บทที่ 213 ต้องสงสัย + บทที่ 214 สืบเรื่อง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 213 ต้องสงสัย

เซียวจื่อเซวียนอาจเป็นคนที่กังวลน้อยที่สุด หลังจากเซียวอี้หลินส่งคนของเขาออกไป นางก็รู้สึกสบายใจเพราะเชื่อมั่นในทักษะความสามารถขององครักษ์ลับจากจวนตระกูลเซียวของนาง

นางจึงออกมาเล่นกับบุตรของนางที่สวนทุกวัน

เฉียวเทียนช่างอยู่ในห้องกับหนิงเมิ่งเหยา เขาคลายกังวลก็ตอนที่นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“เทียนช่าง เจ้าเป็นอะไรหรือ” นางไม่รู้ว่าทำไมตนถึงรู้สึกว่าเฉียวเทียนช่างมีท่าทีแปลกๆ หนก่อนที่นางตื่น นางยังไม่ทันเอะใจ ทว่าหนนี้นางมั่นใจแล้วว่ามีบางอย่างปิดบังนางเอาไว้

เฉียวเทียนช่างข่มอารมณ์ทั้งหมดไว้แล้วหัวเราะ เขาเอื้อมมือไปช่วยนางพิงหัวเตียง

“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่เป็นห่วงเรื่องเจ้า”

พอได้ยินเช่นนั้น นางก็โล่งใจ แล้วเอื้อมไปกอดไหล่เขาพร้อมรอยยิ้ม “เทียนช่าง เจ้าไม่ต้องห่วงข้าแล้ว ข้าก็สบายดีแล้วไม่ใช่หรือ”

“ใช่ ข้าดีใจที่เจ้าหายดีแล้ว” เฉียวเทียนช่างโล่งใจเล็กน้อย เขาฝืนยิ้มออกมา “ข้าจะให้ชิงซวงเข้ามาตรวจเจ้า”

“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ เจ้าไม่ต้องวิตกเกินไป” หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปหาเฉียวเทียนช่าง นางไม่อยากให้เขาวิตกจริต

เฉียวเทียนช่างเม้มปากแน่น ตาจดจ้องมองหนิงเมิ่งเหยาโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำเดียว แม้ว่าเขาจะเงียบ หนิงเมิ่งเหยาก็ยังเห็นถึงการตำหนิตัวเองในแววตาของเขา

“ข้าจะไปให้ชิงซวงมาดูนะ ตกลงไหม” หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้จะทำอย่างไรกับแววตาเช่นนั้นของเฉียวเทียนช่าง นางทำได้แค่ผงกศีรษะอย่างเลี่ยงไม่ได้

เฉียวเทียนช่างยิ้มออกในที่สุด แล้วออกไปเรียกชิงซวงเข้ามา

ไม่นานชิงซวงก็เข้ามาตรวจชีพจรนาง “นายน้อย ท่านไม่ต้องห่วง คุณหนูสบายดี นางแค่ต้องพักฟื้น”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ

หลังจากชิงซวงออกไป เฉียวเทียนช่างมองไปยังหนิงเมิ่งเหยา “จวนแม่ทัพพร้อมแล้ว ย้ายไปที่นั่นกันเถอะ” แม้ที่นี่จะน่าอยู่ และเซียวฉีเทียนก็เป็นพี่น้องที่ดีของเขา แต่สุดท้ายแล้วที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเขา จึงไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไรนัก

หนิงเมิ่งเหยาอึ้งไป นางขมวดคิ้ว จวนแม่ทัพอย่างนั้นหรือ เขาจะเข้ารับตำแหน่งในราชสำนักแล้วหรือ แต่เขาเคยบอกนางเองว่าจะไม่กลับไป

“เทียนช่าง นี่เจ้า…”

“เหยาเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าทุกอย่างที่ข้าตัดสินใจลงไป ข้าทำไปเพื่อเจ้า ตำแหน่งนี้จะทำให้ข้าทำอะไรได้สะดวกขึ้น เราจะไปจากที่นี่ด้วยกันเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว” เฉียวเทียนช่างจะไม่รู้ได้เช่นไรว่าหนิงเมิ่งเหยาลังเลในเรื่องนี้

หนิงเมิ่งเหยาสับสน นางมองเฉียวเทียนช่าง เขาจะต้องการตำแหน่งนี้ไปเพื่ออะไร

“คนที่ทำร้ายเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปได้” ในใจเฉียวเทียนช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งร้ายจนแทบจะทะลักออกมา

หนิงเมิ่งเหยาตกตะลึง นางรู้สึกแปลกใจ แม้นางจะโดนคนจากตระกูลเฉียวทำร้าย แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธถึงเพียงนี้

ทว่า นางคิดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร

“แม้จะไม่มีใครพูดอะไรเรื่องที่เราอยู่ในจวนของฉีเทียน แต่ถ้าเราต้องอยู่ในเมืองหลวงไปอีกสักระยะ ข้าก็อยากจะอยู่ในที่ของตัวเอง” เฉียวเทียนช่างเอ่ยอย่างแผ่วเบา

หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผงกศีรษะ

หลังจากอยู่ในจวนขององค์ชายฉีไปอีกสองถึงสามวัน เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาพาก็ชิงซวงไปที่จวนแม่ทัพ

ที่นั่นมีองครักษ์กับข้ารับใช้ไม่กี่คนในจวน นอกจากนั้นก็ไม่มีคนอื่นอีก

เฉียวเทียนช่างยินดียิ่งนัก เขาหันไปหาหนิงเมิ่งเหยา “หลังจากเจ้าฟื้นตัวแล้ว ข้าจะขอให้คนหาบ่าวรับใช้มาเพิ่ม”

หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่จำเป็นหรอก ชิงซวงจะเรียกคนสักสองรึสามคนมาให้ข้าเอง” ให้เป็นข้ารับใช้ของนางเอกดีกว่า นางไม่อยากสอนงานข้ารับใช้ใหม่ที่เพิ่งซื้อตัวมา

“ตกลง ข้าให้เจ้าจัดการแล้วกัน” เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ

เฉียวเทียนช่างพาหนิงเมิ่งเหยาไปพักที่ห้องของนาง จากนั้นก็ไปเตรียมยาบำรุงให้นางจากในครัว เขาได้ยินมาว่าหญิงที่แท้งลูกต้องได้รับการดูแลเหมือนเก็บตัว ถ้าไม่ระวัง นางอาจจะล้มป่วยเอาง่ายๆ

ตอนเฉียวเทียนช่างนำยาบำรุงเข้ามาในห้อง หนิงเมิ่งเหยาก็หิวแล้ว นางกินอาหารส่วนหนึ่งหลังจากนั้นแล้วทำหน้าเบ้ “ทำไมถึงไร้รสชาติเช่นนี้” ไม่มีรสอื่นเลยนอกจากเกลือโรยบางๆ

“ชิงซวงบอกว่าเจ้าต้องพักฟื้นดีๆ ดังนั้นห้ามเจ้ากินของที่มีน้ำมัน ข้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้เจ้าในภายหลัง”

บทที่ 214 สืบเรื่อง

เมื่อได้ยินเขาว่าเช่นนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็รู้ว่าตนต้องกินอาหารไร้รสชาติที่เขาทำมาให้หมด

“พักเสียหน่อยนะ” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างอ่อนโยนพลางคว้าชามเปล่าขึ้นมา

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ได้”

เฉียวเทียนช่างรอจนหนิงเมิ่งเหยาหลับสนิทค่อยลุกขึ้นอย่างเงียบงันแล้วเดินออกไป

เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือ หลินจือโยวก็รอเขาอยู่ในนั้นแล้ว “นายท่าน”

“การสืบสวนเป็นเช่นไร”

“เราสืบมาอย่างดีที่สุดแล้วขอรับ สองถึงสามปีมานี้ ตระกูลทั้งสามนั่นมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะจวนตระกูลหลิง พวกเขาซ่องสุมกองทัพ ส่วนจวนตระกูลเซียวก็มีเงินสกปรกอยู่มาก ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือตระกูลเฉียว พวกเขาทั้งแอบซ่องสุมกองทัพ แล้วยังแอบลักลอบขนเกลืออีกด้วย” หลินจือโยวรีบรายงาน

เฉียวเทียนช่างแสยะยิ้มตรงมุมปาก ซ่องสุมกองทัพ ฉ้อโกง และลักลอบขนเกลือ แต่ละสิ่งล้วนเป็นข้อหาหนัก สวรรค์เข้าข้างเขาจริงๆ

“แล้วคนที่ฮ่องเต้ส่งให้พวกเราเล่า”

“ไม่ต้องห่วง นายท่าน คนพวกนั้นยังไม่ตาย”

“ตายรึ แน่อยู่แล้วว่าพวกมันจะไม่ได้ตายง่ายๆ ข้าต้องการให้พวกมันปรารถนาจะตายต่างหาก” เสียงเฉียวเทียนช่างเย็นเยียบ ถ้อยคำที่เขาเอ่ยโหดร้ายยิ่ง ทำเอาหลินจือโยวตัวสั่นเล็กน้อย

เหลยอันกลืนน้ำลาย “นายท่าน ท่านคิดจะทำเช่นไรกับพวกเขา”

“ไปดูหน้าพวกนั้นก่อนแล้วกัน” เฉียวเทียนช่างไม่ตอบ เขาเพียงบอกไปเฉยๆ เช่นนั้น

ทั้งสองตามหลังเฉียวเทียนช่างไปยังคุกใต้ดินที่คนเหล่านั้นถูกขังไว้ เมื่อพวกเขาเข้าไป ก็เห็นบางรายนั่งเหมือนเป็นโถงจัดงานเลี้ยงมากกว่าจะเป็นคุกใต้ดิน

เฉียวโม่เห็นเฉียวเทียนช่างก็แสยะยิ้ม “คุณชายสาม ข้าแนะนำให้ท่านปล่อยพวกข้าไปเสียดีกว่า พอถึงเวลาแล้ว ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”

ท่าทีหยิ่งผยองทำให้หลินจือโยวและเหลยอันขมวดคิ้ว บัดนี้เขาเป็นเพียงนักโทษ ไม่มีสิทธิ์จะมาทำตัวเย่อหยิ่งต่อหน้าเจ้านายพวกเขา

ทว่าเฉียวเทียนช่างดูไม่สนใจสักนิด เขาเพียงหันไปหาหลินจือโยว “นำตัวเขาออกมา” วันนี้ ชายคนนั้นจะต้องได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามาแตะเขา

“ขอรับ นายท่าน” ทั้งสองเปิดประตูห้องขังแล้วโยนเขาออกมา ก่อนจะมัดเขาไว้กับเครื่องทรมาน

เฉียวเทียนช่างนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ สายตาหยุดอยู่ที่เตาถ่านข้างๆ “เฉือนเส้นเอ็นเขาเสีย”

“ขอรับ” เหลยอันถือมีดเดินเข้าไปหาเฉียวโม่ ก่อนที่เขาจะทันเอ่ยอะไร เหลยอันก็เฉือนเข้าที่ข้อมือและข้อเท้าของเขา

เฉียวโม่รับรู้เพียงความเจ็บปวด ตั้งแต่เขาติดตามเฉียวเจิ้งหงมา นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้

เฉียวเทียนช่างมองเฉียวโม่ดิ้นพล่านทุรนทุราย เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเหลยอัน ก่อนจะคว้ามีดมาจากมือ แล้วค่อยๆ เดินไปยืนตรงหน้าเฉียวโม่พร้อมมองด้วยสายตาเย็นชา “เช่นนี้ ข้าก็จะไม่รอดสินะ” มีดแทงเข้าที่บาดแผลของเฉียวโม่ขณะที่ชายหนุ่มเอ่ย

“คงเจ็บน่าดูเลยใช่ไหม” เฉียวเทียนช่างกระซิบแผ่ว

“เฉียวเทียนช่าง เจ้ากำลังรนหาที่ตาย” แม้เฉียวโม่จะเหงื่อกาฬท่วมจากความเจ็บปวด เขาก็ยังอดเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเทียนช่างแล้วกัดฟันสบถไม่ได้

เฉียวเทียนช่างเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ใครกันแน่ที่รนหาที่ตาย ชายผู้นั้นยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอด เจ้าเอาอะไรมาคิดว่าเขาจะช่วยเจ้า หรือล้างแค้นให้เจ้ากัน” เฉียวเทียนช่างโยนมีดทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ

สายตาเขาจ้องมองแผลบนข้อมือเฉียวโม่ “ที่นี่คงมีมดเยอะน่าดู”

ประโยคน่าขันไร้ที่มาที่ไปทำเหลยอันผวา นั่น…นายท่านคิดจะทำอะไร

“เปลื้องผ้าเขาเสีย” เฉียวเทียนช่างสั่ง

เหลยอันกับหลินจือโยวมองหน้ากันเอง ทั้งสองเดินไปหาเฉียวโม่พร้อมกันแล้วปลดเสื้อผ้าเขาออก เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าชั้นใน

เฉียวเทียนช่างหยิบมีดขึ้นมาจากพื้น พลางหยิบเอาขวดกระเบื้องออกมาเทบางอย่างลงไปบนใบมีด จากนั้น เขาก็ใช้มีดเล่มนั้นกรีดเพิ่มบาดแผลจำนวนมากบนตัวเฉียวโม่ รอยแผลตื้น และเลือดไม่ได้ไหลออกมาแต่อย่างใด

เฉียวเทียนช่างหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา ตอนเขาเทมันลงไปบนแผลของเฉียวโม่ เหลยอันได้กลิ่นหวาน พวกเขารู้ในทันทีว่าเฉียวเทียนช่างคิดจะทำอะไร