บทที่ 35.2 คัมภีร์หลุมบรรจุมณี (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เมื่อได้ยินฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าวว่าเขาใช้เวลาถึง 2 ปีในการสร้างคัมภีร์หลุมบรรจุมณีชิ้นนี้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ภายในใจของโจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นที่ไหลเอ่อขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ขณะมองไปยังรอยเหี่ยวย่นที่เพิ่มขึ้นบนร่างของฮูเหยียนเอ้าป๋อ แสงสลัวในดวงตาของเขาก็ปักตรึงเข้าไปกลางใจของโจวเหว่ยชิง เขาไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไร ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าลงต่อหน้าฮูเหยียนเอ้าป๋อและกล่าวคำสาบานอย่างแน่วแน่ คราวนี้เขาทำจากใจจริงและไม่มีความคิดเจ้าเล่ห์เจือปนอยู่แม้แต่น้อย

ฮูเหยียนเอ้าป๋อชะงักขึ้นมาครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาพลันเกิดประกายวูบไหวแปลกๆ อย่างไรก็ตาม ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจและช่วยประคองโจวเหว่ยชิงขึ้นมา “เหว่ยน้อย จริงๆ แล้วข้ารู้สึกขัดแย้งในใจมาก พูดตามตรงข้าอยากให้เจ้าเรียนรู้วิชาจากข้าและกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะให้ได้ แต่ข้าก็กลัวว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการทำลายอนาคตของเจ้าเช่นกัน ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าสามารถเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังได้…แต่ถ้าเจ้าต้องทุ่มเทเวลาและแรงกายไปกับการเรียนรู้วิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์มากๆ เข้า ข้าเกรงว่า…”

โจวเหว่ยชิงไม่คาดคิดว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อจะเตือนเขาเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าอาจารย์กำลังพูดถึงสิ่งเดียวกันกับที่ถังเซียน แม่ยายในอนาคตของเขาเตือนเอาไว้

โจวเหว่ยชิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ สายไปแล้วสำหรับเรื่องนั้น ข้าได้สาบานด้วยมณีสวรรค์ของข้าไปแล้วและไม่อาจกลับคำได้ นอกจากนี้ ใครจะรู้ ลูกศิษย์ของท่านอาจจะเป็นอัจฉริยะในด้านการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ด้วยก็ได้ ข้าอาจทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้!”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อส่ายหัวอย่างปลงๆและพูดว่า “เด็กเหลือขอตัวน้อยอย่างเจ้ามักจะมองโลกในแง่ดีเกินไปจริงๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะยังคงเชื่อมั่นเช่นนั้นเมื่อได้เริ่มเรียนกับข้า หากการเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ง่ายดายขนาดนั้น ราคาของม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์คงจะไม่สูงขนาดนี้หรอก เอาเถอะ ใช้คัมภีร์หลุมบรรจุมณีนี้ก่อน แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยเริ่มบทเรียนแรกของเจ้า”

“ขอรับ” โจวเหว่ยชิงยกมือขวาขึ้นและตั้งสมาธิ ฉับพลันนั้นมณีสวรรค์ของเขาก็ปรากฏขึ้นมา แน่นอนว่าแทนที่จะเป็นดวงเดียวเหมือนคราวก่อน คราวนี้เขามีมณี 2 ดวง

บนข้อมือขวาของเขาปรากฏหยกน้ำแข็งบริสุทธิ์ 2 ดวงกำลังหมุนวนอยู่ด้านบน ทันใดนั้นก็พวกมันก็สว่างวาบขึ้น ไม่นานธนูราชันย์ก็ปรากฏในมือของเขาพร้อมกับกลุ่มไอหมอกน้ำแข็งเย็นจัด

ธนูราชันย์ในมือเขาตอนนี้ดูแตกต่างจากรูปลักษณ์ก่อนหน้าเล็กน้อย คันธนูดูหนาขึ้นและหนักขึ้น  ลวดลายสีทองซึ่งเดิมมีเฉพาะบนลำตัวของคันธนูได้แผ่ขยายออกไปถึงสายธนูแล้ว สายธนูสีทองในตอนนี้จึงดึงดูดสายตาอย่างมาก แสงสว่างอ่อนๆ กำลังอาบไล้อยู่รอบๆ คันธนูทำให้มันดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิม

อันที่จริงแล้ว เมื่อโจวเหว่ยชิงได้รับมณีสวรรค์ชุดที่ 2 นั้น ธนูราชันย์และทักษะที่กักเก็บไว้ทั้งหมดของเขาก็ได้วิวัฒน์ขึ้นเช่นกัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าพวกมัน ‘เพิ่มระดับขึ้น’ และเนื่องจากเขามีทักษะกักเก็บไว้มากมายในมณีดวงแรก หัวเฟิงจึงบอกเขาว่าอย่าเพิ่งรีบกักเก็บทักษะลงในมณีดวงที่ 2 ของเขา

“ทำไมรวดเร็วเช่นนี้? เหว่ยน้อย ตอนนี้ปราณสวรรค์ของเจ้าอยู่ในระดับใด?” เฟิงหยูที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อพบว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงมีมณีถึง 2 ชุด เห็นดังนั้นเขาจึงอดถามออกไปไม่ได้

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับที่ 11 ขาดเพียง 1 ระดับข้าก็จะผ่านขั้นพื้นฐานไปสู่ขั้นทะลวงพิภพแล้ว”

ทันทีที่โจวเหว่ยชิงพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าลึก 2 ครั้ง ทั้งฮูเหยียนเอ้าป๋อและเฟิงหยูต่างก็มีสีหน้าแตกตื่น เพราะว่าหลังผ่านไปสองปี โจวเหว่ยชิงก็มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจะบอกว่าการที่เขาได้รับมณีชุดที่ 2 ภายใน 2 ปีนั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากแล้ว การเพิ่มระดับปราณสวรรค์ถึง 4 ระดับในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะอย่างหาตัวจับได้ยากมากกว่า พวกเขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงจะเพิ่มเป็นขั้นพื้นฐานระดับ 11 ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้! เขาเป็นแค่เด็กอายุ 16 ปีและมีพลังปราณสวรรค์อยู่ห่างจากขั้นทะลวงพิภพเพียงหนึ่งก้าว! และสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ หมายความว่าเขากำลังจะก้าวสู่ระดับปรมะ!  ช่วงเวลานี้จึงถือว่าเขาไม่ใช่พวกอ่อนหัดอีกต่อไป

เฟิงหยูพึมพำว่า “ตาแก่ฮูเหยียน ข้าเริ่มคิดแล้วว่าการให้เหว่ยน้อยเรียนรู้การสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์จากเจ้าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของข้า”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าข้าโชคดีหรือโชคร้ายที่เลือกเขาเป็นศิษย์”

ในขณะที่พวกเขากำลังโต้ตอบกันอยู่นั้น โจวเหว่ยชิงก็หยิบคัมภีร์หลุมบรรจุมณีขึ้นมาแล้ว ภายใต้การชี้นำของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ของเขาเข้าไปในม้วนคัมภีร์อย่างรวดเร็ว

ทันทีที่พลังปราณสวรรค์ของเขาไหลเวียนเข้าไปในก้อนทองคำขนาดเล็กก้อนนั้น จู่ๆมันก็เปล่งแสงสว่างออกมา ดูๆไปแล้วก็คล้ายกับว่ามณีแวววาวสีต่างๆกำลังอวดแสงเจิดจ้าแข่งกัน สีสันของพวกมันผสมกลมกลืนเข้าด้วยกัน จากนั้นคลื่นพลังรุนแรงขุมหนึ่งก็ดูเหมือนจะทะลักออกมาจนสามารถพุ่งทะลุผ่านผนังห้องออกไปได้

ฮูเหยียนเอ้าป๋อมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะโบกมือขวาขึ้น ชั้นแสงสีเงินขยายออกจากร่างของเขาไปห่อหุ้มโจวเหว่ยชิงเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นพลังจากคัมภีร์หลุมบรรจุมณีรั่วไหลออกมา อย่างไรซะ แถวๆ นี้ก็มีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก หากคลื่นพลังจากคัมภีร์รั่วไหลออกมา มันอาจจะไปดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ และสร้างปัญหาให้กับพวกเขาได้โดยไม่จำเป็น “กดมันเข้าไปบนคันธนูราชันย์  เหนือหลุมบรรจุมณีเดิมประมาณหนึ่งนิ้ว” ฮูเหยียนเอ้าป๋อร้องบอกเขา

แสงวูบวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของโจวเหว่ยชิงขณะที่เขาส่งปราณสวรรค์ไปหล่อเลี้ยงธนูราชันย์และคัมภีร์หลุมบรรจุมณี เขาใช้มือซ้ายกดคัมภีร์ลงไปที่คันธนูตามคำแนะนำของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เมื่อของทั้งสองชิ้นสัมผัสกัน ร่างของโจวเหว่ยชิงก็พลันสั่นสะท้านเช่นเดียวกับคันธนูราชันย์ในมือ จากนั้นไม่นานเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคัมภีร์หลุมบรรจุมณีเริ่มหลอมรวมเข้ากับธนูราชันย์และค่อยๆ เกิดหลุมบรรจุมณีขนาดเล็กขึ้นในตำแหน่งเดียวกัน

สาเหตุหนึ่งที่คัมภีร์หลุมบรรจุมณีมีราคาแพงมากเป็นเพราะอัตราความสำเร็จที่แน่นอนของมัน แม้ว่าคัมภีร์นี้จะสร้างได้ยากมาก แต่มันก็ค่อนข้างใช้งานง่ายและถือว่าเป็นสมบัติที่หายากมากเช่นกัน จะมีจ้าวมณีสวรรค์คนไหนไม่อยากมีหลุมบรรจุมณีเพิ่มบนศาสตรามณียุทธ์ของพวกเขาบ้าง? หากระดับปราณสวรรค์และจำนวนมณีสวรรค์เป็นเครื่องมือพื้นฐาน(hardware)สำหรับศาสตรามณียุทธ์ ทักษะที่เก็บไว้ก็คือชุดคำสั่ง(software) เครื่องมือพื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่บ่อยครั้งชุดคำสั่งก็เป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดผลลัพธ์ของการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ระหว่างจ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกัน

เมื่อโจวเหว่ยชิงรู้สึกได้ว่าพลังปราณสวรรค์ของตนถูกใช้ไปประมาณ 1 ใน 3 ส่วนแล้ว เขาก็ได้ยินเสียง *ตึง* เบาๆ จากนั้นคัมภีร์หลุมบรรจุมณีก็ได้หลอมรวมเข้ากับธนูราชันย์อย่างสมบูรณ์ แสงสีทองตรงเข้าไปห่อหุ้มคันธนูทั้งหมดก่อนจะอาบไล้ไปรอบๆตัวมันทันที ในชั่วพริบตาต่อมาธนูราชันย์ก็หายไปและเปลี่ยนกลับเป็นหยกน้ำแข็งที่อยู่หมุนรอบข้อมือขวาของเขาอย่างเคย

“สำเร็จแล้ว!” ฮูเหยียนเอ้าป๋ออุทานด้วยความโล่งใจ แม้จะรู้ว่าตามทฤษฎีนั้นคัมภีร์หลุมบรรจุมณีของเขาจะต้องหลอมรวมสำเร็จแน่นอน ทว่าเขาก็ยังไม่มั่นใจจนกว่าจะได้เห็นกับตาว่ามันสำเร็จจริงๆ “หลังจากเพิ่มหลุมบรรจุมณีแล้วเจ้าจะไม่สามารถใช้งานธนูราชันย์ได้ไปอีก 3 วันเพราะต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูเพื่อให้หลุมบรรจุมณีหลุมที่ 2 ประสานกันให้เสร็จสมบูรณ์”

โจวเหว่ยชิงตอบด้วยสีหน้าเบิกบานใจว่า “ ขอบคุณท่านอาจารย์!”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อโบกมือและพูดว่า “เจ้าเดินทางมาไกลแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าเองก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน” เมื่อพูดจบ ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็เดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องนอนของเขาทันที โจวเหว่ยชิงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้ฮูเหยียนเอ้าป๋อจะมีพลังปราณสวรรค์อยู่ในระดับสูงส่ง แต่ทว่าจังหวะการย่างก้าวของเขาก็ยังคงดูสั่นๆ แสดงให้เห็นว่า 2 ปีที่ผ่านมานี้เขาทุ่ม เทพลังกาย และพลังใจไปกับของชิ้นนี้มากแค่ไหน

เดิมทีโจวเหว่ยชิงคิดว่าด้วยความเหนื่อยล้าของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เขาคงจะต้องหนีไปพักผ่อนอย่างน้อยสัก 2-3 วัน  แต่ทว่าในเช้าวันรุ่งขึ้นเขากลับถูกอาจารย์ปลุกตั้งแต่รุ่งสาง

หลังจากรับประทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็พาโจวเหว่ยชิงไปยังห้องที่เขาพักก่อนหน้านี้ ในห้องมีโต๊ะตัวเล็กตั้งอยู่ ข้างบนนั้นมีอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ วางเอาไว้เป็นจำนวนมาก โจวเหว่ยชิงพลันคิดกับตัวเองว่า อาจารย์นี่ช่างกระตือรือร้นจริงๆ!

เห็นได้ชัดว่าร่างกายของฮูเหยียนเอ้าป๋อยังไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดีนัก เขายังพักผ่อนไม่เพียงพอที่จะฟื้นตัวได้เต็มร้อย “เหว่ยน้อย ความสามารถของเจ้าโดดเด่นเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งไพฑูรย์ตาแมวสองสีที่มีทักษะธาตุชั้นยอดอยู่หลากหลายชนิดในนั้น อาจารย์ไม่อยากทำให้เจ้าต้องเสียเวลามากเกินไป ดังนั้นอาจารย์จึงหวังว่าเจ้าจะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวันเพื่อฝึกสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์  บทเรียนของเจ้าจะเริ่มตั้งแต่วันนี้”

ทันทีที่เขาเริ่มพูดถึงม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ นัยน์ตาของฮูเหยียนเอ้าป๋อก็ดูมีชีวิตชีวาพร้อมกับมีแสงระยิบระยับเกิดขึ้นในนั้น “ก่อนที่ข้าจะสอนวิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้กับเจ้า ข้าขอถามเจ้าหนึ่งอย่าง เจ้ารู้หรือไม่ว่ามณีพลังของพวกเราคืออะไร? หรือลองใช้ประโยคง่ายๆ อธิบายมณีพลังมาซิ”

โจวเหว่ยชิงกรุ่นคิดชั่วขณะและพูดว่า “มณีพลังเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายพวกเรา”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อยิ้มจางๆ และพูดว่า “เจ้าพูดถูก แท้จริงแล้วมณีพลังเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายพวกเรา พวกมันมีชีวิต ไม่ใช่แค่มณีธรรมดาๆ หรือก้อนหินก้อนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมณียุทธ์หรือมณีธาตุ เมื่อมณีพลังของเราตื่นขึ้น แท้จริงแล้วมันคือแก่นชีวิตแต่กำเนิดของเราที่ถูกปลดผนึกออกมาเพื่อมอบพลังให้กับเรา ข้าจะพูดถึงมณีธาตุในภายหลัง เนื่องจากตอนนี้ข้าจะให้ความสำคัญกับมณียุทธ์ก่อน สำหรับข้าแล้ว มณียุทธ์ก็เหมือนกับเลือดเนื้อ กระดูก อวัยวะภายใน หรือแม้แต่ตัวอ่อนทารกในร่างของเรา สำหรับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ สิ่งนี้จะเป็นตัวการทำให้อวัยวะพวกนั้นเติบโตขึ้นเป็นรูปร่างสุดท้ายที่เราต้องการ กล่าวได้ว่าเราเป็นเหมือนช่างฝีมือที่ป้อนกระดาษเขียนโครงร่างลงในมณียุทธ์  ทำให้มันก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างตามที่เราออกแบบเอาไว้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มันปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ดีที่สุด สำหรับการออกแบบเช่นนี้จำเป็นต้องมีการป้อนพลังปราณสวรรค์ธาตุมิติลงไปด้วย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทักษะธาตุพื้นฐานของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จึงเป็นธาตุมิติ”

“เจ้ายังจำได้ใช่ไหมว่าข้ารู้สึกตื่นเต้นเพียงใดตอนที่รู้ว่าเจ้ามีทั้งทักษะธาตุมิติและธาตุลม นั่นเป็นเพราะทักษะธาตุลมจะช่วยให้การสร้างคัมภีร์ของเจ้าเร็วขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะธาตุลมยังช่วยให้เจ้าควบคุมงานของเจ้าได้ดีกว่ามณียุทธ์ประเภทความว่องไวเนื่องจากเจ้าสามารถควบคุมมันได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น ทุกครั้งที่เจ้าสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ เจ้าจะสามารถทำงานเสร็จได้เร็วมากกว่าคนอื่น และเจ้าก็ยังสามารถเร่งความเร็วขึ้นได้อีกหากผ่านฝึกฝนให้มากขึ้น ซึ่งนั่นก็จะเหมือนเจ้าลงแรงทำงานไปเพียงครึ่งเดียว แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าถึง 2 เท่า”

“เมื่อเหล่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ฝึกฝนการสร้างคัมภีร์พวกนี้ พวกเขาจะถูกปิดกั้นด้วยความเข้าใจผิดบางอย่าง นั่นคือการมุ่งมั่นปรับปรุงคุณภาพแต่ไม่สนใจเรื่องความเร็ว อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วข้ารู้สึกว่าวิธีนี้ไม่ถูกต้อง จากมุมมองของข้านั้นคุณภาพและความเร็วมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ตัวอย่างเช่น แม้ว่าเจ้าจะสามารถสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่ดีที่สุดขึ้นมาได้ แต่ชั่วชีวิตนี้เจ้าสร้างได้เพียงชิ้นเดียว แล้วนั่นจะนับเป็นประโยชน์อะไรได้? แม้ว่าเจ้ามณีจะมีจำนวนน้อย แต่ก็ไม่ได้ถือว่าน้อยเกินไป อีกทั้งการได้มาซึ่งศาสตรามณียุทธ์ก็มีข้อแม้มากมายเหลือเกิน จ้าวมณีหลายคนไม่อาจหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์กับมณีของพวกเขาได้ทั้งหมดเพราะไม่มีเงินพอซื้อคัมภีร์พวกนั้น”

เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ เสียงของฮูเหยียนเอ้าป๋อก็แข็งกร้าวขึ้น “ความฝันของข้าคือวันหนึ่งจ้าวมณีทุกคนจะมีม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ใช้กันอย่างเพียงพอ…”

“เหว่ยน้อย ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับพื้นฐานของการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์…”

…………………………