เจียงป่าวชิงไปดูสถานการณ์ที่ร้านยาของเกิ่งจื่อเจียง และพบว่ายาต้านโรคไข้หวัดขายดีมาก นั่นทำให้ชื่อเสียงร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงเผยแพร่ออกไปเช่นกัน
เป็นธรรมดาที่ยาต้านโรคไข้หวัดจะดึงกระแสมาให้ร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงเป็นอย่างดี แต่เกิ่งจื่อเจียงเป็นคนที่รู้จักประมาณตน เขารู้ว่าตัวเองเข้าใจเรื่องทักษะการรักษาโรคเล็กน้อย โรคบางโรคที่เขาตรวจไม่ได้ เขายังคงผลักไปให้สถานที่ให้บริการรักษาโรคใหญ่ ๆ อย่างเช่นห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิ เพื่อจะได้ไม่ทำให้อาการป่วยของคนอื่น ๆ ล่าช้า
ไป ๆ มา ๆ พวกผู้ป่วยแถวนี้ก็เริ่มรู้สึกกันว่าหมอเกิ่งคนนี้จริงใจอยู่พอสมควร ธุรกิจร้านขายยาเล็ก ๆ ที่เดิมทีรับปรึกษาเรื่องโรคต่าง ๆ ของเกิ่งจื่อเจียงจึงดีกว่าเมื่อก่อนมาก
เห็นดังนั้น เจียงป่าวชิงก็เก็บเงินปันผลมาอย่างสบายใจ จากนั้นนางก็ไปที่ร้านขายพู่กันกับหมึกเพื่อซื้อกระดาษแผ่นใหญ่ให้เจียงหยุนชาน
กระดาษที่เอามาจากบ้านกงจี้ยังมีเหลืออยู่ในบ้าน แต่เจียงหยุนชานรู้สึกว่ามันล้ำค่าเกินไป เขาจึงใช้อย่างประหยัด ส่วนใหญ่เขาจะใช้แท่งไม้ทำโต๊ะทรายบนพื้นเพื่อฝึกเขียนตัวอักษรและเขียนบทความ
เจียงป่าวชิงเคยบอกเขาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งเจียงหยุนชานจะตอบตกลงเสมอ ทว่าเมื่อผ่านไปเขาก็ยังคงไม่กล้าใช้อยู่ดี
เจียงป่าวชิงรู้สึกจนปัญญาจึงต้องถือโอกาสออกมาในครั้งนี้ เพื่อซื้อกระดาษธรรมดา ๆ ให้เจียงหยุนชานได้ใช้ฝึกฝนในชีวิตประจำวัน
ระหว่างทางกลับชีหลี่โว อาจเป็นเพราะซุนต้าหูนึกถึงเรื่องของป๋ายรุ่ยฮัว เขาจึงมีความกลุ้มใจอยู่พอสมควร เมื่อถึงทางเข้าชีหลี่โว ร่างร่างหนึ่งก็เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแสดงท่าทางราวกับพบเรื่องดีเกินคาดอย่างไรอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงเห็นเข้า นางก็รู้สึกคุ้นหน้าคนคนนี้เป็นอย่างยิ่ง
เขาคือซุนต้าตงที่สมรู้ร่วมคิดกับเจียงต้ายาโดยเขาจะเข้าไปในห้องของเจียงป่าวชิงในตอนกลางดึกเพื่อทำเรื่องเลวทราม ต่อมา เขาก็หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของฝูฉูแต่สุดท้ายก็ถูกไป๋จีโยนออกไปคนนั้นอย่างไรเล่า
ซุนต้าตงถูมือไปมา ใบหน้าที่เหมือนโจรเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ควบคุมไม่ได้ เขาจุ๊ปากแล้วพูดเสียงต่ำออกมาว่า “พี่หู กลับมาจากตลาดแล้วรึ ?”
ซุนต้าตงเป็นพี่น้องตระกูลเดียวกันกับซุนต้าหู แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ซุนต้าหูมักจะอ่อนโยนกับเขาที่เป็นน้องชายตระกูลเดียวกันอยู่เสมอ
ซุนต้าหูพยักหน้าขานรับ “อืม ต้าตง เจ้ามีธุระอะไรหรือ ?”
ซุนต้าตงมองเจียงป่าวชิงอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย ตอนนี้คนบนรถกำลังทยอยกันลงจากรถ ด้วยความที่เจียงป่าวชิงนั่งอยู่ข้างใน นางจึงลงจากรถเป็นคนสุดท้าย
เจียงป่าวชิงไม่สนใจซุนต้าตง นางลงจากรถอย่างคล่องแคล่วว่องไว ในตอนที่นางกำลังจะหันไปเอากระดาษที่วางอยู่บนรถ ซุนต้าหูก็รีบหมุนตัวไปช่วยทันที เขาเอื้อมมือที่ยาวเรียวของเขาและช่วยเจียงป่าวชิงหยิบกระดาษลงมาจากบนรถ
เจียงป่าวชิงขอบคุณแล้วรับกระดาษมาจากในอ้อมแขนของซุนต้าหู
“ชักช้าจริง” ซุนต้าตงบ่นออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กดเสียงและเร่งซุนต้าหูด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจ “พี่หู รีบกลับบ้านกับข้า ข้าขอยืมเงินพี่หน่อย”
เจียงป่าวชิงรู้ว่าถึงแม้ว่าซุนต้าหูจะทำงานเก่งมากเพียงใด และเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่มีรถล่อในการใช้ลากของ แต่เขากลับเก็บเงินไม่อยู่ นอกจากเขาจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์และเรียกราคาค่าโดยสารถูกแล้ว ยังเป็นเพราะซุนต้าตงน้องชายร่วมตระกูลที่ไม่เอาไหนคนนี้นี่แหละที่มักจะมายืมเงินเขาบ่อย ๆ
อย่าว่าแต่เจียงป่าวชิงเลย แม้แต่เจียงหยุนชานก็ยังเคยเห็นซุนต้าตงมาหาซุนต้าหูเพื่อยืมเงินอยู่หลายครั้งเช่นกัน
สองพี่น้องเคยพูดเตือนซุนต้าหูอย่างอ้อมค้อมแล้วว่าถึงอย่างไร… ตามปกติแล้วซุนต้าตงก็ว่างการว่างงาน ทั้งยังขโมยไก่กับหมาของชาวบ้านบ่อย ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ เขายังรวมตัวกับคนเสเพลในหมู่บ้านเพื่อเล่นการพนันต่าง ๆ แทบไม่เว้นแต่ละวัน การที่จะให้เงินเขา สู้เอาเงินไปโยนลงน้ำเพื่อฟังเสียงมันเสียยังจะดีกว่า
แต่ถึงอย่างไร ซุนต้าตงก็เป็นน้องร่วมตระกูลของซุนต้าหู และในอดีต ซุนต้าหูเคยได้รับการดูแลโดยพ่อแม่ของซุนต้าตง ทุกครั้งที่ซุนต้าตงมาเอาเงินซุนต้าหูไป เขาจะพูดจาไพเราะน่าฟังเหมือนกับว่าถ้าได้เงินแล้ว เขาจะประพฤติตัวใหม่ทำนองนั้น ดังนั้น เวลาซุนต้าหูมีเงินเหลือ เขาก็มักจะถูกซุนต้าตงพูดกล่อมและเอาเงินไปในที่สุด
เจียงป่าวชิงกอดกระดาษและจ้องซุนต้าตงตาเขม็ง ทว่าซุนต้าตงไม่มองนางเนื่องจากตอนนี้เขาดีใจจนคอแดงไปหมดแล้ว จากนั้นเขาก็เร่งให้ซุนต้าหูกลับไปเอาเงินที่บ้าน
แม้ว่าเขาจะกดเสียงพูดให้เบามากเพียงใด แต่เจียงป่าวชิงยังคงได้ยินที่เขาพูดอย่างราง ๆ อยู่ดี “พี่หู เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขชั่วชีวิตของน้องชายพี่เลยนะ ข้าจะแต่งเมียกลับไปได้หรือไม่ก็อยู่ที่พี่หูแล้ว”
ซุนต้าหูได้ยินว่าซุนต้าตงจะแต่งเมีย ความดีใจเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา “ต้าตง คนที่บ้านขอเมียให้เจ้าแล้วรึ ? ตระกูลไหน ? แล้วขอได้หรือยัง ?”
ซุนต้าตงเผยรอยยิ้มภูมิใจออกมาให้เห็น “พี่ต้าหู พี่เองก็รู้จักนางผู้นั้น ก็ป๋ายรุ่ยฮัว แม่หม้ายที่มีน้ำมีนวลคนนั้นอย่างไรเล่า!”
ได้ยินดังนั้น ซุนต้าหูก็ตกตะลึงไปทันที “หืม ? สะใภ้ตระกูลป๋ายอย่างนั้นรึ ?”
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ไหนว่าตระกูลป๋ายจะขายนางไปที่ภูเขาแห้งแล้งไม่ใช่หรืออย่างไร ?
ซุนต้าตงตบขาดังฉาด บนใบหน้าของเขามีความตื่นเต้นที่ปกปิดไม่ได้ทาบทาอยู่ จากนั้นเขาก็เริ่มพูดอวดเป็นต่อยหอย “นี่เป็นเรื่องบังเอิญมาก ก่อนหน้านี้ป๋ายเหล่าซานได้พูดเรื่องแต่งงานของแม่หม้ายคนนั้นให้กับครอบครัวที่อยู่ในภูเขาแห้งแล้ง พวกเขาต้องการค่าสินสอดเป็นเงินห้าตำลึง แต่ต่อมาครอบครัวที่อยู่ในภูเขาแห้งแล้งนั้นเจอคนที่เรียกค่าสินสอดถูกกว่า ทั้งยังเป็นสาวใหญ่อีกด้วย พวกเขาจ่ายเงินสองตำลึงก็สู่ขอแม่นางสาวใหญ่คนนั้นกลับไปได้แล้ว นี่ก็เท่ากับว่าพวกเขาไม่ต้องการแม่หม้ายตระกูลป๋ายคนนั้นแล้ว ป๋ายเหล่าซานโกรธมาก เขาบอกว่าจะขายแม่หม้ายคนนั้นไปที่ซ่องโสเภณี…”
“พี่หูดูสิว่าข้าหวังดีขนาดไหน พอข้าได้ยินเรื่องนี้จากที่นั่น แล้วข้าก็เห็นว่าแม่หม้ายตระกูลป๋ายมีน้ำมีนวลมาก ซึ่งถ้าถูกขายไปที่ซ่องโสเภณีก็คงจะเป็นการเหยียบย่ำนางอยู่พอสมควร ข้าจึงปรึกษากับป๋ายเหล่าซาน และป๋ายเหล่าซานเขาก็บอกมาว่าถ้าข้าต้องการแม่นางป๋าย ข้าจะต้องจ่ายเงินห้าตำลึงให้ไหว ถ้าไหว คืนนี้เขาก็จะให้แม่นางป๋ายไปอุ่นเครื่องที่บ้านข้าเลย”
“เฮ้! พี่หู พี่ไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ เมื่อก่อนแม้หม้ายตระกูลป๋ายน่ะเอาแต่ก้มหน้าไปวัน ๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมาให้เห็น แต่วันนี้พอดูดี ๆ กลับพบว่างดงามเกินจะรับไหวจริง ๆ ไอ้ขี้โรคของตระกูลป๋ายคนเดิมคนนั้นช่างมีโชคจริง ๆ ที่ได้เมียสวยขนาดนี้… ฮ่า ๆ พี่หู พี่รีบไปเอาเงินห้าตำลึงให้ข้าเร็ว ๆ เลย คืนนี้น้องชายของพี่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว”
ซุนต้าหูไม่เคยคิดมาก่อนว่าป๋ายเหล่าซานจะกำเริบขนาดนี้ได้
เขาขมวดคิ้ว “ต้าตง เจ้า… ข้าว่าเป็นเช่นนี้ไม่เป็นการดีสักเท่าไหร่ แล้วสะใภ้ตระกูลป๋าย นางยอมที่จะมาเป็นเมียเจ้าหรือ ?”
ซุนต้าตงได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก เขาชำเลืองมองซุนต้าหูเล็กน้อย “พี่หู ดูที่พี่พูดสิ ข้าไม่ชอบใจแล้ว พอแม่หม้ายตระกูลป๋ายได้ยินว่าจะต้องถูกขายไปที่ซ่องโสเภณี เดิมทีนางก็ร้องไห้จนยืนแทบไม่ไหว แต่พอข้าออกมาบอกว่าจะสู่ขอนาง นางก็ซาบซึ้งในบุญคุณของข้ามาก จนแทบจะคุกเข่าให้ข้าอยู่แล้ว อีกอย่าง หญิงมั่วโลกีย์ที่มีลูกติดอย่างนาง พอเห็นข้ายอมจ่ายเงินห้าตำลึงเพื่อซื้อนางกลับไปและไม่ให้นางไปรับแขกในซ่องโสเภณี เหตุใดถึงจะไม่ได้ เหตุใดนางถึงจะไม่ยอมเล่า ? นางน่ะเต็มใจมากเลยต่างหาก …พี่หู พี่จะถามให้มากความทำไม รีบกลับไปเอาเงินห้าตำลึงให้ข้าเร็วสิ หากว่าช้ากว่านี้แล้วป๋ายเหล่าซานยกแม่หม้ายนั้นให้คนอื่น ข้าจะทำอย่างไรล่ะ ?”
ซุนต้าหูไม่คิดว่าป๋ายรุ่ยฮัวจะยอมตกลง คิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายลงเล็กน้อย ทว่าเมื่อได้ยินว่าซุนต้าตงต้องการเงินห้าตำลึง คิ้วของเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากันอีกครั้ง “ประเดี๋ยวก่อนนะ ต้าตง ข้าเองก็ไม่มีเงินห้าตำลึงเช่นกัน”
ซุนต้าตงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เพียงแค่เงินห้าตำลึงเอง เหตุใดถึงไม่มี ? พี่หู! พี่อย่าขี้งกนัก นี่มันเกี่ยวกับการแต่งเมียของน้องชาย และเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเชียวนะ”
ซุนต้าหูลำบากใจมาก “ต้าตง พอเห็นข้าทีเจ้าก็ทยอยเอาเงินไปจากข้า ข้าเองก็มีเหลือให้เก็บไม่เท่าไหร่หรอก”
.