำนวนมาก และอีกอย่าง การเจรจาส่วนตัวนี้ก็จะกลายเป็นการสนทนาสาธารณะไป” เขาเผยท่าทีกังวลเล็กน้อยออกมา

 

“เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่เรียกข้าว่าเทพสวรรค์เล่า?”

 

“โอ้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านเป็นนายเหนือแห่งอาณาจักรสวรรค์อย่างนั้นหรือ?”

 

“ถูกต้อง”

 

สีหน้าของกู่ฉิงซานแสดงออกถึงความตื่นเต้น

 

“ในฐานะที่ตัวตนผู้ทรงเกียรติเช่นท่านได้มายังสถานที่แห่งนี้ ในช่วงเวลาที่โลกกำลังจะสูญสิ้น แถมยังมาเป็นการส่วนตัวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย — นี่แสดงว่าท่านกำลังจะมาเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติใช่หรือไม่!?” เขาเอ่ยถาม

 

“ไม่ ไม่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดไปโดยสิ้นเชิง” เทพสวรรค์ยกนิ้วขึ้นส่ายไปมา บนใบหน้าของเขากำลังแสดงถึงความรู้สึกเศร้าใจ

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่เก้าปรากฏขึ้น

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงกล่าวว่า “ข้าคิดว่าคงจะต้องทำให้มันชัดเจนเสียแล้วล่ะ นี่แหละคือสิ่งที่ข้ากำลังจะบอกแก่เจ้า”

 

“โอ้? เชิญชี้แนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

บนใบหน้าของเทพสวรรค์ปรากฏรอยยิ้มจางๆออกมา เขากล่าวว่า “ข้ามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะชื่นชมการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่กำลังจะมาถึงของผู้แพ้”

 

“แต่ข้ากลับคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังมิได้สิ้นหวังโดยสมบูรณ์” กูฉิงซานกล่าว

 

ชายชราชุดคลุมแดงกล่าว “นี่แหละคือสิ่งที่ข้าชื่นชมเจ้า และมันคือความสนุกของเรื่องราวทั้งหมด”

 

“กองทัพมารกำลังจะบุกเข้าสู่หกวิถีแห่งสังสารวัฏ และข้าก็จะนำเหล่าทวยเทพหลบหนีออกไป เวลานับว่ามีค่ายิ่งนัก ฉะนั้นเราจะทำให้เรื่องที่สมควรจะยาวจบลงแค่สั้นๆ”

 

“ผู้น้อยพร้อมจะรับฟังแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาใส่จิตสัมผัสเทวะลงไปในทะเลแห่งห้วงสติ

 

เห็นแค่เพียงโครงกระดูกเปื้อนเลือดที่สิบปรากฏขึ้น แต่ยังคงเหลืออีก 3 ตนสุดท้าย

 

กษัตริย์อาชูร่ายังคงเปล่งรังสีแสงระยับ และท่องคาถามนตราอย่างเต็มกำลัง

 

นายพลภูติจ้องมองมายังกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “เจ้าทำได้ดีแล้ว จงดึงดูดความสนใจของมันต่อไป ขั้นตอนสุดท้ายกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆนี้!”

 

ภายในห้องนั่งเล่น ในที่สุด เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงก็ได้เอ่ยวัตถุประสงค์ในการมาเยือนของตนเองออกมาเสียที

 

“นรกว่างเปล่า ขณะที่โลกมนุษย์นั้นอ่อนแอ ทั้งสองโลกนี้ไม่อาจช่วยเหลือได้อีกแล้ว แต่ทว่าความสามารถของเจ้าช่างเป็นเลิศนัก ข้าจึงคาดหวังว่าเจ้าจะพิจารณาเรื่องที่มาอยู่ใต้อาณัติข้า”

 

“อยู่ใต้อาณัติท่าน?”

 

“ใช่ เป็นข้าเองที่สังหารราชาภูติ และตอนนี้ข้าก็หวังที่จะได้จับมันเป็นทาสเพิ่มอีกหนึ่ง”

 

“ท่านน่ะหรือสังหารราชาภูติ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้!” กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว

 

“มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอก” เทพสวรรค์เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

 

“ก็โลกปรภพน่ะมีไม้เท้าแห่งการจองจำเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และอีกอย่างก็ข้านี่แหละคือราชาภูติ ไม่มีคนอื่นอีก”

 

“ที่เจ้ากล่าวมามันก็ใช่ แต่อันที่จริงแล้วข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องราวเมื่อ 10000 ปีก่อนต่างหาก”

 

บนใบหน้าของเทพสวรรค์ ได้เผยถึงการร่องรอยของการระลึกย้อความทรงจำ

 

10000 ปีที่ผ่านมา ช่างเป็นแผนการที่สุดแสนจะกระตุ้นหัวใจยิ่งนัก จนกระทั่งตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังจดจำได้ถึงตื่นเต้นหวาดเสียวในตอนนั้นได้อยู่เลย

 

และมันก็ประสบความสำเร็จเสียด้วย ดังนั้นในทุกครั้งที่เขาย้อนคิดถึงเรื่องนี้ มันจะก่อให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมในชัยชนะเล็กน้อย

 

รอยยิ้มแย้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทพสวรรค์

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่สิบเอ็ดได้ปรากฏขึ้น

 

เหลืออีกแค่สองเท่านั้น!

 

เทพสวรรค์ได้สติกลับคืน

 

ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องกล่าวเรื่องไร้สามาระให้มันมากความไปกว่านี้อีกต่อไป และหันมาเผชิญหน้ากับราชาภูติ

 

ได้ยินแค่เพียงเสียงของกู่ฉิงซานที่เอ่ยถาม “ท่านลงทุนมาเยือนถึงที่นี่เพื่อชักนำข้า ย่อมจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน”

 

“เจ้าเดาได้ถูกต้อง”

 

“เช่นนั้น แล้วสิ่งที่ท่านต้องการจากข้าคืออะไร?”

 

“ก็เทคนิคมนตราจำเพาะ – ที่เจ้าสามารถแยกร่างจิตวิญญาณออกจากกายมุนษย์แล้วไปยังโลกปรภพ และสามารถใช้มันอีกครั้งเพื่อหวนกลับมาได้”

 

“นอกเหนือจากนั้น ก็คงจะเป็นวิชาที่เจ้าใช้เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นคนตาย จนสามารถขึ้นมาเป็นราชาภูติได้ วิชาลี้ลับที่แสนจะมีมนต์ขลังเช่นนี้ กระทั่งตัวข้าเองก็ยังไม่เคยได้พบได้เจอมาก่อนเลย”

 

ดวงตาของชายชราชุดคลุมแดงสาดประกายวาว

 

เขาโน้มตัวไปข้างหน้า จดจ้องมายังกู่ฉิงซานและกล่าว “จงยอมมอบวิชาลี้ลับของเจ้ามาเสีย แล้วข้าจะให้เจ้าเป็นทาสแห่งอาณาจักรสวรรค์ นำพาเจ้าหลบหนีออกจากโลกทั้งหกที่กำลังจะล่มสลายลงนี้”

 

“นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่เจ้าจะสามารถมีชีวิตรอดไปได้” ชายชราชุดคลุมแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลองคิดถึงเผ่ามารนับไม่ถ้วนและอสูรกายที่กำลังจะมาถึงโลกมนุษย์ในไม่ช้า แต่เจ้ากลับเป็นเพียงราชาภูติที่โดดเดี่ยวไม่มีกำลังรบใดๆอยู่ในมือ – เจ้าจะตกตายอยู่ภายใต้ความสิ้นหวัง”

 

“ข้าได้เฝ้าดูเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว และเห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด ดังนั้นข้าเชื่อว่าเจ้าสมควรจะรู้ดีว่าต้องเลือกทางใด”

 

กู่ฉิงซานก้มหน้าลง แสดงท่าทีขบคิด

 

โครงกระดูกเปื้อนเลือดที่สิบสองปรากฏขึ้นแล้ว พวกเขาทุกคนกำลังคุกเข่าต่อหน้ากษัตริย์อาชูร่าเพื่อทำการเรียกโครงกระดูกตนสุดท้ายด้วยกัน

 

“ท่านสามารถให้เวลาข้าสักหนึ่งส่วนสี่ชั่วยามเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับมันได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“ข้าเสียใจจริงๆ แต่เจ้าจะต้องตัดสินใจในตอนนี้ทันที – สำหรับการต้อนรับด้วยไวน์เลอค่าของเจ้า ข้าจึงไม่ได้บีบบังคับเจ้าในทันที หวังว่าเจ้าจะตระหนักเกี่ยวกับจุดนี้เอาไว้ด้วย” เทพสวรรค์กล่าว

 

“เข้าใจแล้ว แต่เมื่อครู่ยังมีสิ่งที่ท่านกล่าวผิดอยู่นะ ตัวข้าน่ะ จะไม่ตกตายอยู่ภายใต้ความสิ้นหวังหรอก”

 

เทพสวรรค์ยิ้มออกมาอย่างไม่คาดคิด

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? โลกมนุษย์มีตัวตนที่แข็งแกร่งอยู่ไม่มากนัก และนักรบที่แท้จริงก็หาได้ยากยิ่ง ในสถานการณ์อันไร้ซึ่งหนทางเช่นนี้ ข้าไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเจ้าคิดจะกระทำสิ่งใด?” เขาเอ่ยถามด้วยความสนใจ

 

“โลกปรภพน่ะ กำลังจะถูกผสานรวมเข้ากับโลกมนุษย์แล้ว”

 

“นั่นก็ใช่ แต่แล้วมันอย่างไร? ข้ามั่นใจว่ากำแพงอุปสรรคที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่เพราะสิ่งนั้นมันคงจะสายเกินไป  หากต้องเผชิญหน้ากับเผ่ามารอันไร้ที่สิ้นสุดจนกว่าจะถึงช่วงเวลานั้น ตัวเจ้าจะสามารถทำได้หรือ?”

 

“ไม่หรอก แต่ข้าอาจจะเป็นคนแรกที่ตายก่อนในสนามรบ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“เป็นคนแรกที่ตายก่อนในสนามรบ?” ชายชราชุดคลุมแดงไม่เข้าใจ

 

“เป็นคนแรกที่ตายในสนามรบ จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นคนตาย เท่านี้ก็จะสามารถเผชิญหน้ากับชีวิตและความตายได้อย่างกล้าหาญ ไล่ล่าสังหารเผ่ามารที่อยู่ในโลกนี้ตลอดไป”

 

น้ำเสียงของกู่ฉิงซานลดระดับลงอย่างช้าๆ การแสดงออกของเขาช่างสงบนิ่ง ราวกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง

 

“จะหนึ่งปี สิบปี ร้อยปี หรือเป็นพันๆปี หมื่นปี ข้าก็จะไล่สังหารเผ่ามาร เพื่อเฝ้าดูว่าเมื่อใดมันจึงจะได้รับรู้ว่าความหวาดกลัวคือสิ่งใด!”

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงฟังกู่ฉิงซานเอ่ยบรรยายอย่างช้าๆ ขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆหายไป

 

“เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด แต่แท้จริงแล้วเจ้านับว่าคู่ควรกับชื่อเสียงของราชาภูติอย่างแท้จริง … ในอีกความหมายนึงน่ะนะ” เทพสวรรค์กล่าว

 

“ข้ากำลังเฝ้ารอคอยที่จะได้ต่อสู้และสังหารทุกวี่วันในอนาคต” กู่ฉิงซานกล่าว

 

น้ำเสียงของเทพสวรรค์เผยถึงความโกรธเล็กน้อย “นี่เจ้าไม่เข้าใจอีกหรือ? คนตายน่ะถูกผูกมัดเอาไว้กับกฏเกณฑ์แห่งหกวิถีของปรภพ เจ้าจะติดอยู่ในดินแดนนี้ตลอดไป นอกจากนี้ เผ่ามารนับไม่ถ้วนคงจะยึดครองโลกไปแล้ว และนั่นหมายความว่าเจ้าจะมิได้เกิดใหม่อีกเลย”

 

“ก็แล้วมันอย่างไรเล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

เทพสวรรค์ตัวแข็งค้างไป

 

กู่ฉิงซานไตร่ตรองอยู่สักพักจึงกล่าว “ในความเป็นจริงแล้ว พอได้มาลองคิดดูอย่างรอบคอบเกี่ยวกับมัน ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย”

 

เขาราวกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง และการแสดงออกทางสีหน้าก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

 

ใช่ เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

 

จะต่อสู้จนหยดสุดท้ายอย่างไร้ปราณี

 

นั่นคือความตั้งใจสุดท้ายของเขา

 

เทพสวรรค์ชุดคลุมแดงได้ตระหนักถึงเรื่องนี้

 

เขาหุบปากลง และเงียบงันไปเป็นเวลานาน

 

“เจ้ามันวิปลาส … ” เขาเอ่ยพึมพำ

 

เทพสวรรค์ผุดลุกขึ้นยืนทันใด “แบบนี้ชักจะไม่ดีแล้ว การดำรงอยู่ของตัวตนเช่นเจ้ามันอันตรายเกินไป ข้าสมควรจะสังหารเจ้าซะเดี๋ยวนี้ และกระทั่งจิตวิญญาณของเจ้าก็สมควรที่จะถูกทำลายลง!”

 

เขาวาดคทาในมือออกไป

 

และพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดก็หลั่งไหลออกมาจากกายเขา ควบแน่นหลอมรวมกันบนคทา

 

ในเวลาเดียวกัน กู่ฉิงซานก็เข้าไปในทะเลแห่งห้วงสติ

 

13 โครงกระดูกเปื้อนเลือดปรากฏกายขึ้นทั้งหมดแล้ว ปากพวกมันอ้าขยับ เปล่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกัน “ดำเนินการ … แก้แค้น …”

 

ในเสี้ยววินาที เหล่าโครงกระดูกเปื้อนเลือดก็หายไปจากทะเลแห่งห้วงสติของกู่ฉิงซาน และปรากฏกายขึ้นภายในห้องนั่งเล่น

 

“—นี่มันการลงทัณฑ์ของผู้ที่ปฏิเสธในคำมั่นสาบาน!” ชายชราชุดคลุมแดงสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายครั้งใหญ่

 

เขายกคทาในมือขึ้น ปากร่ำร้องตะโกน “นี่มันเป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าทุกคนได้ตายไปแล้วชัดๆ!”

 

บนคทามนตรา บังเกิดแสงจรัสสีขาวสดใสปะทุออกมา และห่อหุ้มร่างของชายชราชุดคลุมแดงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่า

 

กษัตริย์อาชูร่าปรากฏกายขึ้น เปล่งเสียงเบาราวกระซิบ “ด้วยตัวข้าเองที่เป็นหลักฐานอันกระจ่างชัด คำมั่นสาบานนับว่าถูกต้อง ผนึกลงทัณฑ์ – จงพันธนาการ!”

 

13 โครงกระดูกอาบเลือดรายล้อมรอบเทพสวรรค์ในชุดคลุมแดงเริ่มสาดแสง

 

พร้อมกับเทพสวรรค์ก็ถูกดึงตัวกลับมา