ตอนที่ 121 เจ้ามีความปรารถนาอะไร

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

มังกรยาวสิบกว่าจั้ง มีเกล็ดเขียวปกคลุมทั้งตัวลอยอยู่กลางอากาศ ทอดสายตามองพวกอันหลินที่อยู่บนพื้น

โอ้โฮ! มังกรโผล่มาจากไหน!

ทุกคนตะลึงงัน เหม่อมองมังกรยักษ์กลางเวหา

“พวก…พวกเราเรียกมังกรตัวนี้มางั้นหรือ”

อันหลินจ้องสิ่งมีชีวิตใหญ่โตมโหฬารที่ทรงพลังดุจขุนเขา พูดจากระอึกกระอัก

พวกเหมียวเถียนต่างก็แสดงสีหน้างุนงง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!

จากความรู้ที่เคยเรียนมาจากสรวงสวรรค์ มังกรตัวนี้มีเขามังกรสีเหลือง มีปีก น่าจะเป็นมังกรระดับแปลงจิต

สิ่งมีชีวิตที่เป็นเจ้าแห่งน่านน้ำ ถูกขนานนามว่าราชามังกร จะมาขดตัวนอนอยู่ในทะเลสาบได้อย่างไร!

เมื่อเห็นทุกคนไม่ตอบ มังกรก็สูดหายใจเข้าลึก

ทันใดนั้น สายลมก็พัดหวีดหวิว

พวกอันหลินตกใจ คิดว่ามังกรตัวนี้จะทำร้ายพวกเขา จึงพากันชักอาวุธออกมากันระนาว

ในตอนนั้นเอง กระดูกวัวสายรุ้งบนพื้นก็ลอยขึ้น เข้าไปในปากของมันจนหมด

จากนั้น มังกรก็เคี้ยวอย่างพออกพอใจ

“อืม…ไขกระดูกของวัวสายรุ้งต่างหากที่อร่อยที่สุด ไม่ใช่แค่เปี่ยมด้วยรสอร่อยอันหลากหลายเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณบำรุงพลังปราณอีกด้วย เป็นของชั้นยอดในหมู่วัตถุดิบจริงๆ เมื่อเทียบกันแล้ว เนื้อของมันนั้นไร้รสดุจวัชพืช”

“ทำได้ดีเลย ใช้วัวสายรุ้งเซ่นไหว้ ในบรรดาคนที่เรียกข้า… พวกเจ้าเป็นผู้เรียกขานกลุ่มแรกที่แยกเนื้อออกจากกระดูกให้ข้า!”

ขณะที่พูด มังกรก็แสดงสีหน้าชื่นชมพวกเขา

พวกอันหลินงงเป็นไก่ตาแตก!

คำพูดเหล่านี้ช่างมีประโยชน์เหลือเกิน

ใช้วัวสายรุ้งเรียกมังกรตัวนี้ออกมาได้ด้วยเหรอ

ไขกระดูกวัวสายรุ้งต่างหากที่อร่อยที่สุดงั้นเหรอ!

ทุกคนเบนสายตาไปที่เจ้าอัปลักษณ์ ท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของมัน

เจ้าอัปลักษณ์ทำหน้าเศร้าหมองและไม่มีความผิด ให้ตายสิ…ตอนนั้นราชาวัวไม่ได้บอกเรื่องนี้กับมันเสียหน่อย! มันจะทำอย่างไรได้

เมื่อกินกระดูกของวัวสายรุ้งเสร็จ มังกรถึงได้พูดอย่างสุขสมว่า

“ว่ามาเถอะ เรียกข้าออกมา มีความปรารถนาอันใด”

พวกอันหลินงงเป็นไก่ตาแตก!

ความปรารถนา?

พวกเขาใช้วัวสายรุ้งเรียกมังกรเทพเจ้าออกมาหรือไงกัน

ชาวไซย่าจะคิดอย่างไร อากิระ โทริยามะ[1]ต้องร้องไห้แน่!

เหมียวเถียนได้สติก่อนใคร นางตะโกนลั่นว่า “ท่านมังกรเทพเจ้า ข้าอยากโต ข้าอยากสูงสักหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร!”

เจ้าอัปลักษณ์ก็ตื่นจากภวังค์ โพล่งขึ้นมาทันทีว่า “ท่านมังกรเทพเจ้า ข้าอยากหล่อ หล่อเช่นเดียวกับราชาวานรฉีเทียนต้าเซิ่น!”

ในเมื่อมีพรให้ขอแล้ว ทุกคนย่อมแก่งแย่งชิงดีกัน ด้วยเกรงว่าหากสายไปจะไม่ได้สิทธิ์นั้น

ลั่วจื่อผิง “ข้าต้องการวรยุทธ์สะเทือนปฐพี!”

จงหย่งเหยียน “ข้าอยากกลายเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในดินแดนแห่งนี้!”

ซุนเซิ่งเหลียน “ข้า…ข้าอยากเป็นหญิงที่งามที่สุดในดินแดนแห่งนี้”

อันหลินนึกความปรารถนาที่เร่งด่วนเช่นนี้ไม่ออก เมื่อพวกเขาพูดเสร็จแล้ว เขาจึงฝืนใจเค้นความปรารถนาข้อหนึ่งออกมา “ข้าอยากให้โลกสันติ”

“พรืด…”

มังกรแน่นหน้าอก พ่นน้ำออกมาดุจธารน้ำตก

“พวกเจ้ากำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม!”

เสียงของมันน่ากลัวดุจสายฟ้าคำราม ทำให้ความกระตือรือร้นของพวกอันหลินมอดดับ

จากนั้นทุกคนก็จ้องมองมันด้วยสายตาราวกับมองของปลอม

มังกรอัดอั้นตันใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงถูกดูหมิ่นอีกแล้ว

“ความปรารถนาของพวกเจ้าคืออะไร ต้องการแลกเปลี่ยนอะไร บอกก่อนนะ สมบัติในคลังสมบัติของข้าเหลือไม่มากแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะให้ของที่ข้าพึงพอใจ”

มังกรสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยถามอีกครา

แลกเปลี่ยน?

พวกอันหลินได้ยินก็ชะงักงัน จากนั้นก็กระจ่างใจโดยพลัน

ความปรารถนาที่มันว่า เป็นการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของงั้นเหรอ

ทุกคนสบตากัน ต่างก็เห็นความรังเกียจจากดวงตาของอีกฝ่าย

นี่มันความปรารถนาบ้าบออะไรกัน มังกรตัวนี้ยังกล้าพูดจาอย่างน่าเกรงขาม เต็มปากเต็มคำ เสียดายกระดูกวัวสายรุ้งกองนั้นจริงๆ…

เมื่อมังกรเห็นพวกเขาทำหน้ารังเกียจ ไม่มีทีท่าว่าจะแลกเปลี่ยนความปรารถนา ก็รู้สึกแน่นหน้าอก อาการหอบหืดแทบจะกำเริบ

หากไม่ใช่เพราะมันนิสัยดี แถมยังต้องรักษาเกียรติของคลังสมบัติแห่งทะเลสาบเขาเมฆาละก็ มันอาจจะถ่มน้ำลายฆ่าพวกเขาไปแล้วก็ได้

ในเมื่อไม่อยากแลกเปลี่ยน แล้วไยต้องเรียกมันออกมา กวนประสาทมันหรือ

ขณะที่มังกรกำลังจะระเบิดโทสะ จู่ๆ ก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกประการหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกายวาบ

“หรือพวกเจ้าไม่ได้มาแลกเปลี่ยนวัตถุล้ำค่า แต่มาตามหาโบราณสถานของทะเลสาบเมฆขาว”

โบราณสถาน?

เมื่อพวกเขาได้ฟังตาก็ลุกวาว จิตวิญญาณแห่งการผจญภัยลุกโชน

พวกเขากำลังหาข้ออ้างมาปฏิเสธความปรารถนาเส็งเคร็งของมังกรอยู่พอดี แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เพราะหากเหตุผลฟังไม่ขึ้น ถึงตอนนั้นสิ่งที่ตามมาอาจเป็นไฟโทสะของมังกรระดับแปลงจิต

ตอนนี้มีเหตุผลที่เหมาะสมพอดี พวกเขาจึงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

“เอาเถอะ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตามข้ามา โบราณสถานแห่งนี้ไม่ได้สำรวจง่ายปานนั้น แม้จะทำเพื่อค้นหาสมบัติ แต่ชีวิตสำคัญที่สุด เข้าใจไหม” มังกรเอ่ยปากเตือน

พวกอันหลินได้ยินว่ามีสมบัติภายในโบราณ ดวงตาก็แวววาวยิ่งกว่าเดิม พยักหน้าตกลงกันพัลวัน

“เปิด!” มังกรลั่นวาจา ผิวน้ำที่มีริ้วคลื่นเป็นระลอกๆ ก็เริ่มแยกออกจากกัน เปิดเส้นทางที่ทอดยาวลงไปไม่สิ้นสุด

มังกรกลายร่างเป็นชายวัยกลางคนที่มีเขามังกร นัยน์ตาสีเหลือง

“ตามข้ามา”

ชายคนนั้นมองพวกเขาแวบหนึ่ง พูดด้วยเสียงที่หนักแน่น

พวกอันหลินเห็นมังกรกลายร่างเป็นชายวัยกลางคน ก็แน่ใจทันทีว่ามันก็คือเผ่าพันธุ์มังกรของวังมังกรแห่งทะเลบูรพา

ณ สุดปลายทาง เป็นประตูโลหะบานใหญ่ ไม่ว่าน้ำจะกัดเซาะอย่างไร มันยังคงส่องแสงของโลหะแวววับ แลดูเก่าแก่แต่ก็ใหม่เอี่ยม

ชายคนนั้นยื่นแตรสัญญาณให้อันหลิน อธิบายว่าเพียงเป่าแตรหน้าประตู มันก็จะมาเปิดประตู ส่งพวกเขาออกจากทะเลสาบเมฆขาวทันที

“พวกเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง”

ชายวัยกลางคนถามเสียงเรียบ

พวกอันหลินได้ยินก็พยักหน้าจริงจัง การผจญภัยในโบราณสถานจะตามมาด้วยความอันตราย ข้อนี้พวกเขาเตรียมใจพร้อมนานแล้ว

ครืน… ประตูเปิดออกแล้ว ม่านแสงสีฟ้ายังคงปกคลุมประตูบานนี้

“โบราณสถานมีค่ายกลต้องห้าม ข้าอยู่ในระดับแปลงจิต จึงเข้าไปไม่ได้ ทุกอย่างข้างในนั้นอยู่ที่พวกเจ้าแล้ว” ชายวัยกลางคนพูด

พวกอันหลินก้าวเข้าไปในประตูด้วยหัวใจที่หวั่นวิตก

ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามอันหลินก้าวผ่านม่านแสงสีฟ้า ก็รู้สึกเหมือนร่างกายถูกตรวจสอบ ความรู้สึกประหลาดบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ

ประตูเริ่มปิดลง ชายเผ่าพันธุ์มังกรปิดเส้นทางทะเลสาบ ยืนครุ่นคิดอยู่ข้างๆ

“นานแค่ไหนแล้ว… ไม่คิดว่ายังมีนักพรตที่ไม่กลัวตายอยู่…”

“ช่างเถอะ รายงานเรื่องนี้แก่ใต้เท้าเทียนอวี่ก่อนดีกว่า”

บนยอดเขาเมฆา หลินจวิ้นจวิ้นกางกระดาษใหม่อีกครั้ง

คราวนี้นางต้องเริ่มวาดภาพใหม่อีกครา

ภาพนกกระเรียนมงกุฎแดงน่าขันนั่น นางไม่ได้ฉีกทิ้ง แต่เก็บมันไว้เป็นบทเรียน ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้ตัวเองลืมเจ้างั่งคนนั้น

ใบหน้าอ่อนโยนของหลินจวิ้นจวิ้นเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ใจนิ่งสงบดุจวารี เข้าสู่สมาธิช้าๆ กำลังจะจรดพู่กัน

ขณะนั้นเอง ยันต์ส่งจิตก็สั่นระริกขึ้นมา

หลินจวิ้นจวิ้นขมวดคิ้ว ตวัดข้อมือ หยิบยันต์ส่งจิตขึ้นมา “มีเรื่องอันใด”

“ใต้เท้าเทียนอวี่ โบราณสถานวิจัยหมายเลขแปดสิบแปด มีนักพรตเข้าไปผจญภัย” เสียงอันนอบน้อมของผู้ชายดังมาจากยันต์ส่งจิต

“เอ๊ะ เป็นกองกำลังประเภทไหน”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ แม้แต่นางที่นิ่งสงบในยามปกติ ก็เกิดความสนใจไม่น้อยเลย

“หล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางคนหนึ่ง หล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้นคนหนึ่ง กายแห่งมรรคขั้นสิบสามคน กายแห่งมรรคขั้นเก้าหนึ่งคน”

หลินจวิ้นจวิ้นพยักหน้า “หวังว่าพวกเขาจะได้อะไรกลับไป หากว่ามีข่าวคราวเพิ่มเติม จะเป็นวีรบุรุษแห่งสรวงสวรรค์ ถึงตอนนั้นค่อยพาพวกเขามารับรางวัลที่ข้า”

“ขอรับใต้เท้าเทียนอวี่!”

ชายคนนั้นรับคำสั่ง การเชื่อมต่อของยันต์ส่งจิตถูกตัด

หลินจวิ้นจวิ้นส่ายหน้า จดจ่อกับการวาดภาพต่อ

นางไม่ได้คาดหวังกับกลุ่มคนพวกนี้มากนัก

แม้คนกลุ่มนี้จะไม่ด้อยฝีมือ แต่ก็คงไม่แข็งแกร่ง

โบราณสถานแห่งนี้มีเพียงนักพรตต่ำกว่าระดับแปลงจิตเท่านั้นที่เข้าไปได้ กองกำลังที่ดีที่สุดคือกองกำลังที่รวมตัวจากนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย

แต่ทว่า หลังมีกองกำลังที่ดีที่สุดตายยกกลุ่มโบราณสถานหลายครั้งเข้า ก็ไม่ค่อยมีนักพรตอยากย่างกรายเข้าไปในโบราณสถานแห่งนั้นอีก เพราะใครๆ ก็กลัวความตาย!

ฉะนั้น กองกำลังเช่นกลุ่มนี้ นับว่าเป็นกลุ่มที่ดีที่สุดของสิบปีนี้แล้วกระมัง

“ช่างเถอะ เห็นแก่ที่พวกเขากล้าหาญ…”

“ไม่ว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากโบราณสถานหรือไม่ ขอเพียงรอดกลับมา ข้าจะยอมมอบรางวัลให้พวกเขาก็แล้วกัน”

หลินจวิ้นจวิ้นถือพู่กัน จู่ๆ ก็รำพึงรำพันขึ้นมา

……………………….

[1] อากิระ โทริยามะ เป็นนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น เจ้าของผลงานดราก้อนบอล