ตอนที่ 41.2 คนจากอาราม (2)

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน เป็นธรรมดาที่ชื่อเซียวจะเคยพบปะกับผู้คนมาแล้วมากมาย และสตรีที่มีรูปโฉมงดงามเขาก็เคยเห็นมาไม่น้อย แม้แต่สตรีที่เป็นที่เล่าลือกันว่างดงามติดอันดับหนึ่งในสิบของแผ่นดินหวนหลิงเขาก็เคยเห็นมาบ้างแล้ว

ทว่าเมื่อได้มาเห็นฉินอวี้โม่ในวันนี้ ในหัวใจของบุรุษเลือดนักสู้ก็พลันคิดเอาว่า… โฉมนารีทั้งสิบคนนั้นคงจะเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ

ความงามของนางนั้นออกมาจากภายในและไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งหรือพึ่งพาเครื่องประดับ เป็นความงดงามที่ดูสูงส่ง มาดมั่น ภาคภูมิแต่ไม่หยิ่งยโส ในทางตรงข้าม นางก็เป็นบุคคลที่น่าคบหามาก ซึ่งนั่นก็ดึงดูดให้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากจะเข้าไปชิดใกล้เพื่อทำความรู้จักกับสตรีผู้นี้ให้มากขึ้น

“ช่างบังเอิญยิ่งนัก แม่นางฉินก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารก่อนวันอสูรล้อมเมืองเหมือนกันใช่หรือไม่? ” ชื่อเซียวหาเรื่องกล่าวทักทายโฉมสะคราญของเขาเพื่อที่จะหยุดนางไว้

เมื่อได้พบเจอชื่อเซียวและเหล่าสหายแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนระหว่างทางเช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย สตรีผู้งดงามยิ้มทักทายพวกเขา

…และรอยยิ้มนั้นของเทพธิดาเดินดินก็ทำให้เหล่าทหารหาญแห่งกองทหารรับจ้างระดับหนึ่งหน้ามืดจนแทบจะเป็นลมล้มพับไป…

เดิมทีเพียงแค่รูปลักษณ์ของนางก็งดงามและมีเสน่ห์มากแล้ว ยิ่งเมื่อได้เห็นสาวงามส่งยิ้มมาให้กับพวกเขาเช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนใจเต้นเร็วยิ่งกว่ารัวกลอง ลมหายใจก็ถี่กระชั้นเสียจนแทบจะเป็นลมเพราะความตื่นเต้น

“ใช่ พวกเราก็มาที่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จวนเจ้าเมืองเหมือนกัน” ฉินอวี้โม่ก้มหัวทักทายกลับ

เสี้ยวฮังกลืนน้ำลายก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าและยิ้ม

“แม่นางฉิน ข้าขอแนะนำว่าแม่นางควรจะสวมผ้าปิดหน้าตอนออกมาข้างนอกหรือไม่ก็สวมใส่ชุดของบุรุษเช่นเดิม มิฉะนั้นแล้ว พวกเรารวมถึงนายน้อยก็อาจจะเขินอายเกินกว่าจะยืนข้างแม่นางได้ หากอยู่ใกล้แม่นางพวกเราคงพูดอะไรกันไม่ออก”

เสี้ยวฮังเป็นบุรุษผู้ตรงไปตรงมา เขาพูดในสิ่งที่คิดออกไปในทันที

การได้ยืนอยู่ใกล้เทพธิดาเช่นนี้จะให้พวกเขาสงบใจมิให้ละเมอเพ้อพกไปได้อย่างไรกัน!

“คิก ๆ! หึ ๆ ๆ “

ฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วหลุดขำออกมาพร้อมกัน เสี้ยวฮังผู้นี้เป็นคนตรง ๆ อย่างแท้จริง

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยวฮัง ชื่อเซียวก็อดหัวเราะไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดว่าเสี้ยงฮังพูดถูก หากนางยังท่องไปทั่วดินแดนด้วยสภาพนี้ เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าบุรุษทั่วทุกสารทิศมาหลงใหลในตัวโฉมงามของเขามากมายเพียงใด

“เช่นนั้นพวกเราก็เดินไปจวนเจ้าเมืองพร้อมกันเถอะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มก่อนจะเดินเข้าจวนเจ้าเมืองและมุ่งไปยังเรือนหลักของจวน

แท้จริงแล้วงานเลี้ยงอาหารค่ำก่อนวันอสูรล้อมเมืองที่ว่านั้นก็มิได้มีสิ่งพิเศษหรือกิจกรรมเพิ่มเติมอื่น ๆ มากมาย เพียงแต่ท่านเจ้าเมืองต้องการให้บรรดาแขกของท่านผู้มาเยือนยังเมืองเยว่กวางแห่งนี้ได้ทำความรู้จักกันไว้ อีกทั้งยังเป็นการกระชับสัมพันธ์อันดีของทุกฝ่ายก่อนเทศกาลจะเริ่มต้นขึ้น

เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาภายในบริเวณอันกว้างใหญ่ของจวนเจ้าเมืองได้ ฉินอวี้โม่พบว่าลั่วอวิ๋นมายืนรอพวกนางอยู่ก่อนแล้ว

ทันทีที่เห็นฉินอวี้โม่เดินเข้ามา สีหน้าของลั่วอวิ๋นก็ไม่ได้แตกต่างจากชื่อเซียวก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ทว่าบุตรชายของเจ้าเมืองเยว่กวางยังสามารถดึงหน้ากลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“ฮ่าฮ่า แม่นางมาจริงๆ ด้วย”

ลั่วอวิ๋นหัวเราะแก้เขินพร้อมกับแจกรอยยิ้มมีไมตรีก่อนจะพากลุ่มของฉินอวี้โม่เดินตรงไปยังเรือนหลักของจวนซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้

“มะ… แม่นางอวี้โม่ เหตุใดวันนี้ถึงได้มาในอาภรณ์สตรีเช่นนี้เล่า? ”

ลั่วอวิ๋นมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาซับซ้อน เมื่อแรกที่ได้เจอแม่นางผู้นี้ที่ประตูเข้าเมือง เขาเองก็ทราบว่านางเป็นสตรีที่งดงามมากผู้หนึ่ง แต่เนื่องด้วยชุดบุรุษที่นางสวมใส่จึงทำให้ความงามนั้นถูกจำกัดอยู่มาก ในตอนนั้นลั่วอวิ๋นจึงไม่ได้ตกตะลึงในรูปโฉมของนาง

แต่วันนี้นางเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดสตรีซึ่งทำเอาบุตรชายเจ้าเมืองอย่างเขาหวั่นไหวจนถึงขึ้นพูดจาติดขัดไม่เป็นธรรมชาติ

แต่เรื่องนี้ก็จะโทษเขาไม่ได้ เพราะตราบใดที่ยังเป็นบุรุษอกสามศอกและไม่ได้นิยมการตัดแขนเสื้อ หากได้เห็นสตรีที่งามล้ำถึงเพียงนี้ก็ต้องเกิดอาการประหม่าเช่นที่เขาเป็นกันทั้งนั้น

“ทำไมกัน มันไม่สวยอย่างนั้นหรือ? ”

เมื่อเห็นท่าทางเขินอายและดูไม่ปกติของลั่วอวิ๋น ฉินอวี้โม่ก็อดจะหยอกล้อเขาเล่นไม่ได้

“ไม่ ๆ มันสวยมากเลยล่ะ”

ลั่วอวิ๋นส่ายศีรษะและรีบกล่าวออกมาอย่างตกใจ

“ถึงแม้ว่าชุดสตรีจะไม่สะดวกเท่าของบุรุษ แต่อย่างไรข้าก็ยังเป็นผู้หญิง ผู้หญิงต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา”

ฉินอวี้โม่ยิ้มขำกับท่าทางของคุณชายตระกูลใหญ่แห่งเมืองเยว่กวาง