ตอนที่ 731-732

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 731+732 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 731 เหตุใดถึงไม่ต้องการข้า

กู้ซีจิ่วนั่งหอบด้วยความเหนื่อยอยู่ข้างร่างเขา ความหวาดหวั่นในจิตใจซัดสาดดั่งกระแสคลื่น โหมขึ้นดั่งคลื่นสมุทร แม้แต่ปลายนิ้วก็สั่นระริก

ทันใดนั้นดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบกระเด้งตัวขึ้นมาทันที!

หลงซือเย่! หลงซือเย่เป็นเซียนแพทย์ แถมยังเป็นวิชาเรียกวิญญาณ บางทีอาจจะช่วยชีวิตเขาได้!

เธอลุกขึ้นมา๘ระที่กำลังจะวิ่งไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชายกระโปรงที่เปียกโชกของตนถูกเขายึดไว้…

สายตาเธอเปล่งประกายทันที

เขายังไม่ตายสินะ? ยังมีชีวิตอยู่สินะ?

เธอรีบก้มลงไปดู มองเห็นดวงตาตี้ฝูอียังคงปิดสนิทเช่นเดิม แต่มือกลับยกขึ้นมายึดชายกระโปรงของเธอไว้ ข้อนิ้วขาวซีดเล็กน้อย

ศพเส้นกระตุก? หรือว่ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ?

มือเธอแตะชีพจรเขาตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ว่าชีพจรเต้นอยู่แผ่วๆ

เธอมองดวงตาของคนผู้นี้ที่ปิดอยู่ตลอด…

หรือเจ้าคนบัดซบผู้นี้จะแกล้งตายเพื่อหลอกให้เธอตกใจ?! เมื่อเห็นว่าเธอจะไปถึงได้ ‘ฟื้น’ ขึ้นมา!

เธอสังเกตเขาอย่างละเอียด ถึงแม้ใบหน้ายังซีดขาวอยู่ แต่ทรวงอกมีการหายใจแล้วเล็กน้อย แพขนตาก็สั่นไหวนิดหน่อย ไหวระริกจนหยดน้ำบนนั้นเจียนจะร่วงหล่น

เห็นได้ชัดเจนยิ่งนัก เขาฟื้นแล้ว ทว่าไม่อยากลืมตาขึ้น ยังคิดจะหลอกเธอต่อหรือ?

เธอดึงชายกระโปรงของตัวอ ยิ้มอย่างเย็นชา “ตี้ฝูอี เจ้ายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?!”

อีกฝ่ายไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แพขนตายาวยังคงบดบังดวงตา แต่นิ้วมือที่ยึดกระโปรงเธอไว้กลับยึดแน่นยิ่ง ยึดจนข้อนิ้วงดงามซีดเซียวไปหมด

โทสะสุมทรวงกู้ซีจิ่ว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป พยายามดึงชายกระโปรงของตนสุดกำลัง คิดจะดึงออกมาแล้วจากไปเสีย

ไม่ทันได้ระวังจู่ๆ อีกฝ่ายก็ออกแรงดึง เรี่ยวแรงของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เกิดเสียงดังแควก กระโปรงของกู้ซีจิ่วถูกดึงขาดไปครึ่งผืน ตัวเธอก็ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลนั้นฉุดให้ซวนเซ ปลายเท้าสะดุด ล้มทับร่างเขาเสียงดังตุบ ล้มลงไปในอ้อมแขนเขา หน้าผากชนแผ่นอกเขา เขาร้องอักคราหนึ่ง กู้ซีจิ่วก็ตาลายจนเห็นดาว

โทสะเธอพวยพุ่งสูงสามจั้ง! มือเท้าสับสนอลหม่านคิดจะคลานออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

แต่พอร่างกายขยับเขยื้อน แขนของเขาก็โอบเธอไว้ รัดเอวเธอไว้ปานคีมเหล็ก “อย่าไป!” เสียงเขาแหบพร่าอย่างยิ่ง

และเมื่อเขาเอ่ยวาจานี้ออกมา กลิ่นสุราก็คละคลุ้งออกมา อบอวลไปทั่วชายฝั่งทันที ราวกับมีไหสุราใบหนึ่งถูกทุบแตกตรงนั้น

นี่เขาแช่ถังสุรามาหรือไง?

สรุปแล้วเขาดื่มสุราไปมากน้อยเพียงใดกัน?!

กู้ซีจิ่วแงะมือของเขาที่รัดเอวตนอยู่ “นี่ เจ้าปล่อยมือ…”

“อย่าไปนะ ได้ไหม?” เสียงเขาแผ่วหวิว ราวกับอ้อนวอน

กู้ซีจิ่วเห็นว่าเขาลืมตาแล้ว แพขนตายาวยังคงเปื้อนหยดน้ำ ดวงตาที่ลึกล้ำดังมหาสมุทรคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ ก้นบึ้งดวงตาจารึกความเจ็บปวดและสับสนเอาไว้

กู้ซีจิ่วรู้จักเขามาเนิ่นานานปานนี้ เพิ่งเคยเห็นเขามีท่าทางเช่นนี้เป็นครั้งแรก

เขาผู้สูงส่งเหนือคนทั้งปวงยามนี้กลับเปราะบางดั่งเด็กน้อยที่หาครอบครัวไม่พบ

“ข้าไม่ไปหรอก ท่านปล่อยมือก่อนสิ…” กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะพูดจาหว่านล้อม

เธอยังคงนอนคว่ำบนร่างเขาอยู่ คนทั้งสองตั้งเปียกโชก เมื่อลมแม่น้ำพัดมา กู้ซีจิ่วรู้สึกหนาวอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะขยับเขยื้อนเล็กน้อย

“เหตุใดถึงไม่ต้องการข้า?” ตี้ฝูอีกระซิบ ยังไม่ยอมปล่อยเธอ น้ำเสียงยังคงแหบแห้งยิ่งนักเช่นเดิม “เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าข้าดีกว่าผู้อื่นทุกอย่าง…”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

เขามีสติอยู่หรือเปล่า?

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…” กู้ซีจิ่วลองเรียกเขาดู “ท่านพูดกับข้าอยู่หรือ?”

“ข้าดีต่อเจ้าทุกอย่างแท้ๆ…ทำไมล่ะ…ทำไมถึงไม่ต้องการข้า? ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน…” ริมฝีปากบางเฉียบของเขาเม้มแน่น คิ้วขมวดน้อยๆ ราวกับเด็กน้อยไม่รู้จะทำอย่างไรดี

————————————————————————————-

บทที่ 732 ยิ่งดิ้นอ้อมกอดก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น

หัวใจกู้ซีจิ่วคล้ายถูกอะไรบางอย่างซัดเข้าอย่างจัง “อะ…อะไรนะ?”

เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เม้มปากมองเธอ

กู้ซีจิ่วถูกเขามองจนหนังหัวชาหนึบแล้ว ประกอบกับริมฝั่งหนาวเย็นนัก ถึงแม้คนทั้งสองจะกอดกันกลมดั่งมัจฉาผสานร่างก็มอบความอบอุ่นเล็กน้อยให้แก่กัน แต่วันนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผิดปกติยิ่งนัก เขายังมีชีวิตอยู่ชัดๆ เป็นคนเป็นคนหนึ่ง แต่ร่างกายกลับเย็นเฉียบเหมือนคนตายอยู่เช่นเดิม ยามนี้กู้ซีจิ่วไม่มีพลังวิญญาณคุ้มกาย เมื่ออยู่ในอ้อมกอดเขาจึงหนาวจนตัวสั่น

คนผู้นี้คงดื่มจนเมาแล้วพูดออกมาด้วยความเมากระมัง?

เขารู้บ้างไหมตัวเองพูดอะไรอยู่?

กู้ซีจิ่วดิ้นรนไม่ออกไปชั่วขณะ นอนกองอยู่บนร่างเขา มองเขาอย่างจริงจัง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ทราบหรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด?”

ตี้ฝูอียังคงมองเธอเงียบไม่พูดไม่จา ในดวงตาของเขาสะท้อนเงาร่างของเธอออกมา ฉากหลังของเธอคือท้องฟ้าที่กลาดเกลื่อนด้วยหมู่ดาว

“นี่ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านมีมีสติอยู่หรือเปล่า?” กู้ซีจิ่วโบกมือไปมาเบื้องหน้าเขาอย่างเอาจริงเอาจัง

ริมฝีปากบางของตี้ฝูอีเม้มเน้นยิ่ง ดวงตาแดงก่ำเช่นเดิม จ้องมองเธออย่างเลื่อนลอย

เมาจริงๆ ด้วย! ไม่มีสติเลย!

ผู้อื่นดื่มจนเมาแล้วอาจจะง่วงหรืออาละวาดเล็กน้อย แต่อาการเมาท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไม่เหมือนผู้อื่น เขาดำลงไปใต้น้ำแล้วฝึกวิชาลมหายใจเต่า ทำให้เธอว่าเขาจะจมน้ำเสียแล้ว!

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถามหาเหตุกับคนเมา กู้ซีจิ่วย่อมไม่คิดจะสืบสาวราวเรื่องกับเขา

เขาเหมือนเด็กน้อยที่ไขว่คว้าของเล่นมาอย่างยากลำบาก กอดเธอเอาไว้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย

วรยุทธ์ของเขาสูงเกินไป วรยุทธ์ของเธอต่ำเกินไปแถมยังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอด้วย ยามนี้ฝืนดิ้นรนย่อมไม่เป็นผลดี และดิ้นไปก็ไม่หลุด

ถึงขั้นที่ว่ายิ่งดิ้นอ้อมกอดก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น…

กู้ซีจิ่วเชี่ยวชาญในการรับมือกับคนเมายิ่งนัก ชาติก่อนหากว่าเพื่อนของเธอดื่มจนเมา ปกติแล้วเธอใช้น้ำเย็นแก้วเดียวก็ทำให้สร่างได้แล้ว…

แต่ตอนนี้เธอเพิ่งลากเขาขึ้นมาจากน้ำเย็นเฉียบแล้วน้ำเย็นแก้วหนึ่งจะทำให้เขาสร่างได้อย่างไร? กู้ซีจิ่วสงสัยในความเป็นไปได้นี้อย่างจริงจัง

ยามนี้เธอและเขานอนอยู่ริมสระ มีระยะห่างจากสระสองฉื่อ

กู้ซีจิ่วดิ้นไปดินดิ้นมาดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดจากอ้อมกอดเขา จึงเริ่มหาวิธีเคลื่อนย้ายไปทางสระน้ำ…

ร่างกายเธอดิ้นยุกยิกอยู่ในอ้อมแขนเขา จากนั้นก็พบว่าร่างกายที่อยู่ใต้ร่างดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาขึ้นมา ไม่เย็นยะเยือกอีกต่อไป อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาเพียงสามสี่นาทีก็ทำให้กู้วีจิ่วรู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนตนทับอยู่บนเตาย่างที่ถูกแดดแผดเผา…

เธอไม่หนาวเหน็บแล้ว ทว่าในใจกลับเริ่มสังหรณณ์ไม่ดีขึ้นมา!

เนื่องจากเธอพบว่าร่างกายของตี้ฝูอีมีปฏิกิริยาพิเศษบางอย่างขึ้นมา…ปฏิกิริยาของเพศชาย

บางแห่งเริ่มแข็งเป็นลำขึ้นมาปานแท่งเหล็ก ขวางกั้นไว้ด้วยอาภรณ์บางๆ ของทั้งสองฝ่าย ดุนดันหน้าท้องเธอคอแร้ง ทำให้เธอยากมองข้ามก็ทำไม่ได้!

เธอตื่นตระหนกอยู่บ้าง ตี้ฝูอีที่อยู่ใต้ร่างนอกจากร่างกายที่ซื่อสัตย์แล้ว ส่วนอื่นดูคล้ายว่าปิดการทำงานไปหมดแล้ว

เธอพูดคุยกับเขา ดิ้นรน อ้อนวอน ข่มขู่ ถึงขั้นหยิบกระบี่สั้นเล่มหนึ่งออกมาจ่อคอเขา…

ใช้กลอุบายไปสารพัดแล้ว แต่กลับเป็นดั่งวัวดินจมสมุทร ไม่เป็นผลเลย

แถมเขายังนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ดวงตาคู่นั้นมองดูเธอ เริ่มแรกยังดูเจ็บปวดและสับสน ต่อมาคล้ายเพ่งพินิจพิจารณา จากนั้นแววตาก็เปลี่ยนลุ่มลึก ลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ…

แขนข้างหนึ่งของเขารัดเอวเธอไว้ ทำให้ร่างกายเธอแนบชิดกับเขา ระหว่างคนทั้งสองมีเพียงเสื้อผ้าบางๆ สองชั้นขวางกั้นไว้ ไม่มีช่วงว่างเลยสักนิด

เขารูปร่างสูง เมื่อเทียบกับเขาแล้วกู้ซีจิ่วดูตัวเล็กกะทัดรัดไปเลย ทั้งตัวถูกร่างกายเขาโอบล้อมไว้