หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.423 – กำลังเสริมจากปรภพ

 

ในขณะนั้นเองเทพสวรรค์ก็ถูกดึงตัวกลับมา

 

กษัตริย์อาชูร่าคำรามดั่งฟ้าผ่า “ผนึกลงทัณฑ์ จงพันธนาการ!”

 

13 โครงกระดูกวาดมือออก สาดเลือดที่กุมอยู่ในมือจนบังเกิดละอองเลือดฟุ้งไปทั่วชั้นอากาศ

 

ตลอดทั้งห้องบังเกิดแสงสีแดงสาดกระทบ

 

วินาทีต่อมา ชายชราชุดคลุมแดงก็หายวับไปพร้อมกับ 13 โครงกระดูก

 

ขณะเดียวกัน ตำแหน่งที่พวกเขาหายตัวไป บังเกิดแอ่งหลุมที่สาดแสงสีแดงปรากฏขึ้น

 

กษัตริย์อาชูร่ายังคงร่ายคาถาคำมั่นสาบาน ประจำการอยู่หน้าปากทางเข้าหลุม

 

และในตอนนั้นเอง ก็บังเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นในความว่างเปล่า

 

ตามด้วยชุดเกราะรบสีดำที่ในมือถือกระบี่ยาวสาดแสงทมิฬปรากฏกายขึ้น

 

“เจ้าจะสามารถกักตัวเขาไว้ได้นานแค่ไหน?” นายพลภูติเอ่ยถาม

 

“ตราบเท่าที่เจ้าไม่ประวิงเวลาปล่อยให้เขาใช้ออกด้วยเทคนิคมนตราได้ ข้าก็จะสามารถสะกดเขาไปได้อีกนานแสนนาน” กษัตริย์อาชูร่ากล่าว

 

นายพลภูติหัวเราะแทบคลั่ง “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะทำให้เขามิอาจมีเวลามาใส่ใจสิ่งใดได้เลย”

 

ว่าจบ มันก็พรวดเข้าไปในแอ่งหลุม

 

“แค่คำพูดของเจ้า ข้าเกรงว่ามันอาจจะไม่เพียงพอน่ะสิ … ”

 

ว่าแล้ว กษัตริย์อาชูร่าก็วิ่งตามเข้าไปในหลุม

 

และทันทีที่เขาก้าวเข้าไป แสงสีแดงที่สาดกระทบไปทั่วห้องก็มอดลง จนสุดท้ายก็หายไป

 

พร้อมกับร่างของชายชุดดำที่ปรากฏตัวขึ้นตามมาอย่างฉับพลัน

 

หลาน

 

ท่าทีการแสดงออกของเขาเวลานี้ช่างดูตื่นเต้นราวกับว่าทั้งคนทั้งร่างได้คลั่งไปแล้ว

 

“เทพสวรรค์ได้ถูกสะกดอยู่ที่นี่ นี่เป็นโอกาสเดียวในรอบหมื่นปี! ข้าจะไปยังอาณาจักรสวรรค์และช่วยเหลือชิงหยิน!” เขาหันมาเอ่ยกับกู่ฉิงซาน

 

วินาทีต่อมา เขาก็เลือนรางลง จนแทบจะหายไปจากความว่างเปล่า

 

“ช้าก่อน!” กู่ฉิงซานเอ่ยตะโกน

 

“มีเรื่องอะไร? ยังต้องการอะไรอีก? ข้าก็ให้รางวัลแก่เจ้าไปแล้วมิใช่หรอกหรือ?”

 

ร่างของหลานเอ่ยถามด้วยความงงงวย

 

“นั่นท่านกำลังจะไปช่วยชีวิตนางอย่างงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“ก็แล้วมันมีปัญหาอะไร ในเมื่อเทพสวรรค์ก็ถูกขังอยู่ที่นี่แล้ว?”

 

“ดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่เข้าใจถึงความหมายที่ชิงหายต้องการจะสื่อผ่านไพ่” กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างรวดเร็ว “นายพลภูติและกษัตริย์อาชูร่าเป็นกุญแจสำคัญในการสะกดเทพสวรค์ก็จริง แต่ไพ่ใบที่สามที่เธอส่งมาก่อนจะสิ้นใจลง มันคือปริศนาที่มีความนัยบ่งบอกว่าท่านจะต้องต่อกรกับ ‘ตัดขาดเวลา’ .. ท่านจะต้องหาทางจัดการกับสกิลเทวะนี้ให้ได้เสียก่อน!”

 

“เรื่องนั้นคงไม่ต้องกังวลหรอก เพราะเทพสวรรค์ชุดคลุมแดงเป็นผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสำแดงตัดขาดเวลา ได้!”

 

กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ท่านยังไม่กระจ่างใจอีกหรือ ความหมายที่เธอจะสื่อก็คือ เธอจะต้องถูกขังอยู่ในสถานที่ๆรายล้อมไปด้วยเทพสวรรค์ ในขณะเดียวกันก็มีค่ายกลกับดัก ‘ตัดขาดเวลา’รวมอยู่ด้วย ท่านจะต้องมั่นใจว่าจะสามารถแก้สองเรื่องนี้ให้ได้ก่อน มันจึงจะเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือเธอ!”

 

พอหลานได้ฟัง ทั้งคนทั้งร่างก็พลันตะลึงงัน

 

กู่ฉิงซานเอ่ยปาก “ฉานนู่”

 

“ข้าอยู่นี่” ฉานนู่ปรากฏกายขึ้น

 

“เจ้าจงติดตามไปช่วยเหลือเขา และข้าอนุญาตให้เจ้าใช้ทักษะและประสบการณ์ของข้าเมื่อใดก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ”

 

“เจ้าค่ะนายน้อย!”

 

กู่ฉิงซานหันไปกล่าวกับหลานต่อ “ดาบของข้าสามารถทำลายได้ทุกกฏเกณฑ์ และมันจะเป็นตัวแปรสำคัญในการสกัดกั้นสกิลเทวะตัดขาดเวลา เธอสามารถแหกกฏเวลาที่หยุดนิ่งในไพ่ใบที่สามได้ ฉะนั้นข้าขอส่งเธอไปกับท่าน!”

 

หลานมองไปยังฉานนู่ ขณะเดียวกันก็สลับกลับมามองกู่ฉิงซานก่อนจะสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด

 

“ขอบใจเจ้ามาก บุญคุณนี้ข้าจะจดจำไว้ในจิตใจ” หลานกล่าว

 

หลานเดินมาหยุดหน้าฉานนู่และวาดไพ่ออกไป

 

ตัวไพ่เปล่งประกายสีสดใส มันสาดเข้าปกคลุมทั้งหลานทั้งดาบขุนเขาเทวะหกโลกา แล้วดูดทั้งสองหายเข้าไปในความว่างเปล่า

 

หลังจากที่ทั้งสองจากไป

 

เข็มวินาทีในนาฬิกาบนผนังก็กลับมาเริ่มขยับอีกครั้งในที่สุด

 

วินาทีต่อมา

 

ทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ปกติ

 

ประธานาธิบดียังคงครุ่นคิด

 

ขณะที่แอนนา ซางหยิงฮ่าว และเย่เฟย์หยูยังคงอยู่ในท่วงท่าเดิม

 

ทุกคนในห้องไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลย

 

มีเพียงหมาดำเท่านั้นที่กำลังแสดงให้เห็นถึงสีหน้าขบคิดอย่างลึกซึ้ง

 

“เทพสวรรค์ถูกขังอยู่ในอาณาเขตของคำมั่นสาบานอันทรงพลานุภาพ แล้วชายที่พึ่งปรากฏตัวออกมาก็ยังเดินทางไปยังอาณาจักรสวรรค์อีก แล้วเจ้าเล่า? เจ้ากำลังวางแผนจะไปที่ใด?” หมาดำเปล่งเสียงดังเอ่ยถามกู่ฉิงซานในทันใด

 

“ไม่หรอก ข้าไปไม่ได้ และไม่ต้องการจะไปด้วย” กู่ฉิงซานส่ายหัว

 

ก๊าซซซซ!

 

บนท้องฟ้าเหนือวิลล่า เสียงคำรามของเผ่ามารดังสะท้อนอย่างต่อเนื่อง

 

กู่ฉิงซานยืนอยู่เพียงลำพัง รับฟังเสียงจากภายนอก

 

“สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือหวังให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดนี้ ด้วยตัวข้าเพียงลำพังน่ะมันไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ หากมีข้าเพียงลำพัง ก็คงทำได้แค่เพียงเฝ้ารอวันสิ้นโลกที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น” เขาถอนหายใจยาว

 

“จริงด้วยสิ โลกกำลังใกล้จะมาถึงจุดจบแล้ว” หมาดำเอ่ยงึมงำ

 

ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็พบว่าบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม มีสองบรรทัดเส้นแสงตัวอักษรสาดประกายขึ้น

 

“การผสานรวมกันระหว่างโลกมนุษย์และโลกปรภพกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น กำลังเสริมจากโลกปรภพก็ได้มาถึงแล้ว”

 

กู่ฉิงซานส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจออกมาถึงครั้งหนึ่ง

 

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรปรภพหรืออาวุธปรภพ ก็มิอาจเผชิญหน้ากับเผ่ามารและอสูรกายที่มีจำนวนไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้หรอก … ลำพังแค่พวกมันและเขา ย่อมมิอาจช่วยเหลือโลกใบนี้ได้

 

ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!

 

เสียงเคาะดังกึกก้อง

 

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ทุกคนกลับแสดงสีหน้าที่เผยถึงความสนใจออกมา

 

เพราะคราวนี้ เสียงมันดังมาจากประตูทางเข้าวิลล่า มิใช่มาจากความว่างเปล่า

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานตระหนักชัดว่าอาวุธจากปรภพได้มาถึงแล้ว

 

แต่เขาก็ยังไม่คิดจะเคลื่อนไหวใดๆในตอนนี้

 

เขาเหนื่อยล้า .. ทั้งคนทั้งร่างอ่อนแอ ความรู้สึกในแง่ลบต่างๆท่วมเข้ามาทับถมเขาจนหายใจไม่ออกราวกับกำลังจะจมน้ำตาย

 

เขาได้ทุ่มทั้งแรงและเวลาอย่างหนัก แต่สุดท้ายกลับต้องพบเจอกับผลลัพธ์เช่นนี้

 

ฉะนั้นตอนนี้ เขาจึงไม่ต้องการที่จะคิดอะไรเกี่ยวกับมัน ที่ต้องการก็เพียงแค่ปล่อยให้สมองของตัวเองได้ว่างเว้นเสียหน่อย

 

เขาหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาและเทใส่แก้วของตัวเอง

 

“หือ?” ซางหยิงฮ่าวมองไปที่มัน

 

แล้วเจ้าตัวก็นิ่งค้างไปชั่วเวลาหนึ่ง

 

“ช่างมันเถอะ ไวน์ขวดนี้นับว่าคู่ควรแล้วที่จะดื่มให้กับวันสิ้นโลก”

 

ซางหยิงฮ่าวเดินเข้ามา เริ่มรินมันใส่แก้ว แล้วส่งให้กับทุกๆคน

 

ประธานาธิบดีรับแก้วไวน์มา “ขอบคุณสำหรับไวน์ ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ฉันหวังว่าจะได้ตายลงท่ามกลางสนามรบไปพร้อมกันกับพวกเธอทุกๆคนนะ”

 

สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่ายกมันขึ้นดื่มจนหมดแก้วในอึกเดียวและกล่าวว่า “ส่วนข้า คาดหวังแค่เพียงขอให้ตนเองตกตายลงอย่างไม่เจ็บปวด”

 

กู่ฉิงซานยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง แต่เขามิได้เอ่ยอะไรออกมา

 

ขณะที่แอนนาเดินเข้ามาชนแก้วกับเขาแล้วยกดื่ม

 

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะอยู่กับนายเสมอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน

 

ส่วนเย่เฟย์หยูยืนขึ้น และเปิดประตูเดินออกไป

 

แต่ไม่นานนนัก เขาก็รีบวิ่งกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับความตื่นตระหนกที่เด่นชัดอยู่บนใบหน้า

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ? นายคงจะแปลกใจสินะ พวกนั้นคืออาวุธและเครื่องจักรปรภพที่พึ่งมาถึงน่ะ วางใจเถอะ” กู่ฉิงซานเห็นถึงท่าทีของอีกฝ่าย จึงกล่าวอธิบายออกไป

 

“ไม่! ไม่ใช่แบบนั้น! ฉัน … ฉันว่านายควรจะออกมาดูเองนะ” เย่เฟย์หยูกล่าว “เป็นผู้หญิงล่ะ! ข้างนอกเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นำคนจำนวนมาก มาก มาก มาก มาก มากๆๆๆ มาที่นี่และเธอบอกว่ามีสิ่งหนึ่งที่จะต้องมอบมันให้แก่นาย”

 

“ผู้หญิงอีกแล้ว?” แอนนาผุดลุกขึ้นยืนทันที

 

“ต้องการจะมอบสิ่งหนึ่งให้ฉัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ

 

“อ่า เธอบอกว่าเธอมีนัดดวลกับนาย แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”

 

นัดดวลงั้นหรอ …

 

วินาทีนั้นเอง สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างกระทันหัน เขาผุดลุกขึ้นทันใด และเดินตรงไปที่ประตู

 

ขณะที่แอนนาก็เดินติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด

 

พร้อมกับหมาดำที่ประกบติดอยู่ข้างหลังเธอ

 

ซางหยิงฮ่าวสังเกตเห็นว่าสีหน้าของกู่ฉิงซานมันผิดปกติ จึงตามออกไปด้วย

 

ส่วนประธานาธิบดีกับเวโรน่า ทั้งสองหันมามองกันวูบหนึ่งและตัดสินใจตามไปเช่นกัน

 

ทุกคนเดินตามกู่ฉิงซานออกไป เพื่อต้องการดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

กู่ฉิงซานผลักประตูเปิดออก

 

เบื้องหน้าเขา คือหญิงสาวที่หน้าตาหมดจดงดงามที่ในมือข้างหนึ่งกำลังถือกระบี่ยาวอยู่

 

เป็นหญิงงามเผ่าอาชูร่า

 

คนตายทั้งเจ็ดกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงออกมาโดยมีเธอเป็นหัวหอก พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างหน้าประตู

 

กู่ฉิงซานกลายเป็นโง่งม

 

“ทำไมถึงมีคนเยอะมากมายขนาดนี้” ประธานาธิบดีเอ่ยเสียงกระซิบ

 

“พวกเขาคือคนตายน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“ก็แล้วทำไมถึงมีมากแบบ … ”ซางหยิงฮ่าวเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

เบื้องหลังผู้คุมนรกทั้งเจ็ด

 

บนภูเขา ฝูงชนอันไร้ที่สิ้นสุดกระจุกตัวกันอย่างหนาแน่น ลากยาวจากเขตภูเขาไปจนถึงพื้นที่ราบลุ่ม ข้ามผ่านแม่น้ำ ขยายกว้างไกลออกไปถึงเมืองหลวง … และทั้งหมดล้วนคือคนตาย!

 

พวกเขายืนนิ่งอยู่อย่างเงียบๆ

 

และกระจุกตัวกันปกคลุมไปตลอดทั้งโลก!

 

ในขณะนั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น “ใต้เท้า ดาวเคราะห์โลกยังคงขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะในตอนนี้ จู่ๆก็มีคนตายนับล้านๆคนปรากฏตัวขึ้นปกคลุมไปตลอดทั้งโลก!”

 

กู่ฉิงซานนิ่งงันไปช่วงเวลาหนึ่งจึงได้สติกลับคืน

 

“พวกเจ้า — ไม่ใช่ว่าได้ไปเกิดใหม่กันแล้วหรอกหรือ?” เขาเอ่ยถาม

 

ผู้คุมนรกทั้งเจ็ด หันไปสบตากัน ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า

 

“ก็ข้าดันไปบังเอิญได้ยินมาว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้นเสียก่อนน่ะซี” ชายชราเผ่ามนุษย์หัวเราะ

 

“มัน – ถึง – เวลา – ที่ -พวกเรา – จะ – แสดง – น้ำใจ”ยักษ์ทั้งสองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน

 

“สู้กับพวกเผ่ามาร ที่กระทั่งคืนชีพก็ไม่สามารถทำได้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหรอก” ชูร่าชายกล่าวดูถูกออกมา

 

“พวกเราจะแสดงให้เผ่ามารได้เห็นเอง ว่าหากคิดร้ายกับโลกมนุษย์ พวกมันจะพบกับจุดจบเช่นไร!” มนุษย์ปีศาจกล่าว

 

“ได้ยินมาว่าเนื้อเผ่ามารก็มีรสชาติไม่เลว ข้าเลยคิดว่าจะลิ้มลองมันดูเสียหน่อยก่อนที่จะออกเดินทางไปไกลแสนไกล” ราชันย์หมาป่ากล่าว

 

อาชูร่าหญิงเอ่ยปากออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเราไม่คิดที่จะจากไปเฉยๆหรอกนะ”

 

“พอดีว่าพวกเรายังมีเวลาว่างเหลืออยู่อีกหลายชั่วโมงน่ะ”

 

ขณะกล่าว เธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

 

พร้อมกับหยิบยื่นสิ่งหนึ่ง ชูสูงขึ้นเพื่อมอบให้กับกู่ฉิงซาน

 

ตัวก้านเป็นสีดำสนิท ขณะที่ส่วนหัวมีกะโหลกเขาแหลมติดอยู่ พร้อมกับรังสีหมอกทมิฬที่คดเคี้ยวไปมารอบตัวมัน

 

-ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ

 

ชูร่าหญิงได้นำไม้เท้าแห่งการจองจำมาให้แก่กู่ฉิงซาน

 

“ทำไมกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

ชูร่าหญิงเงยหน้าขึ้นมองเขา และเผยสีหน้าอ่อนโยนอันหาได้ยากยิ่งออกมา

 

“ท่านราชาภูติ ท่านได้ช่วยพวกเราเอาไว้ ตอนนี้พวกเราจึงไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกอีกต่อไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ยังไม่ต้องการที่จะรีบไปเกิดใหม่ทันทีเช่นกัน”

 

“แต่การยืดเวลาไม่ยอมไปเกิดใหม่ ไม่ยินยอมก้าวเข้าสู่สังสารวัฏ เลขบุญของพวกเจ้าจะค่อยๆถูกหักออกนะ” กู่ฉิงซานกล่าวเตือน

 

“เวลานั้นยังไม่มาถึง นอกจากนี้ วันสิ้นโลกก็กำลังกัดกร่อนตลอดทั้งหกโลกอย่างไม่รู้จบ และดูเหมือนว่า ก่อนที่พวกเราจะไปเกิดใหม่ ก็ยังสามารถได้รับบุญเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย”

 

“ไม่เพียงแต่จะได้รับบุญเพิ่มขึ้น แถมยังสามารถสร้างหนี้ให้กับราชาภูติที่เราโปรดปราน ขว้างหินก้อนเดียวได้นกถึงสองตัวเช่นนี้ จะมีผู้ใดเล่าที่ปฏิเสธ?” ชูร่าหญิงยิ้ม

 

กู่ฉิงซานรับฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว สีหน้าของเขาค่อยๆผ่อนคลายลงช้าๆ

 

“ท่านราชาภูติได้โปรดบัญชาพวกเราด้วย” ราชันย์หมาป่ากล่าว

 

“ … แต่เจ้าไม่อาจต่อกรกับอสูรกายได้ แม้กระทั่งข้าเองก็ไม่อาจต่อกรกับมันได้เช่นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ชูร่าหญิงกล่าว “พวกเราสามารถพิชิตชัยหอกหลากสีได้ – แถมยังไม่มีวันตาย ไม่ว่าอสูรกายจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่มันก็ยังด้อยกว่าหอกหลากสี ฉะนั้นพวกเราย่อมสามารถเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน”

 

กู่ฉิงซานเงียบไป

 

เขาค่อยๆเอื้อมมือออกไปและรับไม้เท้าแห่งการจองจำมา

 

ขณะที่ชูร่าหญิงลุกขึ้นยืนและค่อยๆถอยกลับไป

 

กู่ฉิงซานยกไม้เท้าแห่งการจองจำขึ้น และหันไปเผชิญหน้ากับเหล่าคนตายทั้งหมด

 

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำเชื่อมต่อกับกองทัพคนตาย

 

“ข้าขอขอบคุณที่พว-”

 

แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคหลังจนจบ เสียงของกู่ฉิงซานก็ถูกกลบไปด้วยเสียงคำรามจากทั่วทั้งโลกเสียก่อน

 

“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”

 

“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”

 

“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”

 

เสียงสรรเสริญนี้ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงคำรนของฟ้าร้องสะเทือนไปทั่วผืนนภา , เสียงคำรามของคลื่นสึนามิซัดสาดสั่นสะเทือนไปตลอดทั้งผืนพิภพ

 

คนตายทั้งหมดโห่ร้อง และเริ่มเปล่งเสียงสรรเสริญให้แก่กู่ฉิงซาน

 

พวกเขานี่แหละ —- คือกำลังเสริมจากปรภพล่ะ!!!