ตอนที่ 733-734

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 733+734 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 733 ลากเขาลงน้ำ!

อุณหภูมิร่างกายเขาร้อนผ่าว กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนกำลังจะลุกไหม้แล้ว!

เธอดิ้นรนอย่างหนัก ทว่าจู่ๆ เขากลับรัดเธอไว้แน่น ไม่รู้ว่าเจตนาหรือบังเอิญ ร่างกายส่วนนั้นของเขาชนเธอเข้าเล็กน้อย…

ดุนดันเนื้อผ้าที่กั้นอยู่ระหว่างคนทั้งสอง ชูชันอยู่ตรงกลางหว่างขา

ดวงหน้าพริ้มเพราของกู้ซีจิ่วแดงเถือกแล้ว!

มือของเธอที่กุมกระบี่สั้นไว้สั่นระริก คมกระบี่บาดลำคอเขาจนโลหิตสายหนึ่งไหลออกมา โลหิตไหลย้อยไปตามคมกระบี่ ซึมไปตามนิ้วที่จับกระบี่ไว้ของกู้ซีจิ่ว…

กู้ซีจิ่วใจหายวาบ อดไม่ได้ที่รั้งกระบี่สั้นกลับมา

แต่จู่ๆ เขากลับพลิกกายขึ้นมาทั้งที่ยังกอดเธอไว้ กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าฟ้าดินพลิกหมุนไปชั่วขณะ เมื่อเธอปฏิกิริยาตอบสนองอีกครั้งก็ถูกเขากดไว้ใต้ร่างแล้ว

เธอไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองอื่นใดต่อ ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมา ปิดกั้นริมฝีปากเล็กที่เผยอน้อยๆ ของเธอ!

ในสมองกู้ซีจิ่วเกิดเสียงดังตูม ว่างเปล่าไปชั่วขณะ…

จูบของเขาทั้งดุดันและเร่งร้อน ปานนักเดินทางในทะเลทรายที่สุดแสนหิวกระหายแล้วจู่ๆ ก็ได้พบแหล่งน้ำ ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสหวานชุ่มชื่นในนั้นได้ ปล้นชิงอย่างบ้าระห่ำปานพายุคลั่ง กวาดม้วนร่างเธอเข้าไป

ร่างกายเขาร้อนระอุ ริมฝีปากก็ร้อนผ่าว จุมพิตร้อนแรงรุกรานริมฝีปากของเธอก่อน จากนั้นก็ปลายคางของเธอ กระดูกไหปลาร้าเธอ ลากไล้ลงเรื่อยๆ ละเมียดละไม

ประสาทสัมผัสทุกส่วนในร่างกายล้วนเปลี่ยนเป็นเฉียบคม ทุกเซลล์ร้อนวูบวาบและคันยุบยิบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เกิดความปรารถนาขึ้นมาอย่างน่าประลาด

ไม่รู้ว่าว่าอาภรณ์ของเธอถูกเขาถอดออกไปยามไหน เพิ่งจะสัมผัสถึงอากาศเย็นยะเยือกก็ถูกริมฝีปากของเขาทาบทับอีกครั้ง ริมฝีปากนั้นร้อนผ่าว ประทับจูบลงตรงไหน ตรงนั้นก็ร้อนดั่งถูกไฟลวก ร้อนเข้าไปถึงหัวใจคน จากนั้นความร้อนนั้นก็ปะทุออกมาจากหัวใจ ไหลไปตามเส้นเลือด พุ่งสู่ปลายจมูก ดวงตาแสบร้อน ราวกับจะระเบิดความอยุติธรรมที่ได้รับออกมา…

อุณหภูมิรอบข้างพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปลายจมูกของกู้ซีจิ่วมีหยาดเหงื่อซึมออกมา

บนร่างเขามีกลิ่นสุราคละคลุ้ง กู้ซีจิ่วรู้สึกเบลอราวกับตนเองก็เมามายไปด้วย สมองว่างเปล่าขาวโพลนไปหมด ความคิดทั้งหมดสับสนวุ่นวาย

อันที่จริงถ้าเธอคิดจะหยุดเขาก็ง่ายดายนัก ใช้กระบี่สั้นแทงเขาสักแผลก็ได้แล้ว หลังจากนั้นผลักเขาออกไปโดยไม่กริ่งเกรงว่าจะเจ็บปวด

แต่เธอกลับถือกระบี่ไว้โดยไม่แทงออกไป ซ้ำยังวางกระบี่เล่มนั้นลงราวกับเกรงว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บ…

จวบจนริมฝีปากของเขาสัมผัสบาดแผลตรงหน้าอกของเธอ นอกจากอาการปวดแปลบเล็กน้อยแล้ว กู้ซีจิ่วก็เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตแวบหนึ่งจนได้สติขึ้นมา!

เธอรีบลืมตาโพลง มองเห็นศีรษะเขาซุกอยู่ตรงหน้าอกเธอ เส้นผมดำขลับดั่งน้ำหมึก ยังคงเปียกชุ่มอยู่

โอ้สวรรค์ นี่เธอกับเขากำลังทำอะไรกันอยู่?!

เธอไม่นึกเลยว่าการช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เกือบจะประเคนความบริสุทธิ์ของตนไปเสียแล้ว!

กู้ซีจิ่วไม่คำนึงถึงอะไรอีกแล้ว ร่างกายพลันดิ้นรนขึ้นมาทันที ครานี้เธอใช้พลังวิญญาณโดยไม่สนอะไรแล้ว และเห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีไม่ได้ระแวดระวังไว้ ร่างกายถูกเธอผลักออกด้านข้าง ลื่นไถลลงไป

กู้ซีจิ่วฉวยโอกาสกลิ้งตัวออกมาทันที!

‘ตูม!’ เธอไถลตกลงไปในสระลึก

น้ำเย็นเฉียบในสระทำให้สมองที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวายของกู้ซีจิ่วแจ่มชัดขึ้นมา เธอโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ พบว่าตี้ฝูอีกำลังนั่งทึ่มอยู่ริมสระน้ำ มองดูผืนน้ำนิ่งๆ ดั่งคนโง่ก็มิปาน

กู้ซีจิ่วโมโหจนบังเกิดความกล้า ดำน้ำเข้าไปหา พอถึงริมสระก็โผล่ขึ้นมากะทันหัน คว้าขาเขาไว้ แล้วลากเขาลงน้ำ! เกิดเสียงดังซ่า

เขาดิ้นรนตามสัญชาตญาณ กู้ซีจิ่วไม่ให้เขาได้เตรียมตัวสูดลมหายใจเลย เมื่อทำสำเร็จก็ลากเขาดำลงไปทันที…

————————————————————————————-

บทที่ 734 เจ้ากระอักเลือดจริงๆ หรือ?

เวรเอ้ย เธอจะกดเขาลงในน้ำเย็นให้ได้สติขึ้นมา ให้เขาอาศัยความเมาเอาเปรียบเธอ!

เมื่อดำลงไปลึกประมาณสองเมตร กู้ซีจิ่วก็เงยหน้ามองเขา

เนื่องจากเป็นยามราตรี ในน้ำมืดสลัว เธอจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เห็นเพียงสองมือของเขาที่ปัดป่ายอยู่ในน้ำตามสัญชาตญาณ สองเท้าก็เตะถีบไปตามสัญชาตญาณเช่นกัน…

ที่แท้เจ้าก็กลัวจมเหมือนกัน…

กู้ซีจิ่วกอดขาเขาไว้แน่น ไม่คลายมือ

บางทีอาจเป็นเพราะเขาเมาเกินไป การดิ้นรนของเขาจึงไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าใด กู้ซีจิ่วจึงกอดขาเขาไว้ง่ายดายยิ่ง

แน่นอน กู้ซีจิ่วก็เกรงว่าเขาจะจมน้ำตายจริงๆ เหมือนกัน หยุดนิ่งอยู่ใต้น้ำครึ่งนาทีก็ผลักเขาขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง

ตัวเธอเองก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อสูดหายใจสักหน่อยเช่นกัน จากนั้นก็ลากเขาดำลงไปอีกครั้ง…

ทำเช่นนี้อยู่ซ้ำๆ เธอทรมานเขาอยู่สี่ห้ารอบ เมื่อรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ถึงผลักเขาขึ้นสู่ผิวน้ำ…

จากนั้นก็ลอยขึ้นมาแล้วถลึงตาจ้องใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาอย่างเย็นชา “คราวนี้ได้สติแล้วหรือยัง?! อยากให้ข้ากรอกน้ำใส่เจ้าอีกครั้งหรือไม่?”

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร แต่พ่นน้ำคำหนึ่งออกมา กู้ซีจิ่วอยู่ใกล้ๆ อีกทั้งไม่ได้ระวังชั่วขณะ จึงถูกเขาพ่นน้ำใส่หน้า

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก…

เธอยกมือเช็ดน้ำบนหน้า น้ำนี้แฝงกลิ่นสุราไว้จางๆ แถมกลิ่นอายยังไม่เลวอีกด้วย…

ประหลาดนัก โดยทั่วไปแล้วน้ำที่คนเมาสำรอกออกมาจะทั้งเหม็นทั้งสกปรก ทว่าสุราที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้สำรอกออกมากลับแตกต่างไป ประหนึ่งสำรอกน้ำหอมออกมาก็มิปาน…

เวรเอ้ย ต่อให้เหมือนน้ำหอมแค่ไหนนี่ก็ยังเป็นสุราที่สำรอกออกมาอยู่ดี!

กู้ซีจิ่วโมโห ขณะที่กำลังจะลากเขาดำลงไปเพื่อกรอกน้ำให้เขาสักหลายๆ ที เขาก็ไอขึ้นมา

เสียงไอของเขาทั้งรุนแรงทั้งดุเดือด ไอเสมือนว่าปอดจะหลุดออกมา มิคล้ายการเสแสร้งแกล้งทำ

กู้ซีจิ่วที่เดิมทีคิดจะลากเขาลงไปใต้น้ำ ยามนี้พลันหยุดชะงัก สมองยังแยกแยะไม่ออกว่าเขาเป็นจริงๆ หรือว่าแสร้งทำ เห็นเขาใช้มืออุดปากไว้ จากนั้นก็เห็นโลหิตไหลลอดหว่างนิ้วของเขาออกมา…

ในยามราตรีโลหิตนั้นช่างเสียดตานัก กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว!

ไม่ใช่น่า? เธอจับเขากดน้ำแค่ไม่กี่ทีเขาจมน้ำจนกระอักเลือดเลยหรือ?

“นี่ เจ้า…” กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลูบหลังเขา ให้เขาหายใจสะดวก “เจ้ากระอักเลือดจริงๆ หรือ?”

ยากนักกว่าเขาจะหยุดไอได้ เมื่อมือของเขาหลุดออกจากปาก บนริมฝีปากและฝ่ามือล้วนเปรอะเปื้อนโลหิต สีหน้าก็ซีดขาวอย่างหนัก ทำให้ขนตาดำสนิทของเขาคว้ายจะโปร่งแสงไปด้วย ดูอ่อนแอยิ่งนัก…

กู้ซีจิ่วรู้สึกผิดอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ พลันกะแอมคราหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้า…เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นอ่อนแอเช่นนี้? ดื่มสุราก็จมน้ำ กดน้ำไม่กี่ทีเจ้าก็กระอักเลือด เจ้าคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจริงๆ หรือ? คงมิใช่ผู้อื่นปลอมตัวมากระมัง?”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ก็เกิดความคลางแคลงในจุดนี้ขึ้นมาจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงเขยิบเข้าไปมองเขาใกล้ๆ แสงเดือนดาวส่องสลัว แต่ภายใต้ระยะห่างที่ใกล้กันถึงเพียงนี้ เธอก็ยังมองเห็นเขาได้ชัดเจนนัก

เครื่องหน้าประณีตงดงามที่ยากจะวาดแต่งได้ ราวกับพระเจ้าบรรจงสลักเสลาออกมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้คนมองเพียงแวบเดียวก็ปรารถนาจะจมจ่อมลงไป

คิ้ว ตา จมูก ริมฝีปาก…เครื่องหน้าเขาประกอบรวมกันกลายเป็นความงามที่ทำให้หัวใจคนสั่นไหว กู้ซีจิ่วยอมรับ ในชีวิตทั้งสองชาติของเธอไม่เคยพบคนที่มีรูปโฉมล้ำเลิศถึงเพียงนี้เฉกเช่นตี้ฝูอีเลย…

หลงซือเย่ก็รูปงาม หล่อเหลา แต่เมื่อเทียบกับตี้ฝูอีแล้ว ทว่ากลิ่นอายนั้นด้อยกว่าเล็กน้อย

ความงามของตี้ฝูอีมิใช่ของโลกมนุษย์ ทว่าแฝงกลิ่นอายเคร่งขรึมดั่งเทพเซียน

นิสัยของคนผู้นี้น่าชังนัก อีกทั้งปกติจะสวมหน้ากากไว้ตลอด ดังนั้นยามที่คนส่วนมากพบเห็นเขา จะหลงใหลในบุคลิกท่วงท่าของเขาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถูกกลิ่นอายของเขาสยบไว้เป็นอันดับที่สอง ทำให้คนมองข้ามเรื่องรูปโฉมของเขาไปง่ายดายยิ่ง

บัดนี้ภายใต้แสงดารากู้ซีจิ่วได้เห็นเขามากพอแล้ว รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าคนผู้นี้คือมารร้ายโดยแท้