ตอนที่ 78 โจมตียามค่ำคืน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 78 โจมตียามค่ำคืน

ฉากเงียบสงบยามค่ำคืน แมลงฤดูร้อนส่งเสียงเรียก แมลงฤดูใบไม้ร่วงส่งเสียงร้อง ดังเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งซีซาน

ซูม่อถือน้ำเต้าสุราไว้ในมือและมองออกไปยังที่มืดมิด หวนนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้น

เมื่อครั้นที่ไป๋ยู่เหลียนเดินทางมาหาเขาและเอ่ยว่าพบเจอชายหนุ่มผู้น่าสนใจผู้หนึ่ง เขาผู้นั้นมีความคิดแตกต่างไปจากผู้อื่น หลังจากรับรู้ฐานะตัวตนของชายผู้นั้น เดิมทีซูม่อไม่เชื่อเขาเท่าไรนัก

ในโลกนี้จะมีบุตรชายเจ้าของที่ดินคนใดคอยเป็นห่วงเป็นใยและคิดช่วยเหลือผู้ยากจนกัน ?

พวกเขามีแต่ขูดรีดบรรดาผู้เช่าที่ดินเพาะปลูก อีกทั้งยังยินยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อความสุขให้ตนเอง แต่กลับมิยอมให้แม้แต่อีแปะเดียวตกมาถึงผู้ยากจน สิ่งเหล่านี้มิใช่เพราะซูม่อมีอคติต่อเจ้าของที่ดิน แต่โลกนี้เป็นเยี่ยงนี้จริง ๆ

แม้ไป๋ยู่เหลียนจะเอ่ยนานาสารพัดก็ไม่สามารถทำให้ซูม่อเปลี่ยนความคิดไปได้แม้แต่น้อย

ดังนั้นทั้งสองจึงได้ทะเลาะวิวาทกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ และให้คำมั่นว่าหากไป๋ยู่เหลียนชนะ ซูม่อจะต้องเดินทางไปคุ้มครองชายหนุ่มผู้นั้น อีกทั้งต้องถ่ายทอดวิชากำลังภายในให้เขาด้วย แต่หากไป๋ยู่เหลียนพ่ายแพ้ก็จะต้องหายไปจากรอบกายชายหนุ่มผู้นั้น โดยไม่กลับไปอีก

และสุดท้ายเขาก็เป็นผู้แพ้

จึงได้เดินทางมาที่แห่งนี้และพบเจอกับฟู่เสี่ยวกวน

จากวันนั้นจวบจนบัดนี้เป็นเวลา 2 เดือนแล้ว เขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากความประหลาดใจเป็นความชื่นชม

ชายหนุ่มผู้นี้แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆ !

บัดนี้เขาจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ยู่เหลียนจึงได้ต่อสู้แบบไม่คิดชีวิตกับเขา อีกทั้งเพิ่งเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางไปตะวันตกด้วยเหตุผลใด

ไป๋ยู่เหลียนเดิมพันด้วยชีวิต !

เดิมพันนี้ยิ่งใหญ่นัก ไป๋ยู่เหลียนมีแววตาแหลมคมยิ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้หากเขาช่วยอีกแรงจะเป็นไรไป ?

ซูม่อตัดสินใจแน่วแน่ เขาเปิดน้ำเต้าสุราออกแล้วดื่มเข้าไป สายตามองไปยังกำแพงด้านนอกจวน

ชีหยวนหมิงนำพาคนชุดดำประมาณ 20 คนมายังเรือนซีซาน พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเนื่องจากได้รับข้อมูลมาว่าทหารยามของเรือนซีซาน 300 คนได้เดินทางจากไปเมื่อช่วงบ่าย ดังนั้นพวกเขาจึงรอเวลากระทั่งดึกดื่นก่อนจะลงมือ

จางเพ่ยเอ๋อกระโดดน้ำปลิดชีพตน ร้านสุราของชีหยวนหมิงต้องปิดตัว อีกทั้งบรรดาอาจารย์กลั่นสุราก็ถูกเรือนซีซานซื้อตัวมา ทั้งหมดนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือฟู่เสี่ยวกวน !

สูตรกลั่นสุราปลอมใบนั้นมิได้ทำให้ตระกูลชีของเขาสิ้นเนื้อประดาตัว หากแต่ทำให้ตระกูลเขาต้องอับอาย

การป่าวประกาศต่าง ๆ นานา เอ่ยถึงสุราเลิศรสจนล้นฟ้า แต่พอถึงวันที่สิบห้าเดือนแปดกลับเงียบไร้วี่แวว ชาวหลินเจียงได้ด่าทอพวกเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน

เช่นนี้ใครจะไปทนอยู่เฉย ๆ ได้กัน ?

จางเพ่ยเอ๋อที่เป็นตัวบงการเรื่องนี้กลับตัดสินใจกระโดดน้ำปลิดชีพตนไปอย่างง่ายดาย ทิ้งไว้เพียงตระกูลชีที่ต้องแบกรับความผิดนี้แต่เพียงผู้เดียว

หัวหน้าตระกูลชีจะนิ่งดูดายได้หรือ ? สุดท้ายแล้วเขาได้กำจัดหลานชายคนโต ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งออกจากตระกูลไป

นับจากวินาทีนั้น ในสมองของชีหยวนหมิงก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

หากเขาสามารถเอาชนะฟู่เสี่ยวกวนด้วยสุราได้ก็คงเป็นเรื่องดี แต่เขาไม่มีสูตรปรุงสุราใหม่ ดังนั้นเขาจึงได้คิดแผนการแก้แค้นใหม่ นั่นก็คือฆ่าฟู่เสี่ยวกวนเสีย !

เขานั่งวางแผนการมานับสิบวัน และใช้เงินซื้อตัวชาวลวี่หลินมา 20 คน จากเดิมคาดว่าเมื่อฟู่เสี่ยวกวนเดินทางพวกเขาก็จะลงมือ แต่ยังมิมีโอกาสที่เหมาะสม เนื่องจากเขาไม่มีหูตาในจวนฟู่ และเมื่อฟู่เสี่ยวกวนเดินทางกลับหลินเจียงก็แทบไม่ได้ออกจากจวนเลย

ที่เรือนซีซาน ณ หมู่บ้านเซี่ยชุนก็ยิ่งแล้วใหญ่ เนื่องจากที่นั้นมีผู้คุ้มกันหลายร้อยคน

แต่ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง ฟู่เสี่ยวกวนคงเสียสติไปแล้ว เขารับช่วยเหลือผู้ประสบภัย !

และส่งผู้คุ้มกันทั้งหมดเดินทางออกไปรับพวกเขา !

เพราะฉะนั้นในค่ำคืนนี้ที่เรือนซีซานจึงเงียบสงบไร้ผู้คุ้มกัน

ส่วนบรรดาชาวบ้านรักษายามนั้นจะไปสู้ชาวลวี่หลินได้อย่างไร เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้ยินเสียงการต่อสู้ คาดว่าก็คงหนีไม่ทันเสียแล้ว

ส่วนตัวฟู่เสี่ยวกวน พูดกันตามตรงชีหยวนหมิงไม่เคยแม้แต่จะคำนึงถึง

บุตรชายเศรษฐีที่ดินคนหนึ่ง มีชีวิตการกินอยู่แสนสุขสบาย จะเอ่ยว่าแขนของเขาบอบบางราวกับลูกนกก็ว่าได้

จากการคาดเดานี้ฟู่เสี่ยวกวนคงไม่รอดแน่นอน

ชีหยวนหมิงนั้นมิได้เข้าไป เนื่องจากตัวเขาเองก็บอบบางเช่นกัน เขายังคงยืนอยู่ที่ภูเขา รอชาวลวี่หลินเหล่านั้นตัดหัวฟู่เสี่ยวกวนกลับมา

“เจ้าก็มีวันนี้สินะ ! ” ดวงตาของชีหยวนหมิงแดงก่ำ

……

……

ซูม่อมองเห็นมีผู้บุกรุกลอยตัวเข้ามาจากกำแพงภายนอก เขาขมวดคิ้วและเก็บสุราไว้ที่เอว ในใจนึกไปว่าสุดท้ายก็มีเรื่องให้ทำเสียที

เขาย่างก้าวออกไป เหมือนนกฮูกยามค่ำคืน ดาบนั้นกวัดแกว่งไปทางผู้มาเยือน

นับว่าเป็นโชคร้ายของเขาผู้นั้น เขาได้ยินชีหยวนหมิงกล่าวว่าในเรือนมิเหลือผู้ใดที่มีวิชาอยู่เลยแม้แต่ผู้เดียว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ป้องกันตัว ดาบนั้นบินมาอย่างรวดเร็วและปักเข้าที่กลางอก

เมื่อชักดาบออก เลือดสด ๆ ก็ทะลักพุ่งออกมา เขาจึงได้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตกจากกำแพงลงไปตายแน่นิ่ง

เมื่อผู้อื่นได้ยินเสียงนั้นจึงได้สังเกตว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่กำแพง

เขาคือยอดฝีมือ !

มีคนสั่งการออกไปว่า ให้ห้าคนที่เหลือมาช่วยเขารุมโจมตีมัน จะต้องตัดหัวมันมาให้สุนัขกิน !

ดังนั้นพวกเขาหกคนจึงมุ่งตรงไปยังซูม่อทันที และอีกสิบกว่าคนก็เข้าไปยังเรือนภายใน

ชาวบ้านกว่าร้อยคนที่อยู่ด้านนอกเรือนล้วนเหนื่อยล้ามาทั้งวัน บัดนี้พวกเขาได้นอนหลับลึก อีกทั้งระยะทางก็ห่างกันมากจึงไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เหล่านี้

ซูม่อขมวดคิ้วขึ้น ภายในเรือนมีคนที่เก่งกาจกว่าเขาอยู่หลายเท่า เช่นนั้นควรกำจัดหกคนนี้เสียก่อนค่อยตามเข้าไป

สตรีผู้มีฝีมือผู้นั้นบัดนี้ยืนอยู่ที่ระเบียงของชั้นสอง เมื่อเห็นผู้บุกรุกเข้ามาก็กระโดดลงไปโดยมิได้ยั้งคิด มือนางรีบคว้าดาบตวัดออกไป จากนั้นก็ปรากฏศีรษะของผู้ใดสักคนในกลุ่มของชาวลวี่หลินร่วงหล่นลงมา

ผู้ที่ตามเข้ามาเห็นดังนั้นก็พากันแตกตื่น ให้ตายสิ ใครกันบอกว่าไม่มีผู้มีฝีมือหลงเหลืออยู่แล้ว ?

เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้พวกเขาจะทำอย่างไรได้ จึงมีคนเอ่ยขึ้นว่า “ฆ่ามัน ! ”

เสียงดาบกระทบกันดังเคร้ง ๆ……

เสียงกระทบกันของเหล็กอีกทั้งเสียงร้องโหยหวน ทำให้ค่ำคืนอันเงียบสงบถูกขัดจังหวะลง ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วแล้วเดินออกมา

หวางเอ้อ หวางเฉียงก็แอบเปิดประตูออกมาดู ในมือของพวกเขาถือมีดทำครัวและขวานผ่าฟืน

หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานเองก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน จากเดิมที่หลับสนิทบัดนี้พวกนางได้ตาสว่าง

บรรดาผู้มาเยือนคนหนึ่งมองไปยังชั้นสองแล้วตะโกนว่า “พวกเจ้าจงรั้งเอาไว้ ข้าจะไปตัดหัวมันมา ! ”

จากนั้นเขาก็กำดาบไว้ในมือแน่น “มอบชีวิตเจ้ามาซะ ! ”

เขายกดาบขึ้นจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปยังระเบียงชั้นสองและฟันดาบลง

“กรี๊ด……!” เสียงร้องของต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวิน

ดาบนั้นกำลังจะฟันลงมาเหนือศีรษะฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนเอี้ยวตัวหลบและปล่อยหมัดออกไปอย่างจัง

“พลั่ก ! ”

“อ๊าก ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนกระโดดลงไปจากชั้นสอง จากนั้นกำหมัดแน่น

“ไปตายซะ ! ”

ผู้บุกรุกคนนั้นนอนตายตาไม่หลับ หมัดหนึ่งซัดเข้าที่กลางตัว อีกหมัดหนึ่งต่อยเข้าที่ลำคอ ตอนที่เขาตายไปตัวของเขายังคดงอเหมือนกับกุ้งที่ถูกต้ม

ซูม่อจัดการกับหกคนด้านนอกเรียบร้อยแล้วก็ลอยตัวเข้ามาด้านใน ทั้งสองคนช่วยกันจัดการในไม่กี่นาทีผู้บุกรุกจำนวน 24 คนถูกพวกเขาปลิดชีพไปเสีย 20 คน

อีกหนึ่งคนถูกฟู่เสี่ยวกวนต่อยจนตาย และอีกหนึ่งคนถูกหวางเฉียงกับหวางเอ้อใช้มีดแทงจนตาย

อีกสองคนนั้นหนีไปได้ ทิ้งไว้เพียงแขนสองข้าง

เสียงการต่อสู้ที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ อี้หยู่ได้ยินเข้าจึงนำกำลังคนนับร้อยกรูเข้ามา แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือซากศพกลาดเกลื่อน

“คุณชาย ! ”

“ข้าไม่เป็นอะไร ในเมื่อพวกเจ้าตื่นขึ้นมาแล้ว คงต้องรบกวนช่วยจัดการเก็บกวาดเสียหน่อย”