บทที่ 138 เดิมพันชีวิตนางสักครั้ง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

สีหน้าของหลินชิงเวยซีดขาว นางค้นหายาบนร่างกายอีกครั้ง พบว่าในอกเสื้อไม่มียาอีกแล้วจึงร้องลั่น “ล่วมยา ล่วมยาของข้าเล่า!”

นางไม่กล้าคิดว่าซินหรูจะมีสภาพเหมือนจ้าวเฟยในวันนั้น

แต่ในความจริงแล้วเป็นเช่นนั้น เลือดสดๆ ไหลพลั่งออกมาจากโพรงจมูกของซินหรู ดวงตาทั้งคู่ของซินหรูมีเลือดสดๆ ไหลออกมา จากนั้นก็คือใบหู

ไม่ได้ ต้องยับยั้งนาง หาไม่แล้วนางต้องตายแน่!

“พี่สาวข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ…” ซินหรูกดหน้าอกไว้ ร่างกายขดงอเป็นก้อนกลมๆ หายใจเข้าทีละเฮือก น้ำตาไหลออกมาปนเปกับเลือด นางร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง “พี่สาว ข้าไม่อยากเป็นเช่นจ้าวเฟย…ข้าไม่อยากตายอย่างน่ากลัวเช่นนั้น…”

“ไม่มีทาง พี่สาวไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตาย” หลินชิงเวยเพิ่งจะพบว่าในนาทีนี้นางเอาความเชื่อมั่นมารับรองว่าซินหรูจะไม่เป็นอะไรจากที่ไหนกัน? ไม่ นางไม่มีความมั่นใจ นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรดี

เซียวเยี่ยนย่อกายลงมาจี้สกัดจุดชีพจรของซินหรูไว้

แต่ทำเช่นนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้

ซินหรูเทียบเซียวเยี่ยนไม่ได้ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น หรือต่อให้นางมีพลังจิตก็ไม่มีประโยชน์ ด้วยในร่างกายนางมีหนอนที่เกิดใหม่ หนอนที่เกิดใหม่ต้องกัดกินอวัยวะภายในของนางจึงจะมีชีวิตรอดได้ ที่นางรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานเป็นเพราะอวัยวะทั้งห้าและหกของนางกำลังถูกหนอนกัดกิน

หลินชิงเวยเห็นใบหูเล็กๆ ของซินหรูเริ่มมีหยดเลือดปรากฏออกมา นางไม่อาจสนใจได้อีกแล้ว ในสมองนางมีเพียงความคิดเดียว ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมให้ซินหรูตายไปเช่นนี้ นางเหมือนจะวางเดิมพันชีวิตครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่นางก็ต้องลองดู

ดังนั้นหลินชิงเวยจึงหยิบเข็มเงินออกมาฝังเข็มเพื่อปกป้องหัวใจของซินหรูเอาไว้ก่อน นางเปิดแขนเสื้อของซินหรูปรากฏให้เห็นข้อมือที่เริ่มเขียวของนาง แล้วเรียกชิงหลันออกมา “เร็วเข้า กัดนางคำหนึ่ง เร็ว!”

ชิงหลันกระจ่างแจ้งในคำพูดของหลินชิงเวย มันพุ่งเข้าไปฝังคมเขี้ยวลงบนจุดชีพจรบนข้อมือของซินหรูคำหนึ่ง

“เซียวเยี่ยน รีบช่วยนางเดินพลังลมปราณ กระจายพิษให้ทั่วร่าง!”

เรื่องการใช้พิษถอนพิษเช่นนี้ก่อนหน้านี้หลินชิงเวยไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งหนอนในร่างกายของซินหรูยังไม่ใช่พิษ เช่นนี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าหนอนยังไม่ถูกฆ่าตาย ซินหรูจะถูกพิษงูตายเสียก่อน ดังนั้นนางจึงต้องปกป้องชีพจรหัวใจของซินหรูเอาไว้ก่อน

เซียวเยี่ยนเดินพลังลมปราณให้กับซินหรูอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการกัดกินของหนอน หรือพิษงูที่กระจายไปทั่วร่างล้วนทำให้ซินหรูได้รับความเจ็บปวดเหลือแสน ทั้งสองสิ่งนี้ปะทะกันอยู่ในร่างกาย นางเจ็บปวดเสียจนร่างกายกระตุก

พิษของงูกระจายอยู่ในกระแสเลือด เช่นนี้แล้วหนอนที่กัดกินอวัยวะภายในทั้งห้าและหกของนางล้วนต้องพิษไปด้วย

ขณะที่ซินหรูชักกระตุก หลินชิงเวยรีบหายาถอนพิษ แต่สมองอันเลอะเลือนของนางพบว่ายาถอนพิษทั้งหมดที่นางพกพาติดตัวได้ให้ซินหรูกินไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว

หลินชิงเวยอดที่จะคิดบีบคอตนเองให้ตายไม่ได้ ไม่มียาถอนพิษก็ถอนพิษงูไม่ได้ เช่นนี้แล้วต่อให้หนอนในร่างกายถูกสังหารตายหมด นางก็ต้องตายด้วย

“ไม่ จะต้องมีตกหล่นบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะกินหมดแล้ว…” หลินชิงเวยจึงหาตามพื้น ด้วยคิดว่าอาจจะพบยาถอนพิษที่ตกหล่นอยู่บ้าง

เซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อสักครู่นางได้กินยาถอนพาไปมากมายเช่นนั้น ฤทธิ์ยาในร่างกายยังคงมีอยู่กระมัง”

หลินชิงเวยตื่นตะลึง จากนั้นจึงค่อยๆ ได้สติ นางเห็นซินหรูค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ ทวารทั้งเจ็ดไม่มีเลือดไหลออกมาอีก แต่สีหน้าของซินหรูยังคงเขียวคล้ำอย่างน่ากลัว

นางราวกับต้องการยกมือขึ้นไปลูบหัวใจของตนเอง แต่ที่นั่นมีเข็มเงินฝังอยู่หลายเข็ม ซินหรูกัดฟันพูดว่า “พี่สาว หัวใจเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ…”

สมองของหลินชิงเวยร้อนวาบ ในเมื่อซินหรูได้กินยาถอนพิษเข้าไปมากมายเช่นนั้นน่าจะยังมีผลอยู่ หากนางยังคงปกป้องจุดชีพจรหัวใจของซินหรูเอาไว้ หากมีหนอนกำลังกัดกินหัวใจของนางเช่นนี้ย่อมไม่ได้ได้ผลอย่างที่นางต้องการ

หลินชิงเวยเดินเข้ามามองเข็มเงินนิ่งๆ นางเม้มปากแล้วค่อยๆ ดึงเข็มเงินออกทีละเล่ม!

ยามนี้นางกำนัลและขันทีวิ่งเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าขาวเผือด “แย่แล้ว! แย่แล้ว! มีคนบุกเข้ามาในตำหนักซวี่หยาง! คนผู้นั้น คนผู้นั้น…ร่างกายล้วนเน่าเปื่อยแล้ว!”

หลินชิงเวยกล่าว “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ห้ามให้ใครเข้าใกล้เขา หาไม่แล้วจะมีคนมากมายเป็นเหมือนเขา”

เซียวเยี่ยนยังไม่ออกคำสั่ง ขันทีพูดขึ้นอีกว่า “แต่ แต่เช่นนี้แล้วเขาก็จะเข้ามาในตำหนักซวี่หยาง!”

เซียวเยี่ยนพูดเรียบๆ “เช่นนั้นก็ให้เขาเข้ามาเถิด”

ทหารองครักษ์ชุดใหญ่หลีกทางให้กับคนผู้นั้น พวกเขาไม่กล้าขัดขวาง อีกทั้งเซ่อเจิ้งอ๋องเป็นผู้ถ่ายทอดคำสั่งลงมา เหล่าองครักษ์ไม่อาจไม่พรูลมหายใจโล่งอก ลำพังแค่คนผู้นั้นเดินผ่านมาก็ทำให้คนส่วนหนึ่งที่พบเห็นถึงกับอาเจียน

ต่อให้เป็นเช่นนี้ยังมีคนจดจำคนผู้นี้ได้ เสียงร้องขึ้นด้วยความตกใจ “เขาก็คือองครักษ์หลี่เหลียง!”

หลี่เหลียงเดินเข้าไปในตำหนักซวี่หยางโดยไม่ถูกขัดขวาง

เซียวจิ่นยังคงกังวลใจเล็กน้อย เซียวเยี่ยนเห็นว่ามีเงาร่างของคนกำลังจะเข้าประตูตำหนักมา เขาหันกลับมาอุ้มเซียวจิ่นกลับไปที่เตียงและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล ที่เหลือมอบให้ข้าจัดการ”

ที่จริงระหว่างอาหลานทั้งสองยังคงมีความห่างเหินอยู่บ้าง แต่คำพูดประโยคนี้ของเซียวเยี่ยนทำให้เซี่ยวจิ่นรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและเป็นที่พึ่งพิงอย่างยิ่งยวด ความเคอะเขินก่อนหน้านี้ที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างจึงอันตรธานหายไปสิ้น เซียวจิ่นพยักหน้ากล่าวว่า “เสด็จอาก็ต้องระวังตัวให้มาก”

เมื่อหลี่เหลียงเข้ามาในลานเรือน ซินหรูเพิ่งจะนอนลงไปอย่างสงบ นางเข้าสู่สภาวะหมดสติหลับลึก หลินชิงเวยรับรู้ได้ว่านางยังมีชีวิตอยู่แต่กลับมิอาจรับรู้ได้ว่าร่างกายของนางได้รับความเสียหายไปมากน้อยเท่าใด และไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาได้หรือไม่

แต่เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ หากพิษงูสามารถต่อต้านหนอนได้จริงๆ เช่นนั้นซินหรูย่อมต้องดีขึ้นแน่นอน

หลินชิงเวยจับชีพจรของซินหรูพบว่าชีพจรของนางเปลี่ยนจากสับสนวุ่นวายเข้าสู่สภาวะปกติ และพิษงูในร่างกายค่อยๆ ถูกยาถอนพิษสลายไป แต่สีหน้ายังคงไม่น่าดูอย่างยิ่ง

หลินชิงเวยอุ้มร่างของซินหรูขึ้นมา เซียวจิ่นตบที่นอนข้างกายของตนกล่าวว่า “ชิงเวย เจ้าอุ้มนางมาวางตรงนี้เถิด”

หลินชิงเวยตกตะลึง สภาพของซินหรูในยามนี้ไม่ว่าผู้ใดล้วนรังเกียจที่อยู่ร่วมกับนาง อีกทั้งนางเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง แต่สายตาของเซียวจิ่นจริงใจ หลินชิงเวยไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน จึงวางร่างของซินหรูไว้ข้างกายเขา แล้วกล่าวเสียงแหบพร่าเหนื่อยล้าว่า “ต้องรบกวนฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันดูสักหน่อยเพคะ”

เซียวจิ่นพยักหน้า “เจ้าวางใจเถิด” เขาเห็นว่าหลินชิงเวยจะออกไปเขาจึงดึงรั้งนางเอาไว้ “ชิงเวย ข้างนอกอันตราย เจ้าอย่าออกไปเลย”

หลินชิงเวยกล่าว “ฝ่าบาทวางใจเถิดหม่อมฉันออกไปดูสักหน่อย หม่อมฉันเกรงว่าเสด็จอาคนเดียวจะรับมือไม่ไหว ให้คนผู้นั้นเข้ามาในตำหนักบรรทมของฝ่าบาท นั่นเป็นเรื่องใหญ่เพคะ”

เซียวจิ่นครุ่นคิดสุดท้ายยังคงปล่อยนาง

หลินชิงเวยเดินออกไป เซียวจิ่นมองเงาร่างด้านหลังของนางด้วยสายตาสับสน

นางออกไปจากห้องยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเซียวเยี่ยนด้านนอกประตู เห็นหลี่เหลียงค่อยๆ เดินเข้ามาทีละน้อยๆ ทุกที่ที่เขาเดินผ่าน ไม่มีที่ใดที่เหล่านางกำนัลและขันทีจะไม่กรีดร้องเสียงแหลมแล้ววิ่งหนีลนลานไปทั่ว กระทั่งทำให้คนตกใจจนสิ้นสติไปกลุ่มหนึ่ง เหล่านางกำนัลร่วมแรงร่วมใจกันลากคนที่หมดสติออกไป