บทที่ 215 ลิ้มรสความเจ็บปวด + บทที่ 216 ถึงจุดจบของเขาแล้ว

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 215 ลิ้มรสความเจ็บปวด

สิ่งที่เฉียวเทียนช่างเทไปบนตัวเฉียวโม่คือน้ำผึ้ง ในสถานที่แบบคุกใต้ดิน มีมดอยู่เต็มไปหมด มีแผลอาบน้ำผึ้งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะดึงดูดมดได้ทั้งรังเลยหรือเปล่า

เมื่อเฉียวเทียนช่างจัดการเสร็จแล้ว เขาก็ทำให้กรามของเฉียวโม่หลุด เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน

“เฉียวโม่ เจ้าต้องสนุกกับสิ่งนี้เข้าไว้นะ ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆ หรอก มิฉะนั้นแล้ว ข้าจะบรรเทาความเจ็บปวดในตัวข้าได้อย่างไร ข้าอยากจะแบ่งความเจ็บปวดที่ข้าต้องเจอนี้กับเจ้า” เฉียวเทียนช่างบอกเสียงเย็นชา เขามองสีหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อของเฉียวโม่

เฉียวเทียนช่างกลับไปนั่งบนเก้าอี้ รอชมสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ไม่นานนัก เหลยอันก็เห็นมดจำนวนมากบนพื้น

เมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กกระจิดริดเรียงตัวกันหนาตา กระทั่งเหลยอันและหลินจือโยวที่เคยผ่านโลกมามากยังรู้สึกเย็นวาบบริเวณลำคอ

พวกเขามองดูเฉียวโม่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ

เจ้านายพวกเขาพูดถูก ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นมากกว่าที่เฉียวโม่เจอ เพียงเท่านี้ไม่มีอะไรเทียบได้เลย

“อา…” เมื่อมดตัวแรกเข้าไปในแผล ตัวต่อไปก็ตามมา แล้วก็ตัวที่สาม ไม่นานก็กลายเป็นมดจำนวนมหาศาลอยู่ในแผลของเขา

มดพวกนั้นไต่เข้าแผลของเขาไม่หยุดเพราะน้ำผึ้งที่ทาอาบไว้ เฉียวโมเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา

สีหน้าทรมานของเขาทำให้พวกคนที่มองมาจากข้างในห้องขังตัวสั่น บางทีพวกเขาอาจประเมินตนเองสูงไป และประเมินคุณชายสามต่ำไป

เฉียวเทียนช่างมองดูเฉียวโม่ทรมาน มุมปากเขายกยิ้ม “เหลยอัน ให้ใครมาดูเขาเสีย อย่าปล่อยให้เขาตายเชียว”

“ขอรับ นายท่าน”

“ส่วนคนอื่น ข้าไม่อยากได้ยินว่ามันคนไหนก็ตามฆ่าตัวตาย” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างสบายๆ พลางหันไปมองเฉียวเทียนอวี๋

“ไม่ต้องห่วงขอรับ นายน้อย” น้ำเสียงเหลยอันฟังดูสงบนิ่งและสำรวมตน แต่แท้จริงข้างในเขากำลังร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาไหลออกมาอยู่ พวกนั้นทำลงไปจนได้ ครั้งนี้นายท่านโกรธมากจริงๆ

เฉียวเทียนช่างมองไปยังเฉียวโม่ก่อนจะเดินไปจากตรงนี้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เขาต้องการให้พวกคนที่ก่อปัญหากับเขาชดใช้อย่างสาสม

เมื่อเฉียวเทียนช่างออกไปแล้ว เหลยอันลูบอกตัวเอง “เวลานายท่านเป็นเช่นนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก”

“เจ้าพูดถูก” หลินจือโยวมองร่างของเฉียวเทียนช่างอย่างกังวล เขาไม่ห่วงพวกคนในห้องขังหรอก แต่ห่วงว่าเฉียวเทียนช่างจะเป็นเช่นไรต่อไปถ้าเจ้าตัวไม่ยอมทุเลาความโกรธลง

เขาไม่อยากนึกภาพเลย

หลังจากเฉียวเทียนช่างออกมาจากคุกใต้ดิน ความโกรธแค้นที่เกือบระเบิดก็ถูกข่มกลับลงไปอีกครั้ง

“ชิงซวง เขียนจดหมายขอให้ท่านยายฉินมาที่นี่ ตอนนี้ให้ท่านลุงเจี่ยงจัดการไร่กับโรงงานไปก่อน” ก่อนเฉียวเทียนช่างกลับมา เขาไปที่บ้านหลังเล็กใกล้ๆ เพื่อล้างกลิ่นเลือดบนตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ถึงค่อยกลับมาที่บ้านของตน

เฉียวเทียนช่างกลับเข้ามาในห้อง หนิงเมิ่งเหยากำลังนอนอยู่บนเตียง มองผ้าคลุมเตียงไม่วางตา

“เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ” เฉียวเทียนช่างมองนางอย่างขบขัน

หนิงเมิ่งเหยาหันศีรษะมามองเฉียวเทียนช่างอย่างเศร้าสร้อย “ข้าไม่รู้ชิงซวงเป็นอะไรนักหนา เห็นกันอยู่ว่าข้าสบายดีแล้ว นางก็อยากให้ข้าพักอยู่แต่กับเตียง โดยที่ไม่ต้องทำสิ่งใดเลย ”

ตอนนางตื่นขึ้นมา เฉียวเทียนช่างกำลังยุ่งและไม่อยู่ที่นี่ นางคิดว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็จะไปเดินเล่นเสียหน่อย ไม่คิดว่าจะโดนชิงซวงที่เพิ่งเดินเข้ามาพานางกลับไปที่เตียง ชิงซวงบอกว่าห้ามนางลงจากเตียง และป้องกันไม่ให้นางทำเช่นนั้นได้ ด้วยการเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน

พอชิงซวงออกไป นางคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะลุกจากเตียง เฉียวเทียนช่างก็เข้ามา

“ครั้งนี้พลังชีพเจ้าถูกเล่นงานบาดเจ็บ เจ้าต้องพักผ่อนให้มากๆ พักอีกสักวันหรือสองวันค่อยลุกแล้วกัน ได้หรือไม่” เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล

หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจสู้สีหน้าเช่นนั้นของเฉียวเทียนช่างได้ จึงต้องผงกศีรษะอย่างอับจนวาจา

“ตกลง”

“เด็กดี”

บทที่ 216 ถึงจุดจบของเขาแล้ว

เขาโน้มตัวลงจูบนางที่หน้าผากก่อนจะเริ่มคุยเรื่องในเมืองหลวงกับนาง ความดุร้าย จงเกลียดจงชังเมื่อครู่หายไปหมดสิ้นทันทีที่เขาได้อยู่กับนาง

เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอพ้นสายตาหนิงเมิ่งเหยา ใบหน้ายิ้มแย้มของเขาพลันเปลี่ยนเป็นอึมครึมน่ากลัว และยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนหลินจือโยววิตกกังวล

ความกังวลของเขาหายไปทันทีที่เฉียวเจิ้งหงมาเยี่ยมในวันนี้ ซึ่งจะทำให้ความเดือดดาลทั้งหมดที่เฉียวเทียนช่างกักเก็บไว้ระเบิดออกมา

หลังจากเฉียวเทียนช่างออกมาจากคุกใต้ดิน เขาได้ยินจากหลินจือโยวว่าเฉียวเจิ้งหงอยู่ที่นี่ และมีเรื่องต้องการจะคุยกับเขา

แววตาเย้ยหยันฉายผ่านดวงตาของเฉียวเทียนช่างทันทีที่ได้ฟังข่าวนี้

เมื่อเดินไปยังห้องโถง เขาเห็นเฉียวเจิ้งหงนั่งประจำที่ กำลังตำหนิชิงซวงและคนอื่นๆ ฐานไม่รู้จักมารยาท ทำประหนึ่งตนเป็นเจ้านายของที่นี่

พอเฉียวเทียนช่างเข้ามา เขาส่งสัญญาณให้ชิงซวงและคนอื่นออกไป

“เรื่องในจวนให้คนนอกมาตัดสินได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” เฉียวเทียนช่างมองเฉียวเจิ้งหงอย่างไม่ไว้หน้า

“กล้าดีอย่างไร ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ” เฉียวเจิ้งหงตบโต๊ะข้างๆ เสียงดังแล้วดุด่า

เฉียวเทียนช่างมองเขาทุกอากัปกิริยา แล้วเอ่ยเย้ยเสียงเย็นชา “ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ถ้าเจ้าจะคัดค้าน เช่นนั้นเราเข้าวังหลวงไปคุยเรื่องนี้ต่อหน้าฮ่องเต้ก็ได้” เฉียวเทียนช่างกล่าว

เฉียวเจิ้งหงแทบสำลักคำพูดของเฉียวเทียนช่าง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เพราะเขาพูดเรื่องจริง ถ้าเรื่องนี้ไปถึงฮ่องเต้ คนที่จะซวยก็คือเขา

“บอกข้ามา วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำไม” เฉียวเทียนช่างมองเฉียวเจิ้งหง สีหน้าไร้อารมณ์

ดวงตาเฉียวเจิ้งหงฉายประกายเล็กๆ เขารีบตอบคำถาม “เฉียวโม่อยู่กับเจ้าใช่หรือไม่ ปล่อยตัวเขามาเสีย”

“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่เล่า”

“เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเช่นนั้น”

“เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ” เฉียวเทียนช่างหัวเราะ มองเฉียวเจิ้งหงราวกับเย้ยหยัน

มาขู่เขาในอาณาเขตของเขา เฉียวเจิ้งหงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน

แต่ในเมื่อเขาต้องการเฉียวโม่ เฉียวเทียนช่างก็จะมอบให้

“จือโยว ไปเอาตัวเฉียวโม่มา” เฉียวเทียนช่างมองเฉียวเจิ้งหงอย่างนึกสนุก หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่กลัวหัวหดเมื่อเห็นสภาพเฉียวโม่เข้า

ไม่นาน มีคนสองคนอยู่ด้านหลังหลินจือโยว พวกเขากำลังดึงตัวชายเปลือย สภาพใกล้หมดลม ให้เข้ามาด้วยกัน

พวกเขาโยนเฉียวโม่ลงบนพื้น หลินจือโยวส่งสัญญาณให้ทั้งสองออกไป แล้วไปยืนข้างหลังเฉียวเทียนช่าง

เมื่อเฉียวเจิ้งหงเห็นร่างคุ้นตา เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้อย่างดุดัน ไม่อยากเชื่อว่าคนที่โดนทรมานจนแทบสิ้นลมตรงหน้าคือคนสนิทของตน

เฉียวเทียนช่างมองตั่งเตี้ยที่อีกฝ่ายนั่ง และโต๊ะที่ถูกฟาด “จือโยว อีกเดี๋ยวเจ้าส่งคนมาเปลี่ยนตั่งกับโต๊ะด้วยนะ”

หลินจือโยวกะพริบตาปริบๆ พูดไม่ออกสักนิด เจ้านายของเขาชิงชังคนผู้นี้ถึงเพียงใด เครื่องเรือนเหล่านี้ทำจากไม้เนื้อแดงคุณภาพดีเยี่ยม แล้วเขาอยากจะโยนทิ้งทั้งแบบนี้เลยหรือ ไม่สิ้นเปลืองเกินไปหรือ

แม้พี่สะใภ้จะทำเงินได้เยอะ แต่ก็ไม่ควรใช้สิ้นเปลืองเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

พอได้ยินเช่นนั้น เฉียวเจิ้งหงโกรธแทบกระอักเลือด กล้าพูดจาเช่นนั้นต่อหน้าเขา แสดงออกชัดเจนว่าเฉียวเทียนช่างเกลียดเขาเพียงใด

“เจ้ากล้าดีอย่างไร เฉียวเทียนช่าง เขาเป็นคนของข้า!” เฉียวเจิ้งหงไม่สนใจอีกต่อไป เขาชี้ยังเฉียวโม่ที่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เขาโกรธเกรี้ยวและตวาดออกมา

เฉียวเทียนช่างยิ้ม “แล้วอย่างไรเล่า พวกเขากล้าแตะภรรยาของข้า พวกเขาก็ต้องลงเอยเช่นนี้”

ในตอนแรกเฉียวเจิ้งหงเป็นห่วงเฉียวโม่ แต่ไม่คาดคิดว่าเฉียวเทียนช่างจะพูดถึงภรรยาขึ้นมา เขาแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน

“เจ้าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าไม่อนุญาต หย่ากับนางเดี๋ยวนี้” เฉียวเจิ้งหงไม่สนใจสีหน้าน่าเกลียดบนหน้าเฉียวเทียนช่าง เขาพูดอย่างเดือดดาล

ฟังดูราวกับว่าเฉียวเทียนช่างได้แย่งคนของเขาไป

หลินจือโยวและเหลยอันก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาพยายามอยู่ให้ห่างจากเฉียวเทียนช่าง เฉียวเจิ้งหงรนหาที่ตายแท้ๆ เขาไม่รู้หรือไรว่าเจ้านายของพวกเขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ พูดจาเช่นนั้นมันรนหาที่ตายชัดๆ