หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.423 – กำลังเสริมจากปรภพ
ในขณะนั้นเองเทพสวรรค์ก็ถูกดึงตัวกลับมา
กษัตริย์อาชูร่าคำรามดั่งฟ้าผ่า “ผนึกลงทัณฑ์ จงพันธนาการ!”
13 โครงกระดูกวาดมือออก สาดเลือดที่กุมอยู่ในมือจนบังเกิดละอองเลือดฟุ้งไปทั่วชั้นอากาศ
ตลอดทั้งห้องบังเกิดแสงสีแดงสาดกระทบ
วินาทีต่อมา ชายชราชุดคลุมแดงก็หายวับไปพร้อมกับ 13 โครงกระดูก
ขณะเดียวกัน ตำแหน่งที่พวกเขาหายตัวไป บังเกิดแอ่งหลุมที่สาดแสงสีแดงปรากฏขึ้น
กษัตริย์อาชูร่ายังคงร่ายคาถาคำมั่นสาบาน ประจำการอยู่หน้าปากทางเข้าหลุม
และในตอนนั้นเอง ก็บังเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นในความว่างเปล่า
ตามด้วยชุดเกราะรบสีดำที่ในมือถือกระบี่ยาวสาดแสงทมิฬปรากฏกายขึ้น
“เจ้าจะสามารถกักตัวเขาไว้ได้นานแค่ไหน?” นายพลภูติเอ่ยถาม
“ตราบเท่าที่เจ้าไม่ประวิงเวลาปล่อยให้เขาใช้ออกด้วยเทคนิคมนตราได้ ข้าก็จะสามารถสะกดเขาไปได้อีกนานแสนนาน” กษัตริย์อาชูร่ากล่าว
นายพลภูติหัวเราะแทบคลั่ง “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะทำให้เขามิอาจมีเวลามาใส่ใจสิ่งใดได้เลย”
ว่าจบ มันก็พรวดเข้าไปในแอ่งหลุม
“แค่คำพูดของเจ้า ข้าเกรงว่ามันอาจจะไม่เพียงพอน่ะสิ … ”
ว่าแล้ว กษัตริย์อาชูร่าก็วิ่งตามเข้าไปในหลุม
และทันทีที่เขาก้าวเข้าไป แสงสีแดงที่สาดกระทบไปทั่วห้องก็มอดลง จนสุดท้ายก็หายไป
พร้อมกับร่างของชายชุดดำที่ปรากฏตัวขึ้นตามมาอย่างฉับพลัน
หลาน
ท่าทีการแสดงออกของเขาเวลานี้ช่างดูตื่นเต้นราวกับว่าทั้งคนทั้งร่างได้คลั่งไปแล้ว
“เทพสวรรค์ได้ถูกสะกดอยู่ที่นี่ นี่เป็นโอกาสเดียวในรอบหมื่นปี! ข้าจะไปยังอาณาจักรสวรรค์และช่วยเหลือชิงหยิน!” เขาหันมาเอ่ยกับกู่ฉิงซาน
วินาทีต่อมา เขาก็เลือนรางลง จนแทบจะหายไปจากความว่างเปล่า
“ช้าก่อน!” กู่ฉิงซานเอ่ยตะโกน
“มีเรื่องอะไร? ยังต้องการอะไรอีก? ข้าก็ให้รางวัลแก่เจ้าไปแล้วมิใช่หรอกหรือ?”
ร่างของหลานเอ่ยถามด้วยความงงงวย
“นั่นท่านกำลังจะไปช่วยชีวิตนางอย่างงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ก็แล้วมันมีปัญหาอะไร ในเมื่อเทพสวรรค์ก็ถูกขังอยู่ที่นี่แล้ว?”
“ดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่เข้าใจถึงความหมายที่ชิงหายต้องการจะสื่อผ่านไพ่” กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างรวดเร็ว “นายพลภูติและกษัตริย์อาชูร่าเป็นกุญแจสำคัญในการสะกดเทพสวรค์ก็จริง แต่ไพ่ใบที่สามที่เธอส่งมาก่อนจะสิ้นใจลง มันคือปริศนาที่มีความนัยบ่งบอกว่าท่านจะต้องต่อกรกับ ‘ตัดขาดเวลา’ .. ท่านจะต้องหาทางจัดการกับสกิลเทวะนี้ให้ได้เสียก่อน!”
“เรื่องนั้นคงไม่ต้องกังวลหรอก เพราะเทพสวรรค์ชุดคลุมแดงเป็นผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสำแดงตัดขาดเวลา ได้!”
กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ท่านยังไม่กระจ่างใจอีกหรือ ความหมายที่เธอจะสื่อก็คือ เธอจะต้องถูกขังอยู่ในสถานที่ๆรายล้อมไปด้วยเทพสวรรค์ ในขณะเดียวกันก็มีค่ายกลกับดัก ‘ตัดขาดเวลา’รวมอยู่ด้วย ท่านจะต้องมั่นใจว่าจะสามารถแก้สองเรื่องนี้ให้ได้ก่อน มันจึงจะเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือเธอ!”
พอหลานได้ฟัง ทั้งคนทั้งร่างก็พลันตะลึงงัน
กู่ฉิงซานเอ่ยปาก “ฉานนู่”
“ข้าอยู่นี่” ฉานนู่ปรากฏกายขึ้น
“เจ้าจงติดตามไปช่วยเหลือเขา และข้าอนุญาตให้เจ้าใช้ทักษะและประสบการณ์ของข้าเมื่อใดก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ”
“เจ้าค่ะนายน้อย!”
กู่ฉิงซานหันไปกล่าวกับหลานต่อ “ดาบของข้าสามารถทำลายได้ทุกกฏเกณฑ์ และมันจะเป็นตัวแปรสำคัญในการสกัดกั้นสกิลเทวะตัดขาดเวลา เธอสามารถแหกกฏเวลาที่หยุดนิ่งในไพ่ใบที่สามได้ ฉะนั้นข้าขอส่งเธอไปกับท่าน!”
หลานมองไปยังฉานนู่ ขณะเดียวกันก็สลับกลับมามองกู่ฉิงซานก่อนจะสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด
“ขอบใจเจ้ามาก บุญคุณนี้ข้าจะจดจำไว้ในจิตใจ” หลานกล่าว
หลานเดินมาหยุดหน้าฉานนู่และวาดไพ่ออกไป
ตัวไพ่เปล่งประกายสีสดใส มันสาดเข้าปกคลุมทั้งหลานทั้งดาบขุนเขาเทวะหกโลกา แล้วดูดทั้งสองหายเข้าไปในความว่างเปล่า
หลังจากที่ทั้งสองจากไป
เข็มวินาทีในนาฬิกาบนผนังก็กลับมาเริ่มขยับอีกครั้งในที่สุด
วินาทีต่อมา
ทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ปกติ
ประธานาธิบดียังคงครุ่นคิด
ขณะที่แอนนา ซางหยิงฮ่าว และเย่เฟย์หยูยังคงอยู่ในท่วงท่าเดิม
ทุกคนในห้องไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลย
มีเพียงหมาดำเท่านั้นที่กำลังแสดงให้เห็นถึงสีหน้าขบคิดอย่างลึกซึ้ง
“เทพสวรรค์ถูกขังอยู่ในอาณาเขตของคำมั่นสาบานอันทรงพลานุภาพ แล้วชายที่พึ่งปรากฏตัวออกมาก็ยังเดินทางไปยังอาณาจักรสวรรค์อีก แล้วเจ้าเล่า? เจ้ากำลังวางแผนจะไปที่ใด?” หมาดำเปล่งเสียงดังเอ่ยถามกู่ฉิงซานในทันใด
“ไม่หรอก ข้าไปไม่ได้ และไม่ต้องการจะไปด้วย” กู่ฉิงซานส่ายหัว
ก๊าซซซซ!
บนท้องฟ้าเหนือวิลล่า เสียงคำรามของเผ่ามารดังสะท้อนอย่างต่อเนื่อง
กู่ฉิงซานยืนอยู่เพียงลำพัง รับฟังเสียงจากภายนอก
“สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือหวังให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดนี้ ด้วยตัวข้าเพียงลำพังน่ะมันไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ หากมีข้าเพียงลำพัง ก็คงทำได้แค่เพียงเฝ้ารอวันสิ้นโลกที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น” เขาถอนหายใจยาว
“จริงด้วยสิ โลกกำลังใกล้จะมาถึงจุดจบแล้ว” หมาดำเอ่ยงึมงำ
ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็พบว่าบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม มีสองบรรทัดเส้นแสงตัวอักษรสาดประกายขึ้น
“การผสานรวมกันระหว่างโลกมนุษย์และโลกปรภพกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น”
“ยิ่งไปกว่านั้น กำลังเสริมจากโลกปรภพก็ได้มาถึงแล้ว”
กู่ฉิงซานส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจออกมาถึงครั้งหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรปรภพหรืออาวุธปรภพ ก็มิอาจเผชิญหน้ากับเผ่ามารและอสูรกายที่มีจำนวนไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้หรอก … ลำพังแค่พวกมันและเขา ย่อมมิอาจช่วยเหลือโลกใบนี้ได้
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!
เสียงเคาะดังกึกก้อง
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ทุกคนกลับแสดงสีหน้าที่เผยถึงความสนใจออกมา
เพราะคราวนี้ เสียงมันดังมาจากประตูทางเข้าวิลล่า มิใช่มาจากความว่างเปล่า
ในหัวใจของกู่ฉิงซานตระหนักชัดว่าอาวุธจากปรภพได้มาถึงแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่คิดจะเคลื่อนไหวใดๆในตอนนี้
เขาเหนื่อยล้า .. ทั้งคนทั้งร่างอ่อนแอ ความรู้สึกในแง่ลบต่างๆท่วมเข้ามาทับถมเขาจนหายใจไม่ออกราวกับกำลังจะจมน้ำตาย
เขาได้ทุ่มทั้งแรงและเวลาอย่างหนัก แต่สุดท้ายกลับต้องพบเจอกับผลลัพธ์เช่นนี้
ฉะนั้นตอนนี้ เขาจึงไม่ต้องการที่จะคิดอะไรเกี่ยวกับมัน ที่ต้องการก็เพียงแค่ปล่อยให้สมองของตัวเองได้ว่างเว้นเสียหน่อย
เขาหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาและเทใส่แก้วของตัวเอง
“หือ?” ซางหยิงฮ่าวมองไปที่มัน
แล้วเจ้าตัวก็นิ่งค้างไปชั่วเวลาหนึ่ง
“ช่างมันเถอะ ไวน์ขวดนี้นับว่าคู่ควรแล้วที่จะดื่มให้กับวันสิ้นโลก”
ซางหยิงฮ่าวเดินเข้ามา เริ่มรินมันใส่แก้ว แล้วส่งให้กับทุกๆคน
ประธานาธิบดีรับแก้วไวน์มา “ขอบคุณสำหรับไวน์ ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ฉันหวังว่าจะได้ตายลงท่ามกลางสนามรบไปพร้อมกันกับพวกเธอทุกๆคนนะ”
สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่ายกมันขึ้นดื่มจนหมดแก้วในอึกเดียวและกล่าวว่า “ส่วนข้า คาดหวังแค่เพียงขอให้ตนเองตกตายลงอย่างไม่เจ็บปวด”
กู่ฉิงซานยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง แต่เขามิได้เอ่ยอะไรออกมา
ขณะที่แอนนาเดินเข้ามาชนแก้วกับเขาแล้วยกดื่ม
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะอยู่กับนายเสมอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน
ส่วนเย่เฟย์หยูยืนขึ้น และเปิดประตูเดินออกไป
แต่ไม่นานนนัก เขาก็รีบวิ่งกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับความตื่นตระหนกที่เด่นชัดอยู่บนใบหน้า
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ? นายคงจะแปลกใจสินะ พวกนั้นคืออาวุธและเครื่องจักรปรภพที่พึ่งมาถึงน่ะ วางใจเถอะ” กู่ฉิงซานเห็นถึงท่าทีของอีกฝ่าย จึงกล่าวอธิบายออกไป
“ไม่! ไม่ใช่แบบนั้น! ฉัน … ฉันว่านายควรจะออกมาดูเองนะ” เย่เฟย์หยูกล่าว “เป็นผู้หญิงล่ะ! ข้างนอกเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นำคนจำนวนมาก มาก มาก มาก มาก มากๆๆๆ มาที่นี่และเธอบอกว่ามีสิ่งหนึ่งที่จะต้องมอบมันให้แก่นาย”
“ผู้หญิงอีกแล้ว?” แอนนาผุดลุกขึ้นยืนทันที
“ต้องการจะมอบสิ่งหนึ่งให้ฉัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ
“อ่า เธอบอกว่าเธอมีนัดดวลกับนาย แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”
นัดดวลงั้นหรอ …
วินาทีนั้นเอง สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนกลับกลายอย่างกระทันหัน เขาผุดลุกขึ้นทันใด และเดินตรงไปที่ประตู
ขณะที่แอนนาก็เดินติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
พร้อมกับหมาดำที่ประกบติดอยู่ข้างหลังเธอ
ซางหยิงฮ่าวสังเกตเห็นว่าสีหน้าของกู่ฉิงซานมันผิดปกติ จึงตามออกไปด้วย
ส่วนประธานาธิบดีกับเวโรน่า ทั้งสองหันมามองกันวูบหนึ่งและตัดสินใจตามไปเช่นกัน
ทุกคนเดินตามกู่ฉิงซานออกไป เพื่อต้องการดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
กู่ฉิงซานผลักประตูเปิดออก
เบื้องหน้าเขา คือหญิงสาวที่หน้าตาหมดจดงดงามที่ในมือข้างหนึ่งกำลังถือกระบี่ยาวอยู่
เป็นหญิงงามเผ่าอาชูร่า
คนตายทั้งเจ็ดกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงออกมาโดยมีเธอเป็นหัวหอก พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างหน้าประตู
กู่ฉิงซานกลายเป็นโง่งม
“ทำไมถึงมีคนเยอะมากมายขนาดนี้” ประธานาธิบดีเอ่ยเสียงกระซิบ
“พวกเขาคือคนตายน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ก็แล้วทำไมถึงมีมากแบบ … ”ซางหยิงฮ่าวเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เบื้องหลังผู้คุมนรกทั้งเจ็ด
บนภูเขา ฝูงชนอันไร้ที่สิ้นสุดกระจุกตัวกันอย่างหนาแน่น ลากยาวจากเขตภูเขาไปจนถึงพื้นที่ราบลุ่ม ข้ามผ่านแม่น้ำ ขยายกว้างไกลออกไปถึงเมืองหลวง … และทั้งหมดล้วนคือคนตาย!
พวกเขายืนนิ่งอยู่อย่างเงียบๆ
และกระจุกตัวกันปกคลุมไปตลอดทั้งโลก!
ในขณะนั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น “ใต้เท้า ดาวเคราะห์โลกยังคงขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะในตอนนี้ จู่ๆก็มีคนตายนับล้านๆคนปรากฏตัวขึ้นปกคลุมไปตลอดทั้งโลก!”
กู่ฉิงซานนิ่งงันไปช่วงเวลาหนึ่งจึงได้สติกลับคืน
“พวกเจ้า — ไม่ใช่ว่าได้ไปเกิดใหม่กันแล้วหรอกหรือ?” เขาเอ่ยถาม
ผู้คุมนรกทั้งเจ็ด หันไปสบตากัน ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า
“ก็ข้าดันไปบังเอิญได้ยินมาว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้นเสียก่อนน่ะซี” ชายชราเผ่ามนุษย์หัวเราะ
“มัน – ถึง – เวลา – ที่ -พวกเรา – จะ – แสดง – น้ำใจ”ยักษ์ทั้งสองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน
“สู้กับพวกเผ่ามาร ที่กระทั่งคืนชีพก็ไม่สามารถทำได้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหรอก” ชูร่าชายกล่าวดูถูกออกมา
“พวกเราจะแสดงให้เผ่ามารได้เห็นเอง ว่าหากคิดร้ายกับโลกมนุษย์ พวกมันจะพบกับจุดจบเช่นไร!” มนุษย์ปีศาจกล่าว
“ได้ยินมาว่าเนื้อเผ่ามารก็มีรสชาติไม่เลว ข้าเลยคิดว่าจะลิ้มลองมันดูเสียหน่อยก่อนที่จะออกเดินทางไปไกลแสนไกล” ราชันย์หมาป่ากล่าว
อาชูร่าหญิงเอ่ยปากออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเราไม่คิดที่จะจากไปเฉยๆหรอกนะ”
“พอดีว่าพวกเรายังมีเวลาว่างเหลืออยู่อีกหลายชั่วโมงน่ะ”
ขณะกล่าว เธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
พร้อมกับหยิบยื่นสิ่งหนึ่ง ชูสูงขึ้นเพื่อมอบให้กับกู่ฉิงซาน
ตัวก้านเป็นสีดำสนิท ขณะที่ส่วนหัวมีกะโหลกเขาแหลมติดอยู่ พร้อมกับรังสีหมอกทมิฬที่คดเคี้ยวไปมารอบตัวมัน
-ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ
ชูร่าหญิงได้นำไม้เท้าแห่งการจองจำมาให้แก่กู่ฉิงซาน
“ทำไมกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ชูร่าหญิงเงยหน้าขึ้นมองเขา และเผยสีหน้าอ่อนโยนอันหาได้ยากยิ่งออกมา
“ท่านราชาภูติ ท่านได้ช่วยพวกเราเอาไว้ ตอนนี้พวกเราจึงไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกอีกต่อไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ยังไม่ต้องการที่จะรีบไปเกิดใหม่ทันทีเช่นกัน”
“แต่การยืดเวลาไม่ยอมไปเกิดใหม่ ไม่ยินยอมก้าวเข้าสู่สังสารวัฏ เลขบุญของพวกเจ้าจะค่อยๆถูกหักออกนะ” กู่ฉิงซานกล่าวเตือน
“เวลานั้นยังไม่มาถึง นอกจากนี้ วันสิ้นโลกก็กำลังกัดกร่อนตลอดทั้งหกโลกอย่างไม่รู้จบ และดูเหมือนว่า ก่อนที่พวกเราจะไปเกิดใหม่ ก็ยังสามารถได้รับบุญเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย”
“ไม่เพียงแต่จะได้รับบุญเพิ่มขึ้น แถมยังสามารถสร้างหนี้ให้กับราชาภูติที่เราโปรดปราน ขว้างหินก้อนเดียวได้นกถึงสองตัวเช่นนี้ จะมีผู้ใดเล่าที่ปฏิเสธ?” ชูร่าหญิงยิ้ม
กู่ฉิงซานรับฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว สีหน้าของเขาค่อยๆผ่อนคลายลงช้าๆ
“ท่านราชาภูติได้โปรดบัญชาพวกเราด้วย” ราชันย์หมาป่ากล่าว
“ … แต่เจ้าไม่อาจต่อกรกับอสูรกายได้ แม้กระทั่งข้าเองก็ไม่อาจต่อกรกับมันได้เช่นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว
ชูร่าหญิงกล่าว “พวกเราสามารถพิชิตชัยหอกหลากสีได้ – แถมยังไม่มีวันตาย ไม่ว่าอสูรกายจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่มันก็ยังด้อยกว่าหอกหลากสี ฉะนั้นพวกเราย่อมสามารถเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานเงียบไป
เขาค่อยๆเอื้อมมือออกไปและรับไม้เท้าแห่งการจองจำมา
ขณะที่ชูร่าหญิงลุกขึ้นยืนและค่อยๆถอยกลับไป
กู่ฉิงซานยกไม้เท้าแห่งการจองจำขึ้น และหันไปเผชิญหน้ากับเหล่าคนตายทั้งหมด
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำเชื่อมต่อกับกองทัพคนตาย
“ข้าขอขอบคุณที่พว-”
แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคหลังจนจบ เสียงของกู่ฉิงซานก็ถูกกลบไปด้วยเสียงคำรามจากทั่วทั้งโลกเสียก่อน
“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”
“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”
“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”
เสียงสรรเสริญนี้ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงคำรนของฟ้าร้องสะเทือนไปทั่วผืนนภา , เสียงคำรามของคลื่นสึนามิซัดสาดสั่นสะเทือนไปตลอดทั้งผืนพิภพ
คนตายทั้งหมดโห่ร้อง และเริ่มเปล่งเสียงสรรเสริญให้แก่กู่ฉิงซาน
พวกเขานี่แหละ —- คือกำลังเสริมจากปรภพล่ะ!!!