บทที่ 125: ดาวรุ่ง

หนึ่งเดือนต่อมา ช่วงเช้าในเขตการปกครองแอสคาร์ด รถม้าที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตแล่นผ่านเข้ามาไปตามถนน ตราประจำตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์บนรถม้า เป็นสัญลักษณ์รูปดวงตาลอยอยู่เหนือแสงเทียนดูแปลกประหลาดออกไปจากตระกูลขุนนางอื่น ๆ

เรียกได้ว่าหากอยู่นอกจักรวรรดิเซนต์เมซิทแล้วล่ะก็ ผู้คนคงคิดว่ามันเป็นตราสัญลักษณ์ของพวกลัทธิชั่วร้าย

อย่างไรก็ตามในเขตการปกครองแอสคาร์ด มันเป็นสัญลักษณ์ประจำตำแหน่งที่คนทั่วไปทุกคนต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มที่จะจดจำตราประจำตำแหน่งนี้และชื่อที่เกี่ยวข้องกับมันอยู่ตลอดเวลาอย่างโรเอล แอสคาร์ดได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ด้วยเหตุผลบางอย่างทายาทวัยเยาว์ของตระกูลมาร์ควิส ได้กลายเป็นตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครอง และได้รับอำนาจจัดการบริหารเขตการปกครองนี้อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในระบบราชการท้องถิ่นของเขตการปกครองแอสคาร์ด

อิทธิพลของเด็กชายรุ่งโรจน์ด้วยฉายา ‘ตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองที่มีอายุน้อยที่สุด’ ทว่ามันมาพร้อมกับความสงสัยเคลือบแคลงใจมากมาย ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาตรง ๆ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขานั้นไม่พอใจกับการตัดสินใจของมาร์ควิสคาร์เตอร์ในครั้งนี้เท่าไหร่นัก

คาร์เตอร์ถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในจักรวรรดิเซนต์เมซิท และเป็นที่เคารพนับถือจากผู้คนจำนวนมากไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน แม้ว่าบางทีเขาจะโอนอ่อนผ่อนปรนเกินไปบ้างหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการเขตการปกครอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอิทธิพลและความนิยมอันเปี่ยมล้นของคาร์เตอร์ ทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้น

มันเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์หวนนึกยกย่องถึงอดีต เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้คะแนนการประเมินของเจ้าหน้าที่หลาย ๆ คนที่มีต่อโรเอลนั้นต่ำมากเมื่อเด็กชายได้ขึ้นสู่อำนาจเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามโรเอลก็ได้ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงเดือนเดียว…

รถม้าที่มีตราสัญลักษณ์ดวงตาเหนือแสงเทียนหยุดลงข้างหน้าสำนักงานบริหารของเขตการปกครองแอสคาร์ด จากนั้นคนขับรถม้าก็เดินลงมาอย่างรวดเร็ว เพื่อวางบันไดและเปิดประตูรถ

สาวใช้แสนสวยคนหนึ่งเดินนำก้าวลงมาจากรถม้า ยืนเคียงข้างมันอย่างเคารพ เปิดทางรอให้บุคคลสำคัญที่นั่งอยู่ข้างในเพื่อก้าวตามออกมา

มันเป็นฉากซ้ำ ๆ จนได้กลายเป็นดั่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำวันสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงไปแล้วเรียบร้อย

จากนั้นเด็กหนุ่มผมดำก็งอตัวเล็กน้อยพร้อมเดินออกมาจากรถม้า เผยให้เห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์แลดูอ่อนโยนของเขา ทำให้หลายคนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต้องหยุดเดินไปตามสัญชาตญาณและหันไปมอง หญิงสาวที่ได้เห็นโรเอลเป็นครั้งแรกต่างก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความสงสัย ในขณะที่สตรีสูงวัยเองก็ไม่อาจจะสามารถหยุดตัวเองจากการหันไปมองอีกสักสองสามครั้งไม่ได้

อาา ช่างหล่อเหลาจริง ๆ

นี่เป็นความรู้สึกที่สะท้อนออกมาจากหมู่ผู้ชมส่วนใหญ่ที่มารวมตัวกัน เมื่อโรเอลมาถึง

โรเอลประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ในศิลปะการทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง โดยภาพลักษณ์ของเขานั้นแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ เลย ด้วยปัจจัยที่ว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่การรับรู้มาจากประสาทสัมผัสการมองเห็นเป็นหลัก

ยิ่งโรเอลปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนมากขึ้นเรื่อย ๆ ความนิยมของเขาในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศตรงข้ามก็พุ่งพรวดราวกับจรวดพุ่งไปยังดวงอาทิตย์ ทำให้มีหญิงสาวจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เชื่อมั่นในความรักอันหอมหวาน จงใจที่จะเดินผ่านถนนสายนี้ทุก ๆ เย็น ระดับที่ว่าหญิงสาวที่มีฐานะร่ำรวยบางคนถึงกับเลือกเช่าบ้านในบริเวณใกล้เคียงถนนเส้นนี้เลยทีเดียว

โรเอลรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ พฤติกรรมของหญิงสาวที่คล้ายกับบรรดาแฟนคลับไอดอล ทำให้เด็กชายนึกถึงโศกนาฏกรรมที่มักจะเกิดขึ้นกับไอดอลที่โด่งดังในโลกเดิม แต่โชคดีที่ดูเหมือนว่าผู้คนของโลกนี้จะมีระดับความคิดมากกว่า

พอนึกถึงเรื่องนี้แล้ว นอร่าเองก็น่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ในทุก ๆ ครั้งที่เธอปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเช่นกัน บางทีอาจจะรุนแรงกว่านี้อีกด้วยซ้ำ เนื่องจากคนของราชวงศ์มักจะตกเป็นเป้าสนใจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนอยากจะรู้เรื่องของพวกเขาเหล่านั้น

เมื่อรู้ว่ายังมีคนอื่นที่เจอสถานการณ์แย่กว่าตน โรเอลก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

หลังจากลงจากรถม้า เขาก็หันมองกวาดดูไปรอบ ๆ ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาตามถนนต่างก็ตอบรับสายตาของเด็กชายด้วยการโค้งคำนับ ซึ่งโรเอลก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มตอบกลับไป

ในความเป็นจริงแล้ว เพียงแค่ใช้หน้าตาอันหล่อเหลาของเขา โรเอลก็สามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามการกลับมาของโรเอลในครั้งนี้ เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ที่จะแก้ไขความยุ่งเหยิงที่บรรพบุรุษของตนทิ้งไว้ นอกจากนี้เขายังมีหนี้จำนวนมหาศาลจากระบบคอยตามไล่หลังอยู่ตลอดเวลาอีก เขาจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะพัฒนาเขตการปกครองแอสคาร์ดให้จงได้!

หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่โรเอลเข้ารับตำแหน่งเป็นตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครอง สิ่งแรกที่เด็กชายนึกถึงก็คือเขาควรจะทำอย่างไรถึงจะสามารถซื้อใจประชาชนในแอสคาร์ดได้ การเปลี่ยนแปลงผู้นำนั้นจะทำให้เกิดความโกลาหล เพราะเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชามักจะขาดความรู้สึกภักดีต่อผู้นำคนใหม่ อีกทั้งประชาชนที่ไม่สนใจเรื่องการเมืองเองก็มักจะไม่ทราบข่าวว่าผู้นำได้เปลี่ยนไปแล้ว

นี่เป็นเรื่องปกติในโลกที่การสื่อสารยังคงด้อยพัฒนาเช่นนี้

ปัญหานี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เนื่องจากอายุที่ยังน้อยของโรเอล เขารู้ดีว่าตัวเองจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนความคิดอุปทานหมู่ของประชาชนว่าเขาเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ การทำงานวันแรกจึงสำคัญมาก

โรเอลรู้ดีว่าการสนับสนุนจากผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด เพื่อให้เขตการปกครองพัฒนาไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาจึงได้คิดแผนงานขึ้นมาสามประการ

โครงการแรกคือการจัดระเบียบความปลอดภัยสาธารณะใหม่ทั้งหมด

แม้ว่าเขตการปกครองแอสคาร์ดจะถูกมองว่าเป็นเขตการปกครองที่มีความปลอดภัยสาธารณะอยู่ในระดับสูงสุดในบรรดาเขตการปกครองของห้าตระกูลขุนนางชั้นสูง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การประเมินสภาพแวดล้อมโดยรวมในมุมมองของพ่อค้า กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การประเมินของพวกเขาครอบคลุมเพียงแค่จำนวนโจรที่ถูกจับได้ในเขตการปกครอง ความปลอดภัยของถนนสายหลัก และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในเขตการปกครองแอสคาร์ด

ทว่าสำหรับประชาชนในเขตการปกครองแอสคาร์ดแล้ว ยังมีอาชญากรที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในชุมชนอีกมากมายที่คอยบ่อนทำลายอาชีพการงานของพวกเขา ตั้งแต่การโจรกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกอันธพาล แก๊งเงินกู้นอกระบบ ไปจนถึงการค้ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้คือปัญหาจริง ๆ ที่ทำให้ประชาชนในเขตการปกครองทุกข์ร้อน และบางครั้งก็สร้างความเสียหายให้กับพวกเขาในระดับที่ไม่สามารถแก้ไขได้

โรเอลเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มามากในโลกก่อน ทำให้เด็กชายมีความเกลียดชังต่ออาชญากรรมเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ยอมให้พวกคนชั่วร้ายเหล่านั้นทำได้ตามใจชอบในเขตการปกครองแอสคาร์ด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเริ่มรณรงค์แนวคิดกระจายออกไปว่า ‘จงช่วยกันล้างพิษออกจากท้องถนน’ โดยเป้าหมายก็คือการกระชับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน และกวาดล้างอาชญากรในพื้นที่

เด็กชายเริ่มต้นด้วยการเลือกสมาชิกหน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์อย่างรอบคอบ แม้ว่าโรเอลจะสามารถระดมกำลังพลเรือนอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่รักษาเมืองมาได้สำหรับกรณีนี้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น นั่นก็เพราะ โรเอลกังวลว่าพวกเขาอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับอาชญากรในท้องถิ่น ไม่ก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับอาชญากรที่เป็นเป้าหมาย

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่ที่โรเอลต่อสู้ด้วยจนถึงตอนนี้ล้วนมีแต่คนที่แข็งแกร่ง ทำให้มาตรฐานของเด็กชายคาดเดาศัตรูราวกับว่ามีปีเตอร์ เคเตอร์อยู่มากมาย นอกจากนี้ นี่ยังเป็นภารกิจแรกของเขาในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองอีกด้วย เขาจึงควรที่จะระมัดระวังเป็นพิเศษ และจัดการให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

หลังจากการพิจารณาตัวแปรทั้งหมดแล้ว โรเอลก็สามารถจำกัดเงื่อนไขของผู้สมัครให้แคบลงไปได้อย่างง่ายดาย นั่นก็คือกองกำลังของตระกูลแอสคาร์ดและกองทัพราชองครักษ์ที่เดินทางกลับมาด้วยกันกับเขาจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์

หน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ที่ทรงพลังที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจึงได้รับการจัดตั้งขึ้นมาในที่สุด ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเดิร์ก และกองทหารที่มีเพียงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ระดับแก่นแท้ 5 ขึ้นไป

เนื่องจากเดิร์กเติบโตขึ้นมาในเขตการปกครองนี้ ทำให้เขามีความผูกพันกับคนในท้องถิ่น ซึ่งกลายมาเป็นแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่นี้ อีกทั้งนี่ยังเป็นภารกิจแรกที่โรเอลมอบหมายให้แก่เขาอีกด้วย ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่ก่อตั้งหน่วยดังกล่าว เดิร์กก็ได้รายชื่อของอาชญากรหลายร้อยคนมาอย่างรวดเร็ว

รายชื่อทั้งหมดได้ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภท

ประเภทแรกประกอบด้วยฆาตกร และพวกพ่อค้าที่ทำธุรกิจค้ามนุษย์

ประเภทที่สองประกอบไปด้วยอาชญากรใช้ความรุนแรง และแก๊งเงินกู้นอกระบบที่ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก

ส่วนประเภทสุดท้ายก็คือพวก โจร หัวขโมย พวกใช้ข้อมูลข่มขู่ และอาชญากรรมที่ร้ายแรงไม่มากเป็นส่วนใหญ่

โรเอลสั่งให้เดิร์กทำการสอบสวนเพิ่มเติมและตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลักฐานต่าง ๆ เป็นไปตามข้อเท็จจริง และหน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเสมอ ว่าข้อมูลทุกอย่างนั้นถูกต้อง รวมถึงจัดทำเอกสารกระบวนการต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนทำการจับกุม

ความรุนแรงของโทษนั้นจะขึ้นอยู่กับอาชญากรรมที่พวกเขาก่อ สำหรับผู้ที่ทำการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ลักพาตัวเด็กไปขายที่อื่น พวกเขาจะต้องได้รับโทษประหารชีวิต โรเอลรู้สึกว่ากรณีนี้เขาจำเป็นจะต้องทำให้โทษนั้นรุนแรงที่สุดเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นกล้าทำแบบเดียวกัน เด็กชายมีอารมณ์รุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากสารคดีที่เขาเคยดูในอดีตชาติ และเขาก็ไม่คิดว่าเขตการปกครองแอสคาร์ดจำเป็นจะต้องเสียเงินภาษีอันมีค่าไว้ชีวิตคุมขังคนพวกนั้น

สำหรับผู้ที่อยู่ในแก๊งเงินกู้นอกระบบหรือพวกที่ใช้อิทธิพลความรุนแรงข่มขู่ผู้อื่น พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำร้ายเหยื่อรายอื่น หรือกลับมาแก้แค้นผู้ที่รายงานพวกเขาได้

เนื่องจากการดำเนินการที่รวดเร็วและเฉียบคมของหน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์ กลุ่มสมาคมอาชญากรหลายกลุ่มในเขตการปกครองแอสคาร์ดก็ค่อย ๆ หายไปที่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นพวกแก๊งเงินกู้นอกระบบที่กำลังหลบหนี หรือพวกพ่อค้ามนุษย์ต่างก็ถูกจับกุมอย่างรวดเร็ว มันถือเป็นฝันร้ายสำหรับเหล่าอาชญากรทั้งหมดโดยแท้จริง

ข่าวทั้งหมดนี้กระจายออกไป ทำให้อาชญากรที่เหลือต่างรวมตัวมาเข้าคิวสารภาพมอบตัวความผิดที่พวกเขาได้ก่อ เนื่องจากเกรงกลัวในหน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ว่าจะบุกเข้ามาจัดการกับพวกเขา

หน่วยกองกำลังผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ที่เดิร์กบัญชาการ ส่วนใหญ่เป็นทหารหนุ่มเลือดร้อนจากกองทัพ ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกชอบธรรมอันท่วมท้น พวกเขาพร้อมที่จะใช้กำลังเข้าต่อสู้กับเหล่าอาชญากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ถูกจับได้ว่ากำลังก่ออาชญากรรม ทำให้บรรดาผู้ร้ายต่างก็ต้องเกรงกลัวทหารเหล่านี้ เพราะบางคนก็ถูกฆ่าทิ้งในที่เกิดเหตุทันทีที่มีหลักฐาน

แม้ว่าวิธีการนี้จะยังอยู่ในช่วงทดลอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลลัพธ์ในการลดอาชญากรรมในเขตการปกครองนั้นดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกวันนี้พวกอันธพาลข้างถนนต่างก็ต้องกลัวจนตัวสั่นทันทีที่พวกเขาเห็นทหารในเครื่องแบบของตระกูลแอสคาร์ด

โรเอลทราบดีว่าระบบกฎหมายที่ใช้อยู่นั้นยังหยาบกร้านและมีปัญหาเชิงพื้นฐานมากมาย แต่วิธีนี้ก็ช่วยให้ตัวเขาเป็นที่สนใจของผู้คนมากขึ้น ด้วยการเริ่มต้นที่รวดเร็วและเด็ดขาด ก่อนที่จะค่อย ๆ ปรับปรุงระบบไปอย่างช้า ๆ ยังมีงานอีกมากมายที่เขาต้องทำ เพื่อสร้างระบบตุลาการที่เหมาะสม แต่ในระยะสั้นวิธีนี้คือวิธีที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

นอกเหนือจากการจับกุมและลงโทษเหล่าอาชญากรแล้ว โรเอลก็ไม่ลืมที่จะเยียวยาชดเชยเหยื่อที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ด้วยตำแหน่งของเขาในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครอง เขาได้ผลักดันนโยบายชดเชยเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมอย่างยุติธรรม ด้วยเงินที่หน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ยึดทรัพย์มาจากเหล่าอาชญากร

นโยบายดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในทันที เนื่องจากธรรมเนียมตั้งแต่อดีตกาล เงินหรือสมบัติใด ๆ ก็ตามที่ยึดมาได้จากเหล่าอาชญากร มักจะถูกนำเข้ากระเป๋าของผู้ปกครองเขตการปกครอง ไม่เคยมีการแจกจ่ายกลับไปหาประชาชนเช่นนี้มาก่อน

ในวันที่โรเอลประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการ ฝูงชนจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่ด้านนอกสำนักงานบริหารเขตการปกครอง เพื่อมาดูว่าผู้เสียหายจะได้รับค่าชดเชยจริง ๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงเย็น ผู้เสียหายคนแรกก็ได้เดินมาเคาะประตูสำนักงานบริหารเขตการปกครอง

ผู้เสียหายที่มายื่นคำร้องนั้นเป็นชายชราผู้หนึ่งที่มีความขัดแย้งกับสมาคมอาชญากร และถูกทุบตีจนขาหัก เนื่องจากเขาไม่มีเงินรักษาอาการบาดเจ็บดังกล่าวและอาจจะต้องตายเพราะมันในไม่ช้า เขาจึงตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดวงดู ทว่าผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่เขาได้ทำตามขั้นตอนทั้งหมด ตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองก็เดินออกมามอบถุงเหรียญทองหนึ่งถุงหนึ่งให้กับเขาด้วยตัวเอง

“ขอบคุณ! ขอบคุณท่านจริง ๆ! ขอให้เทพีเซียอวยพรแก่พวกท่านทุกคน!”

ชายชราร้องไห้ออกมาต่อหน้านายน้อยผู้จริงจังเบื้องหน้า แสงสีเขียวเจิดจ้าส่องออกมาจากศีรษะของเขาขณะที่กำลังเดินกะโผลกกะเผลกออกไปจากสำนักงาน ด้วยรอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความหวังที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

หลังจากนั้นเหยื่อรายอื่น ๆ จากอาชญากรรมทุกประเภทก็เริ่มหลั่งไหลไปที่สำนักงานบริหารเขตการปกครองเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงิน ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นพยานช่วยในการจับกุมเหล่าอาชญากร

แม้จะไม่มีอะไรยืนยันได้แน่ชัดว่าเหล่าทวยเทพกำลังเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์จริง ๆ หรือไม่ แต่ทุกคนต่างก็ประจักษ์ด้วยสายตาของตัวเองแล้ว พวกเขาสามารถเห็นความอบอุ่น ความยุติธรรมและความเมตตากรุณาที่แผ่ออกมาจากโรเอลที่กำลังปกป้องโอบกอดพวกเขาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

ทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของโรเอล ร้องเพลงสรรเสริญบอกต่อเรื่องราวให้แก่ผู้คนที่พบเจอหรือสัญจรผ่านไปมา

ชายชรานั้นได้เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาในโรงพยาบาล และบอกต่อเพื่อนบ้านของเขาเกี่ยวกับความเอื้ออาทรของโรเอล พ่อแม่ที่เคยต้องสิ้นหวังเนื่องจากลูก ๆ ของพวกเขาได้ถูกลักพาไป ต่างพร่ำบอกลูก ๆ ของพวกเขาครั้งแล้วครั้งถึงพระคุณของนายน้อยโรเอล ผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยหนี้สินเงินกู้นอกระบบที่ไม่เป็นธรรมต่างรู้สึกขอบคุณโรเอลสำหรับชีวิตใหม่ที่พวกเขาได้รับ สาบานที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขตการปกครองแอสคาร์ด

ผู้ปกครองทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า ประชาชนที่เปราะบางเหล่านี้นี่แหละคือเสียงข้างมากในสังคม การบอกต่อกันแบบปากต่อปากของพวกเขาได้ทำให้ความนิยมของโรเอลพลิกกลับมาเป็นอีกแบบอย่างน่าอัศจรรย์ จากที่ประชาชนในเขตการปกครองไม่ค่อยรู้จัก และมักจะสงสัยในความสามารถ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ชื่อเสียงของ โรเอล แอสคาร์ด ก็เพิ่มสูงขึ้นยิ่งกว่าใคร ๆ ในเขตการปกครอง

สำหรับประชาชน โรเอลถือเป็นดั่งทูตของเทพีเซีย บุตรศักดิ์สิทธิ์ หรือแสงสว่างที่คอยขับไล่ความชั่วร้ายออกจากเหล่าสามัญชนที่ใช้เวลาทุกวันเหน็ดเหนื่อยไปกับการหาเลี้ยงชีพ ทำให้พวกเขาแทบจะไม่ได้สนใจผู้มีอำนาจคนอื่น ๆ อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นคาร์เตอร์ แอสคาร์ด คนในห้าตระกูลขุนนางชั้นสูง หรือ ตระกูลเซไซต์ ตัวแปรเหล่านั้นล้วนมีความสำคัญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มีเพียงคนเดียวที่พวกเขารู้จักและเคารพโดยแท้จริงนั่นก็คือ ตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ด โรเอล แอสคาร์ด เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องทางโลกด้วยความเมตตา และให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา

“นายน้อยโรเอล ทุกวันนี้ประชาชนเริ่มเข้ามาทักทายพวกเราทุกครั้งเวลาที่พวกเราออกลาดตระเวนตามท้องถนนในชุดเครื่องแบบ นอกจากนี้เด็กหนุ่มสองสามคนในหน่วยเองก็ยังได้คู่ครองอีกด้วย”

เดิร์กกล่าว

เมื่อถึงวันที่โครงการ ‘ล้างพิษจากท้องถนน’ สิ้นสุดลง โรเอลก็ได้จัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องในโครงการ

เดิร์กดื่มอย่างเต็มที่ในงานเลี้ยงครั้งนี้จนแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เขาไม่เคยรู้สึกเติมเต็มขนาดนี้มาก่อนในการปฏิบัติงานชั่วชีวิตของเขา ถ้าหากเดิร์กได้รับรู้ถึงศักยภาพของโรเอลตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ เขาคงมีความสุขมากกว่านี้เป็นหลายเท่าแน่! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการบริหารของโรเอลทำให้เดิร์กพร้อมจะมอบความจงรักภักดีของตนให้กับเขา

โครงการ ‘ล้างพิษออกจากท้องถนน’ แทบจะไม่คุ้มค่าเลยสักนิดในแง่ของกำไร การระดมพลังกองทหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 5 อันมีค่าจำนวนมากสำหรับเรื่องแบบนี้นั้นถือเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย เนื่องจากหากวัดกันตามศักยภาพแล้ว หน่วยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ของพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะสร้างความแตกต่างเชิงกลยุทธ์ในสนามรบได้เลยทีเดียว แต่ที่นี่พวกเขากลับถูกระดมมาใช้งานสำหรับเรื่องที่ ‘สำคัญน้อยกว่า’ ซึ่งปกติแล้วไม่เคยตกเป็นหน้าที่การงานของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ

เดิร์กไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีขุนนางในเขตการปกครองไหน มีความคิดที่จะทุ่มเทเพื่อประชาชนของตนถึงขนาดนี้มาก่อน มีเพียงโรเอลเท่านั้นที่ทำมัน อีกทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นเสียด้วย

บางทีนายน้อยโรเอลอาจจะแตกต่างจากผู้นำคนอื่น ๆ ของตระกูลแอสคาร์ดจริง ๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เดิร์กก็ยกแก้วสุราขึ้นดื่มต่ออย่างสนุกสนาน