ตอนที่ 729-730

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 729+730 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 729 เธอแค่อยากสะสางปัญหาอย่างฉับไว

วันนี้ตอนที่เธอเดินเล่นอยู่ด้านนอกก็ได้ยินข่าวซุบซิบมาบ้าง กล่าวว่าเมื่อวานหลังจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรักษาเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปหาอวิ๋นชิงหลัวที่นั่น ลงโทษนางอย่างหนัก แทงทะลุอกนางหนึ่งแผล ทำให้อวิ๋นชิงหลัวที่บาดเจ็บอยู่แล้วบาดเจ็บเพิ่มอีก

ซ้ำยังกล่าวว่าที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมารับตัวนางไปหนึ่งเดือนมิใช่ให้นางไปปรนนิบัติรับใช้ แต่เป็นการนำตัวนางไปรับโทษในแดนทุรคาตามบัญชาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…

ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยแล้ว

เวลาผ่านไปเพียงวันเดียว กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าสายตาที่ฝูงชนมองตนแตกต่างออกไปมาก มองเธอเสมือนมองคู่หมั้นของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

ยามที่เธอกับหลงซือเย่เดินเคียงข้างกัน สายตาของฝูงชนก็มีค่อนข้างเลศนัย…

ตอนที่กู้ซีจิ่วได้ยินข่าวลือพวกนี้ ปฏิกิริยาแรกมิใช่เรื่องชู้สาวของตี้ฝูอีกับตน แต่เป็นเขาจะมาไม้ไหนอีก?

จากนั้นสภาพจิตใจก็ค่อนข้างซับซ้อนอยู่บ้าง เนื่องจากเธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าสรุปแล้วตี้ฝูอีต้องการอะไรกันแน่

เพราะตัดสินใจจะรับรักหลงซือเย่แล้ว ดังนั้นวันนี้กู้ซีจิ่วจึงปฏิเสธที่จะคิดเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงไม่กระจ่างเหล่านั้น เธอแค่อยากสะสางปัญหาอย่างฉับไว ไม่ให้ผู้อื่นต้องเสียใจ และไม่ให้ตนต้องเสียใจภายหลัง

บางทีอาจเป็นเพราะคืนนี้เงียบสงบเกินไป เลยทำให้คนคิดมากไปหน่อย

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ ว่าที่สนามกีฬาตี้ฝูอียืนกรานให้เธอกับอวิ๋นชิงหลัวประลองรอบที่สาม หรือเพราะเขามีสายกว้างไกล? ทราบว่าต่อให้รอบที่สองเธอชนะไม่ได้แต่รอบที่สามจะชนะแน่นอน

ความสามารถของเขาเพียงพอจะมองจุดนี้ออก

แต่ว่า ต่อให้พอเข้าใจเหตุผลข้อนี้ได้ ทว่ายามอยู่บนเวทีประลองเขาก็ทราบอยู่ชัดเจนว่าวรยุทธ์ของอวิ๋นชิงหลัวเหนือกว่าเธอมาก ก็ยังยืนกรานให้เดิมพันด้วยชีวิตอยู่มิใช่หรือ? หรือก็เป็นเพราะหวังดีต่อตัวเธอด้วยเหมือนกัน?

ยังมีอีกคืนเทศกาลความรักเขาอี๋อ๋ออยู่กับอวิ๋นชิงหลัวชัดๆ มองเธอเหมือนคนแปลกหน้า สักประโยคก็คร้านจะเอ่ย…

คำพูดทำนองว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายปักใจรักเธออย่างล้ำลึกอะไรนั้นล้วนเป็นคำโป้ปด! เธอไม่เชื่อหรอก!

เธอเดินไปตามทาง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะหยักยิ้มมุมปาก

โง่งมนัก ข่าวลือพวกนั้นเดิมทีก็ไม่มีความน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่อยู่แล้ว ตนยังจะขบคิดอยู่ตั้งนานสองนานอีก

จู่ๆ ก็มีเสียงน้ำแว่วมาจากด้านหน้า เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นฝีเท้าก็ชะงักไป

เท้าเธอเดินสะเปะสะปะไปเรื่อย เดินมาจนถึงสระเก้ามังกรล่องธาราแห่งนั้นแล้ว

ก่อนหน้านี้เธอเคยเดินมาถึงที่นี่พร้อมกับหลงซือเย่ ได้พบตี้ฝูอีแช่น้ำอยู่ที่นี่…

ที่นี่อยู่ไกลจากที่พักของเธอ พอเธอใจลอยก็ชอบเดินสะเปะสะปะไปเรื่อยเป็นข้อเสียที่ใช้ไม่ได้โดยแท้

ตอนที่เธอมากับหลงซือเย่เขายังอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยังอยู่หรือไม่?

เธอรู้สึกอดไม่ได้อยากไปดูที่ริมสระสักหน่อย แต่พอย่างเท้าได้สองก้าวก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้

เธอไปจากสระนี้ใกล้จะครบสามชั่วโมง ตี้ฝูอีจะแช่น้ำอยู่ที่นี่ตลอดได้อย่างไรกัน? เขาไม่กลัวว่าตัวจะเปื่อยบ้างหรือ?

ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็มาถึงที่นี่จนได้ ดูเหมือนถ้าไม่ก้าวเข้าไปดูสักหน่อยก็ไม่แล้วใจ

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเดินเข้าไปดู ภายใต้แสงจันทร์สลัวน้ำในสระไม่นับว่าเรียบนิ่งนัก เนื่องจากมีน้ำตกไหลลงมาบ้างเป็นครั้งคราว ดังนั้นในสระจึงมีระลอกคลื่นเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง ในระลอกคลื่นระยิบระยับไม่มีผู้ใดอยู่ในนั้น

ในใจเธอลอบขบขันที่ตนสงสัยมากไป พลางหันหลังคิดจะจากไปทันที

แต่ในวินาทีที่กำลังหันหลัง ตรงหางตายคล้ายมองเห็นสีแดงสายหนึ่งอยู่ด้านล่างม่านน้ำตกเก้าสาย

ใจเธอเต้นแรงแวบหนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าตอนที่แช่น้ำตี้ฝูอีสวมชุดแดง…

จึงรีบหันกลับไปมองอีกครั้ง

แสงจันทร์ส่องสลัว และจุดนั้นค่อนข้างไกลจากริมฝั่งด้านนี้ ละอองน้ำแตกซ่านเซ็น เธอมองไม่ออกจริงๆ ว่าตรงนั้นมีคนหรือไม่ เพียงแต่สัมผัสได้รางๆ ว่าที่นั้นคล้ายจะมีแพรแดงชิ้นหนึ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตรงนั้น

————————————————————————————-

บทที่ 730 แต่ก็ไม่ปรารถนาให้เขาตาย!

กู้ซีจิ่วชะงักอยู่ตรงริมฝั่งครู่หนึ่ง ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สุดท้ายก็พุ่งลงไปในน้ำ ว่ายไปในทิศทางนั้น

เดิมทีร่างกายเธอมีบาดแผลอยู่ ถึงแม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่บาดแผลนั้นยังคงอยู่ ร่างกายก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากนัก การลงมาอยู่ในน้ำในยามนี้คือการรนหาที่!

ดึกดื่นค่อนคืนกระโดดลงมาในน้ำที่เย็นเฉียบถึงเพียงนี้เพื่อพิสูจน์ว่าเศษผ้าชิ้นนั้นคืออะไรกันแน่ กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสมองตนคงจะเลอะเลือนแล้ว…

โชคดีที่ทักษะการว่ายน้ำของเธอไม่เลว ว่ายไปใกล้น้ำตกนั้นอย่างรวดเร็ว และมองเห็นแพรแดงชิ้นนั้นชัดเจนแล้ว…

หัวใจพลันเต้นรัวดั่งตีกลอง!

นั่นคืออาภรณ์ที่พลิ้วไหวผืนหนึ่ง สีแดงดั่งแสงอัสดง คือชุดที่ตี้ฝูอีสวม!

อาภรณ์อยู่ที่นี่ แล้วคนเล่า?

เธอว่ายเข้าไปอีกสองสามช่วง งมอาภรณ์ชุดนั้นแล้วดึง มือพลันหนักอึ้ง แล้วคนผู้หนึ่งก็ถูกเธอลากขึ้นมาจากน้ำ!

หัวใจกู้ซีจิ่วแทบจะเด้งออกมาจากทรวงอก!

ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ทรงอำนาจถึงเพียงนี้จมน้ำเข้าเสียแล้ว…

บัดนี้ร่างเขาเปียกปอนไปหมด ดวงตาปิดสนิท ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย…

กู้ซีจิ่วใจหายวาบ ถอดหน้ากากเขาออกดูทันทีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด สีหน้าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ซีดขาวยิ่งกว่าหิมะ ริมปากก็มองแทบไม่เห็นสีเลือดใดๆ แล้ว ดวงตาปิดแน่น แม้แต่ขนตายาวเป็นแพก็เปียกชุ่ม แม้กระทั่งทรวงอกก็ไม่เห็นการสะท้อนขึ้นลง…

คงมิใช่จมน้ำตายไปแล้วกระมัง?!

กู้ซีจิ่วรีบอังลมหายใจเขา ไม่มีลมหายใจใดๆ

จึงจับชีพจรเขาต่อ ลองสัมผัสหลอดเลือดที่คอ…

ชีพจรไม่เต้น หลอดเลือดที่คอหยุดนิ่ง ไม่มีลมหายใจ ม่านตา…แสงจันทร์สลัวเกินไป มองไม่เห็นม่านตา ไม่รู้ว่าขยายหรือไม่ เมื่อสัมผัสมือเท้าต่อ เย็นเฉียบแล้วเช่นกัน

โชคดีที่ร่างกายยังไม่แข็งทื่อ…

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเก่งกาจถึงเพียงนั้นกลับมาจมน้ำตายที่นี่…กู้ซีจิ่วรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ ขณะเดียวกันก็ตื่นตระหนกยิ่งนัก

ไม่คำนึงถึงสิ่งใด รีบลากเขาไปทันที

ตัวเธอเองก็บาดเจ็บ ใช้พลังวิญญาณและกำลังภายในไม่ได้ ทำได้เพียงใช้เรี่ยวแรง ถ้ากล่าวกันตามเหตุผลแล้วตอนนี้เธอก็ไม่มีเรี่ยวสักเท่าใด

แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเธอไปแรงฮึดมาจากไหน เพียงครู่เดียวก็ลากเขาขึ้นมาบนฝั่งได้

หลังจากขึ้นฝั่งแล้วมือเท้าก็อ่อนแรงไปชั่วขณะ หวิดจะล้มกองบนร่างเขา

รีบร้อนลุกขึ้น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เริ่มทำการปั้มหัวใจ…

“ตี้ฝูอี เจ้าอย่าตายนะ…”

“ฮึ่ม เจ้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น มาจมน้ำตายที่นี่ไม่น่าขำไปหน่อยหรือ?!”

“เจ้าลืมตาสิ! นี่เจ้ากำลังฝึกวรยุทธ์อันใดอยู่ใช่ไหม? หะ อย่าหลับนะ ตื่นขึ้นมา!”

เธอฝึกฝนวิธรนี้จนชำนาญแล้ว ทำไปพลาง ตะโกนเรียกเขาไปพลาง

เมื่อตรวจสอบช่องท้องของเขา ก็ไม่คล้ายว่าดื่มน้ำเข้าไปจนเต็มที่ จมูกและปากของเขาถึงขั้นไม่มีร่องรอยการสำลักน้ำเลยด้วยซ้ำ…

ทำอยู่พักใหญ่ก็ไม่เป็นผล เขายังคงแน่นิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม

กู้ซีจิ่วร้อนใจแล้วจริงๆ

ถึงแม้เธอจะค่อนข้างชิงชังเขา แต่ก็ไม่ปรารถนาให้เขาตาย!

จึงตัดสินใจผายปอดให้เขาอีกครั้ง…

ริมฝีปากเขาเย็นเยียบทว่าอ่อนนุ่ม ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ กลิ่นหอมบนร่างเขาดูเหมือนจะเข็มข้นกว่ายามปกติ ทั่วฝั่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนจางนี้

กลิ่นหอมนี้ดึงดูดเย้ายวนยิ่งนัก ทำให้คนที่ได้กลิ่นมัวเมา ต้องการดำดิ่งล้ำลึก

หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นแรงยิ่งนัก เพียงแต่มิใช่เพราะถูกกลิ่นหอมบนร่างเขามอมเมา แต่เป็นเพราะตกใจ!

เธอถึงขั้นไม่สังเกตเห็นกลิ่นหอมอันเข้มข้นบนร่างกายเขา สมองเต็มไปด้วยความคิดว่าเขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด สมองเปี่ยมด้วยความคิดจะช่วยชีวิตคน

ผายปอดให้เขาเป็นร้อยครั้ง กู้ตัวกู้ซีจิ่วเองก็เวียนหัวตาลายแล้ว คนผู้นั้นก็ยังคงนิ่งเหมือนตายอยู่