บทที่ 217 โยนออกไป + บทที่ 218 หลุดปาก

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 217 โยนออกไป

แววฆ่าฟันโหดเหี้ยมบนหน้าเฉียวเทียนช่างระเบิดออกมาพร้อมกันแล้วปกคลุมตัวเขาไว้ ความเจ็บปวดที่เขาทนทรมานมาสองถึงสามวันนี้ เขาปกปิดความจริงจากหนิงเมิ่งเหยา และนึกหวาดกลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อนางรู้ความจริง แต่เจ้าคนไร้ค่าผู้นี้กลับกล้าชี้นิ้วใส่ชีวิตส่วนตัวของพวกเขาสองคน แล้วจะไม่ให้เขาเดือดดาลได้อย่างไร

ความอดกลั้นที่เขามีมาตลอดพังทลายลง เขาเดินเข้าไปหาเฉียวเจิ้งหงทีละก้าว

เฉียวเจิ้งหงสั่นสะท้านขณะมองเฉียวเทียนช่างย่างสามขุมมาหาตนอย่างเยือกเย็น เขาเคยผ่านสนามรบมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครมีรังสีฆ่าฟันโหดเหี้ยมเช่นนี้เลย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยรู้จักบุตรชายของตัวเองเลย

ในตอนนั้นเอง เฉียวเทียนช่างก็มายืนตรงหน้าเขาแล้ว “เจ้ามายุ่มย่ามเรื่องของข้าได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไร”

“ข้าเป็นพ่อของเจ้า”

เฉียวเทียนช่างสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองอีกฝ่าย “เมื่อครั้งที่เจ้าใช้คุณงามความดีในกองทัพของข้าเพื่อตักตวงทุกอย่าง ก็เท่ากับข้าได้ตอบแทนคุณหมดแล้ว เฉียวเจิ้งหง ข้าจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเป็นอันขาด มีความสุขกับวันต่อๆ ไปของเจ้าไว้เถอะ เพราะตระกูลเฉียวเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว”

หลินจือโยวตัวสั่นเทา เจ้านายของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก

เฉียวเจิ้งหงตัวแข็งทื่อ “เจ้าอย่าได้บังอาจเชียว”

“เจ้ากล้าซ่องสุมกองทัพไว้ลับๆ แล้วลอบขนเกลือ ข้ามีอะไรต้องกลัวกัน ข้าคิดว่าฮ่องเต้คงทรงพระเกษมสำราญทีเดียว ถ้าข้าให้ความสำคัญแก่ความชอบธรรมมากกว่าตระกูลของตัวเอง”

คำว่า ‘ลอบขนเกลือ’ ทำให้ร่างเฉียวเจิ้งหงสั่นเทาอย่างรุนแรง เขามองเฉียวเทียนช่างอย่างไม่อยากเชื่อ นี่เขารู้ได้เช่นไรกัน พวกเขาลอบลงมือทำอย่างแนบเนียนที่สุด แล้ว…แล้วเขารู้ได้อย่างไร

เฉียวเทียนช่างเห็นสีหน้าอีกฝ่ายก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ “ข้าไม่เคยคิดจะจัดการกับตระกูลเฉียว แต่ช่างน่าเสียดาย พวกเจ้ามันไม่เคยสำนึกในความโชคดีของตัวเอง จือโยว โยนเขาออกไป”

หลินจือโยวมองเฉียวเจิ้งหง “เชิญออกไปด้วยขอรับ หรือไม่ ข้าคงต้องโยนท่านออกไป”

เฉียวเจิ้งหงโกรธจนหน้าซีด แล้วฮึดฮัดออกไป แท้จริงแล้วเขาวิตกกังวลยิ่งนัก ถ้าฮ่องเต้รู้เรื่องลักลอบขนเกลือเข้า จะเป็นข้อหาหนัก มีโทษถึงขั้นตัดศีรษะ

“นายท่านทำไมถึงบอกเขาไป” หลินจือโยวงุนงงจึงเอ่ยถาม

ไม่ใช่ว่าการบอกไปตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้อีกฝ่ายมีเวลาเตรียมตัวหรือ ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะลอบสืบเรื่องอย่างลับๆ แล้วจัดการอีกฝ่ายในตอนที่ไม่ได้ตั้งตัวเอาตอนท้ายหรือ

บอกตามตรง เขาไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายตัวเองอีกต่อไป

เฉียวเทียนช่างชำเลืองมองหลินจือโยว “ทำแบบนั้นไปจะไร้ความหมาย เราทำได้เพียงแค่สืบ แต่ไม่มีหลักฐานพอ ถ้าบอกเขา เขาจะต้องกังวลขึ้นมาแน่นอน” การลักลอบขนเกลือเป็นอาชญากรรมใหญ่หลวง ไม่มีทางที่เฉียวเจิ้งหงจะเพิกเฉยได้ ฉะนั้นที่เขาต้องทำก็คือทำให้อีกฝ่ายกลัวจนวิตกจริต

หลินจือโยวเป็นที่ปรึกษากองทัพของเฉียวเทียนช่าง ดังนั้นเฉียวเทียนช่างมั่นใจว่าคิดสักหน่อย เขาก็ย่อมเข้าใจ

“เข้าใจแล้วขอรับ” หลินจือโยวผงกศีรษะ บ่งบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว

“จับตาดูเซียวจื่อเซวียนให้ดี รวมถึงตระกูลเฉียวด้วย ส่งใครสักคนไปสืบธุรกิจที่จวนตระกูลหลิงและจวนตระกูลเซียวเกี่ยวข้อง” เฉียวเทียนช่างพลันนึกขึ้นมาได้

หลินจือโยวสะดุ้งโหยง “นายท่าน ท่านคิดจะทำอะไรกัน”

“ไม่นานเจ้าก็จะรู้เองว่าข้าจะทำอะไร” นอกจากบดขยี้คนพวกนั้นในราชสำนัก เขาจะขยี้กิจการของพวกนั้นด้วย เขาต้องการให้คนพวกนั้นมีชีวิตที่ไม่เหลืออะไรเลย ได้แต่อยากตายไปวันๆ มีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้นเขาถึงจะปล่อยความโกรธแค้นที่ฝังลึกออกไปได้

“เข้าใจแล้วขอรับ นายท่าน เช่นนั้นข้าจะไปจัดการงานของข้า”

เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะแล้วรอให้หลินจือโยวออกไป เขาเดินไปหาเฉียวโม่แล้วย่อตัวลงมองผลงานชิ้นเอก

“เฉียวโม่ เจ้าภักดีกับเฉียวเจิ้งหงมาชั่วชีวิต แต่สุดท้ายแล้ว เขาไม่แม้แต่จะมองในตาเจ้าสักครั้ง บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มา แล้วข้าจะให้เจ้าตายสบาย เจ้าคิดว่าอย่างไร” เฉียวเทียนช่างบอกเขาอย่างเย็นชาพร้อมมองเข้าไปในดวงตา

เฉียวโม่เปิดตาขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วมองยังเฉียวเทียนช่าง ก่อนหน้านี้ เขายังคิดจะรอดไปให้จงได้ แต่บัดนี้ เขารู้แล้วว่าความตายคือสิ่งล้ำแค่ที่แท้ มีหลายต่อหลายครั้งที่เขาคิดว่าตนต้องตายแน่แล้ว ทว่าเฉียวเทียนช่างใช้ยาชั้นดีกับเขาอย่างไม่ลังเลเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้ จากนั้นก็ทรมานเขาซ้ำ

พอได้เห็นเฉียวเจิ้งหงในวันนี้ เขาเข้าใจกระจ่างแล้วว่าความภักดีของตนเป็นเพียงสิ่งน่าขัน

“อุก อุก…” เสียงสะอื้นดังออกมาจากปากเฉียวโม่

“เหลยอัน…”

“นายน้อย แย่แล้วเจ้าค่ะ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณหนู”

บทที่ 218 หลุดปาก

เฉียวเทียนช่างกำลังจะสั่งให้เหลยอันนำตัวชายคนนี้กลับไปที่ห้องขัง แล้วให้ชิงซวงรักษาคางเพื่อให้พูดได้ แต่ชิงซวงวิ่งเข้ามาพอดี ดวงตานางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตก

เมื่อเขาได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหนิงเมิ่งเหยา เขาก็ไม่อาจสนใจเฉียวโม่ต่อได้ แล้วรีบลุกขึ้นยืน จับแขนชิงซวง “เกิดอะไรขึ้นกับนาง”

“นายน้อย คุณหนูรู้เรื่องนี้เข้าแล้ว”

หัวใจเฉียวเทียนช่างกระตุกวูบ เขาสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย

เขาผลักชิงซวงให้หลบไปข้างๆ แล้วเร่งฝีเท้าไปที่เรือนหลังเล็ก ถึงขั้นใช้วรยุทธ์เพื่อร่นเวลา

เฉียวเทียนช่างไปถึงเรือนของเขา แล้วได้ยินเสียงหนิงเมิ่งเหยากำลังถาม

“ชิงซวง เจ้าหมายความว่าอย่างไรว่าข้าแท้ง บอกข้ามาให้ชัดๆ เสีย” หนิงเมิ่งเหยาคว้าแขนชิงซวง ตัวนางสั่นไม่หยุด

วันนี้ ตอนนางกำลังนอนเบื่ออยู่บนเตียง นางคิดจะลุกขึ้นเพื่อไปเดินเล่น แต่ตอนนางเดินไปถึงประตูกลับได้ยินชิงซวงพูดเรื่องแท้งให้ท่านยายฉินที่เพิ่งมาถึงฟัง

นางจึงผลักประตูเปิดแล้วก้าวเข้าไปถามว่าพวกนางหมายถึงอะไร แต่ชิงซวงไม่ยอมตอบ แต่วิ่งหนีไปแทน

“คุณหนู ข้า…ข้า…” ชิงซวงไม่กล้ามองหนิงเมิ่งเหยา ลึกลงไปแล้วนางหงุดหงิดใจนัก ทำไมนางถึงไปพูดเรื่องนั้นเสียใกล้ประตูห้องคุณหนู

“ชิงซวง บอกข้ามาให้ชัดๆ ว่าเจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่เจ้าบอกว่าข้าแท้ง บอกข้ามา!” หนิงเมิ่งเหยาจับแขนชิงซวงแน่นโดยไม่ยอมมองตา และถามคำถามนี้กับนางอย่างดื้อรั้น

เฉียวเทียนช่างมองสถานการณ์แล้วปราดเข้าไปดึงมือหนิงเมิ่งเหยาที่จับแขนชิงซวงไว้ ก่อนจะดึงนางมาแนบอกเขา “เหยาเหยา ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างไม่เป็นอะไร” เขาลูบหลังหนิงเมิ่งเหยาเบาๆ ปลอบนาง

“เทียนช่าง บอกข้ามา เจ้าปกปิดอะไรไว้ใช่หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาผละจากอ้อมแขนเขาแล้วเงยหน้าขึ้น ถามเขาน้ำเสียงหนักแน่น

เฉียวเทียนช่างเงียบไป เขาเองก็ไม่อยากจะบอกนางเช่นเดียวกับชิงซวง

“เทียนช่าง ข้าขอร้อง บอกข้ามาเถอะนะ พวกนางพูดกันว่าข้าแท้ง พวกนางหมายความว่าอะไร เจ้าบอกข้าได้ไหม” หนิงเมิ่งเหยาอ้อนวอนเฉียวเทียนช่าง นางไม่ชอบความรู้สึกว่าทุกคนล้วนรู้บางอย่างกันหมด แล้วนางไม่รู้อะไรเลยอยู่คนเดียว

เฉียวเทียนช่างดึงนางเข้าไปกอดอีกครั้ง เขาโอบกอดนางไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยไม่ว่าหญิงสาวจะขัดขืนเท่าไร

“เหยาเหยา เจ้าต้องสัญญาก่อนว่าเจ้าจะสงบใจ แล้วข้าจะบอกเจ้า ได้หรือไม่” ต้องเห็นนางเจ็บปวดเช่นนี้ หัวใจเขาก็รวดร้าว

“ตกลง ข้าสัญญา ขอเพียงเจ้าบอกข้า” หนิงเมิ่งเหยาเอนหาอ้อมกอดเขาพร้อมผงกศีรษะรัวๆ ขอเพียงให้เขายอมบอกนาง

เฉียวเทียนช่างส่งสัญญาณให้ชิงซวงและคนอื่นออกไป

ชิงซวงชำเลืองมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างกังวลแล้วออกไปเงียบๆ

หลังจากที่พวกนางออกไปกันหมดแล้ว เฉียวเทียนช่างช้อนเอวนางขึ้นอุ้ม แล้วกลับไปที่ห้องของทั้งสอง เขาวางนั่งลงกับเตียงและห่มผ้าให้

หนิงเมิ่งเหยาสำรวมอาการ ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น จากนั้นก็เชยตาขึ้นมองเขา “เทียนช่าง เจ้าบอกว่าเจ้าจะบอกข้า เจ้าห้ามกลับคำเชียว”

“ข้ารู้แล้ว ข้าไม่กลับคำหรอก” เฉียวเทียนช่างกอดนาง เขาเกยคางบนไหล่ของนาง มือวางตรงท้องนาง “ก่อนนี้ เจ้ามีเด็กอยู่ในนี้ อายุประมาณหนึ่งเดือน”

หนิงเมิ่งเหยาก้มลงมองท้องตัวเอง นางสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย “ชิงซวง…พวกนาง…พวกนางคุยกันว่าข้าแท้ง นั่นเรื่องจริงหรือ เด็กไม่อยู่แล้วหรือ”

ไม่แปลกใจเลยที่นางรู้สึกเจ็บปวดในท้องตอนตื่นขึ้นมา คนอื่นบอกว่าเพราะท้องนางกระแทกพื้นตอนร่วงลงมาจากรถม้า มิน่าเล่า พวกเขาถึงให้นางกินยาบำรุงสารพัดชนิดเหมือนนางอยู่ในระหว่างถูกกักตัว

นี่เอง นางถึงได้รู้สึกว่าเฉียวเทียนช่างมีท่าทีแปลกๆ พวกเขาเก็บเรื่องใหญ่เช่นนี้ไว้ไม่ให้นางรู้

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเก็บงำเรื่องนี้ไม่ให้ข้ารู้” หนิงเมิ่งเหยาใช้แรงที่มีแกะตัวเองออกจากอ้อมแขนเขา

ทว่าเฉียวเทียนช่างโอบรัดนางไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย “เหยาเหยา ใจเย็นแล้วฟังข้าก่อน”

“ข้าไม่ฟัง ข้าไม่อยากฟัง ทำไมเจ้ากล้าปิดเรื่องนี้ไว้ได้ลงคอ” หนิงเมิ่งเหยาพยายามดิ้นให้หลุด แต่นางทำไม่ได้ จึงกัดแขนเขา