บทที่ 137 พลังจิตอันยิ่งใหญ่

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

หลินชิงเวยรู้สึกว่าหายใจลำบาก เมื่อนางมองหน้าเซียวเยี่ยน สีหน้าของเขาปราศจากความรู้สึกใดๆ

ซินหรูสั่นสะท้านอย่างรุนแรงทว่ากลับส่งเสียงอย่างยากลำบากทั้งที่นอนอยู่บนพื้น “ขอร้องท่าน…ขอร้องท่าน…ปล่อยพี่สาวของข้า…”

เซียวจิ่นประคองร่างกายของตนขึ้นมาพยายาที่จะลองลงจากเตียง คิดจะวิ่งมาช่วยหลินชิงเวย ทางหนึ่งร้องเสียงดังดวงตาแดงก่ำ “เซ่อเจิ้งอ๋อง! หากท่านกล้าสังหารนาง เจิ้นจะไม่มีวันอภัยให้ท่านตลอดชีวิต!”

เซียวเยี่ยนถูกกลืนกินสติสัมปชัญญะ หลินชิงเวยยังคงเชื่อว่าเขาไม่รู้ว่าเวลานี้เขากำลังทำอะไรอยู่ หลินชิงเวยเลิกดิ้นรนต่อสู้ นางอ้าปากทว่ากลับหายใจเอาอากาศเข้าไปไม่ได้ ดูเหมือนนนางจะถูกบีบให้ขาดอากาศหายใจตายแล้ว แต่…เช่นนั้นจะยอมตายได้อย่างไร…

หลินชิงเวยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กล่าวทั้งกัดฟันแน่นว่า “บุรุษที่ข้าต้องตาต้องใจย่อมดูไม่ผิด…เซียวเยี่ยน ท่านต่อสู้สักหน่อยแล้วอย่างไรเล่า นอกจากมันจะกลืนกินสติและความรู้สึกของท่านแล้ว มันจะทำอะไรท่านได้ ขอเพียงท่านเอาชนะมัน เอาชนะมันได้ก็ไม่ต้องเป็นหุ่นเชิดของผู้อื่น…”

หลินชิงเวยพูดอะไรไม่ได้อีก สีหน้านั้นแดงก่ำ ดวงตาฉาบไปด้วยน้ำชั้นหนึ่ง มองเซียวเยี่ยนนิ่งๆ

คำพูดของนางราวกับสายลมเย็นๆ สายหนึ่ง มันตรงเข้าไปในจิตใจของเซียวเยี่ยน พัดพาให้จิตใจที่อยู่ท่ามกลางหมอกควันของเขา เขาพบว่าตามคำพูดของหลินชิงเวยทุกประโยค เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจ เหมือนถูกเข็มแทงอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาของเขาเห็นคนที่อยู่เบื้องหน้าชัดเจน เขายังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกทุกข์ทรมานของนาง และยังรู้สึกได้ถึงความทุกข์ทรมานของตนเอง แต่เขาควบคุมมือและปลายนิ้วที่บีบคอของนางไม่ได้ เขาอยากปล่อยมือกลับมาแต่ปล่อยไม่ได้

“เซียวเยี่ยน…ท่านตื่นเถิด…” ขณะที่หลินชิงเวยใกล้จะหมดลมหายใจ ลมหายใจของเซียวเยี่ยนพลันแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นมั่นคง ราวกับเขาต่อสู้อย่างหนัก สีหน้าเจ็บปวดทุกข์ทรมานของเขา หลินชิงเวยยกปลายนิ้วขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ปลายนิ้วอันเย็นเยียบสัมผัสถูกมุมปากของเขา ทำให้เขาหยุดชะงักอีกครั้ง

นางเช็ดหยดเลือดบริเวณมุมปากของเขาเบาๆ

หลินชิงเวยรู้ว่าเซียวเยี่ยนยังมีความรู้สึกของตน เขาไม่ได้ถูกควบคุมทั้งหมด หาไม่แล้วฝ่ามือเมื่อสักครู่ย่อมเอาชีวิตน้อยๆ ของนางได้ ทว่าเขากลับยินยอมที่จะทำร้ายตนเองด้วยการดึงพลังลมปราณคืนในนาทีสุดท้าย

ดังนั้นนางเชื่อว่าเขาจะต้องดึงสติของเขากลับมาได้แน่นอน ไม่ถึงนาทีสุดท้ายนางไม่มีวันยอมถอดใจเด็ดขาด

สตรีในชุดแดงกระอักเลือดอีกครั้ง นางรับรู้ได้ว่าล้มเหลวอีกครั้งแต่นางไม่อาจยอมแพ้ ดังนั้นนางจึงรวบรวมสมาธิอีกครั้ง แต่หนอนที่กลืนกินวิญญาณในร่างกายของเซียวเยี่ยนยิ่งมายิ่งไร้ประโยชน์แล้ว ในทางกลับกันเมื่อหนอนกลืนกินวิญญาณสูญเสียกำลังไปมากเท่าใดนางเองก็จะถูกกลืนกินพลังไปมากเท่านั้น

หนอนกลืนกินวิญญาณที่นางเลี้ยงไว้เมื่ออยู่ในระยะเวลาของการเจริญเติบโตนั้นอาศัยการกินอวัยวะภายในของคนเพื่อมีชีวิตรอด ทันทีที่เติบโตแล้วก็จะสามารถชอนไชเข้าไปในสมองของคนได้ ควบคุมการกระทำของคนๆ หนึ่ง เสมือนการควบคุมหุ่นเชิด คนมีชีวิตควบคุมได้ยากกว่าคนตายมาก ด้วยคนมีชีวิตยังมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง

นางคิดไม่ถึงว่าความรู้สึกนึกคิดของเซ่อเจิ้งอ๋องจะแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าคนธรรมดาทั่วไป นับตั้งแต่หนอนพิษกู่ถูกฝึกออกมาบนโลกใบนี้ ยังไม่เคยสูญเสียอรรถประโยชน์ในร่างกายของคนมาก่อน

สุดท้ายหนอนกลืนกินวิญญาณของนางพ่ายแพ้ให้กับเซ่อเจิ้งอ๋อง ร่างของนางจึงสูญเสียพละกำลังไปแทบจะทั้งหมด ได้แต่ฟุบร่างอยู่บนโต๊ะหายใจรวยริน

แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เห็นความสำเร็จอยู่เบื้องหน้า อย่างไรนางก็ไม่มีทางถอดใจจำเป็นต้องวางเดิมพันทั้งหมดในการเสี่ยงวัดดวงครั้งสุดท้าย!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ สตรีในชุดแดงจึงฝืนใจนั่งขึ้นมาอีกครั้ง เบื้องหน้านางมีกระถางธูปสองกระถาง นางกรีดข้อมือของตนเองแล้วหยดเลือดของตนลงบนกระถางธูปที่ไม่ได้จุดอีกกระถางหนึ่ง เริ่มควบคุมหนอนกลืนกินวิญญาณอีกด้านหนึ่ง

บรรยากาศภายในตำหนักบรรทมเต็มไปด้วยบรรยากาศของความตาย

ขณะที่หลินชิงเวยเช็ดรอยเลือดริมฝีปากเขาเบาๆ นาทีนั้น เซียวเยี่ยนรวบรวมสติสัมปชัญญะของตนกลับมาได้ทั้งหมด คิ้วของเขาขมวดแน่น เขาเอียงหน้ากระอักเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่ง ที่ปนมากับเลือดนั้นคือหนอนสีขาวทิ่มแทงสายตาตัวหนึ่ง เพียงแต่ยามนี้หนอนตัวนั้นดูเหมือนกำลังจะตาย มันนอนไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับเขยื้อนอยู่ในกองเลือด

ทันที ที่เซียวเยี่ยนปล่อยมือ ร่างอ่อนปวกเปียกของหลินชิงเวยก็ล้มลง แขนของเขากวาดออกไปโอบคนเข้ามาในอ้อมกอดของตน ปลายนิ้วลูบผ่านโครงหน้าของนางเบาๆ ท่าทีอ่อนโยนเสมือนกำลังลูบไล้ลงบนภาพวาดภาพหนึ่ง

เซียวจิ่นกลิ้งตกลงมาจากบนเตียง เขาเห็นเงาร่างของเซียวเยี่ยนกอดหลินชิงวยหันหลังให้เขา เขาเห็นเส้นสายเงาร่างด้านหลังของเขาแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน อ่อนโยนกระทั่งมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย เขากลับมองไม่เห็นสีหน้าของเขาเมื่อมองหลินชิงเวยว่าปรากฏให้เห็นถึงความปวดใจและอ่อนโยน

เซียวจิ่นคลานเข้ามาหาหลินชิงเวย ทางหนึ่งคลานอย่างยากลำบากอีกทางหนึ่งถามว่า “ชิงเวย ชิงเวย เจ้าเป็นอย่างไรบ้างชิงเวย…”

เซียวเยี่ยนรวบรวมกำลังลมปราณที่ฝ่ามือแล้วใช้พลังลมปราณส่งผ่านให้หลินชิงเวย เมื่อเซียวจิ่นคลานมาถึงข้างกายนาง นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ทั่วทั้งร่างกาย ทั้งภายในและภายนอก ล้วนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปหมด

นางไอโขลกหลายครั้ง พบว่าตนเองหายใจไหลลื่น อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในปอดของนาง นางอดที่จะเงยหน้าอย่างประหลาดใจไม่ได้ นางหันมองเซียวเยี่ยนแล้วถามว่า “ท่านหายดีแล้ว?”

เซียวเยี่ยนก้มหน้าลงมองมือทั้งคู่ของตน เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเมื่อสักครู่ตนได้ใช้มือคู่นี้เกือบจะสังหารหลินชิงเวย และเกือบจะใช้มือคู่นี้สังหารเซียวจิ่นเช่นกัน

หลินชิงเวยหันหน้าไปมองหนอนสีขาวที่ตายไปแล้วพร้อมกับพรูลมหายใจโล่งอก นางกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วในที่สุด” เซียวจิ่นตกลงมาจากบนเตียงเพียงเพราะต้องการคลานมาหานาง เรื่องนี้ทำให้นางซาบซึ้งใจจริงๆ เมื่อสักครู่รับฝ่ามือแทนเซียวจิ่นจึงไม่มีคำอุทรณ์ใดๆ ล้วนรู้สึกว่าทั้งหมดนี้คุ้มค่า

กระบอกตาของเซียวจิ่นแดงก่ำ เขายังหวาดกลัวเล็กน้อยและรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเช่นกัน แต่เขาถือทิฐิไม่ยอมเอ่ยปากพูดจากับเซียวเยี่ยนแม้แต่ประโยคเดียว ความผูกพันระหว่างสองอาหลานดูเหมือนจะคลอนแคลนเช่นกัน

หลินชิงเวยไม่ปรารถนาให้คนทั้งสองมีปมในใจจึงกล่าวว่า “เรื่องทั้งหมดนี้มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง ตรองดูแล้วก่อนหน้านี้พยายามจะลงมือกับข้าอย่างลำบากยากเย็น แต่ด้วยข้าใกล้ชิดฝ่าบาทและเสด็จอา จุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือเพื่อให้เสด็จอาสังหารฝ่าบาท เสด็จอามีพลังจิตที่แข็งแกร่งจึงไม่ได้ถูกควบคุมทั้งหมด ด้วยเหตุนี้หนอนตัวนี้จึงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ฝ่าบาทเมื่อสักครู่ซินหรูคลุ้มคลั่งท่านจะอภัยให้นางได้หรือไม่?”

เซียวจิ่นกล่าว “เจิ้นรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของซินหรู เจิ้นไม่กล่าวโทษนาง”

“เรื่องนี้มิใช่เจตนาที่แท้จริงของเสด็จอาเช่นกัน ฝ่าบาทไม่กล่าวโทษเสด็จอาเช่นกันใช่หรือไม่?”

เซียวจิ่นไม่พูดจา

หลินชิงเวยกล่าว “ในเมื่ออภัยให้ซินหรูได้ เหตุใดจึงอภัยให้เสด็จอาไม่ได้?”

“ช่างเถิด” เซียวเยี่ยนกล่าว

ถูกต้อง ซินหรู! หลินชิงเวยคิดถึงซินหรูขึ้นมาจึงหันหน้ามองไป ในร่างกายของนางยังมีหนอนที่เกิดใหม่ ต้องขับออกมา! หาไม่แล้วนางจะมีจุดจบเช่นจ้าวเฟยและปี้หลิง!

หลินชิงเวยไม่มีเวลามาใส่ใจคลี่คลายเรื่องระหว่างเซียวจิ่นและเซียวเยี่ยนอีกแล้ว นางหันกายพุ่งเข้าไปหาซินหรู ยามนี้ร่างของซินหรูขดงอ เลือดกำเดาที่หยุดไหลเมื่อสักครู่เริ่มไหลออกมาทางจมูกอีกครั้ง

“ซินหรู!” หลินชิงเวยมือไม้พันกันไปหมดไม่รู้จะช่วยนางอย่างไรดี?

“พี่สาว…” ยาถอนพิษควบคุมได้เพียงระยะเวลาสั้น แต่สุดท้ายยังคงไม่มีประโยชน์อยู่ดี ซินหรูตกอยู่ในสภาพเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัส นางยื่นมือเล็กๆ มาจับมือของหลินชิงเวยเอาไว้ นางออกแรงจนข้อกระดูกนิ้วขึ้นเป็นสีขาว