ตอนที่ 251 อยากหาใครสักคนมาเป็นพ่อเด็กไหม / ตอนที่ 252 ขอบคุณถึงที่

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 251 อยากหาใครสักคนมาเป็นพ่อเด็กไหม

 

 

แน่นอนว่าลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้อยากรู้ว่าหลินจยาอวี่มีงานอดิเรกอะไร เขาเพียงแค่ถามไปตามมารยาท เพื่อไม่ให้เกิดความกระอักกระอ่วนในหัวข้อสนทนาหลังจากนี้ก็เท่านั้น

 

 

หลินจยาอวี่ไม่ชอบการพูดอ้อมค้อมไม่ตรงประเด็น

 

 

อาหารชั้นเลิศถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ลู่เสวี่ยเฉินคลี่ผ้ารองกันเปื้อนที่วางอยู่บนโต๊ะออก ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร เขายกแก้วน้ำขึ้นจิบหนึ่งอึก หันไปมองหลินจยาอวี่แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “คุณหนูหลิน อยากหาใครสักคนมาเป็นพ่อเด็กไหมครับ”

 

 

หลินจยาอวี่ที่กำลังคลี่ผ้ารองกันเปื้อนชะงักไปเล็กน้อย เธอเลื่อนสายตาขึ้นมามองลู่เสวี่ยเฉิน พูดด้วยความสงสัย “ที่คุณลู่นัดฉันออกมาวันนี้ คงไม่ใช่เพราะอยากให้ร่วมมือกันโกหกแม่ของคุณใช่ไหมคะ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินแก้คำพูดของหลินจยาอวี่ให้ถูกต้อง “ไม่ถือว่าเป็นการโกหกหรอกครับ แค่ช่วยให้แม่ผมมีความสุขก็เท่านั้น”

 

 

หลินจยาอวี่จ้องหน้าลู่เสวี่ยเฉินเขม็ง โครงหน้าของชายหนุ่มงดงามมากจริงๆ ทุกสัดส่วนราวกับถูกแกะสลักออกมาอย่างประณีต เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่มีความคิดที่จะหาพ่อให้ลูก ฉันแนะนำว่าคุณลู่ควรจะอธิบายกับคุณแม่ของคุณให้ท่านเข้าใจ การโกหกอยู่ได้ไม่นานหรอกค่ะ ไม่ช้าหรือเร็วอย่างไรก็ต้องมีสักวันที่ความแตก อาหารมื้อนี้ถือว่าฉันเป็นคนเชิญแล้วกันนะคะ”

 

 

หลินจยาอวี่พูดอย่างหนักแน่นมั่นคง ทว่ากลับไม่ได้ทำให้ลู่เสวี่ยเฉินมีความคิดที่จะถอดใจแม้แต่น้อย เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “คุณหนูหลินไม่ลองคิดทบทวนเพื่อตัวเองก็ลองคิดทบทวนเพื่อเด็กในท้องดูดีไหมครับ หรือคุณหนูต้องการให้เขาเติบโตมาเป็นลูกเก็บที่ให้ออกไปเจอใครไม่ได้”

 

 

หลินจยาอวี่หลุบสายตาลงเล็กน้อย ตอบกลับเสียงเรียบ “แต่พวกเราสองคนไม่เหมาะสมกัน”

 

 

มุมปากของลู่เสวี่ยเฉินยกขึ้น เหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม “ผมไม่ได้จะเป็นสามีภรรยากับคุณหนูหลินจริงๆ สักหน่อย ผมแค่ต้องการให้เราทำสัญญาเป็นสามีภรรยากันหนึ่งปี หลังจากหนึ่งปีค่อยหย่าขาดตัดจากกัน”

 

 

เท่าที่เขารู้จักเหวินซินเม่ย มีเพียงการแต่งงานเท่านั้นที่จะสามารถทำให้เหวินซินเม่ยหมดเยื้อใยต่อเขา สำหรับชีวิตเขาจะแต่งงานกี่ครั้งก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรอยู่แล้ว

 

 

หลินจยาอวี่อ้าปากหมายจะปฏิเสธทันที ทว่าลู่เสวี่ยเฉินชิงพูดขึ้นก่อน “คุณหนูหลินไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปฏิเสธ ลองคิดทบทวนดูก่อนก็ได้ครับ”

 

 

ทบทวนสัญญาแต่งงานหนึ่งปี ให้ลูกท้องได้มีสถานะอยู่ในสังคมได้อย่างเปิดเผย?

 

 

ข้อแลกเปลี่ยนนี้จะทำได้จริงหรือ หลินจยาอวี่ไม่สามารถตัดสินใจในทันทีทันใดได้ เธออยากถามความคิดเห็นจากอวี๋กานกานดูก่อน

 

 

อวี๋กานกานอยู่ในงานสัมมนา ซึ่งวันนี้บรรยายโดยแพทย์อาวุโสเจิง อวี๋กานกานฟังบรรยายอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

ซูจิ่วซานนั่งอยู่ตรงข้ามกับอวี๋กานกาน มีอาการกระวนกระวายใจเล็กน้อย สายตามักจะแอบเหล่มองอวี๋กานกานอยู่บ่อยครั้ง เมื่อสองวันก่อนเธอแนะนำผู้จัดการหลี่ว์ให้เชิญอวี๋กานกานไปรักษาแม่เฒ่าตระกูลเยี่ย ราชาปีศาจแห่งตระกูลเยี่ยรับมือด้วยยากขนาดนั้น อวี๋กานกานไปแล้วไม่มีทางได้รับการต้อนรับที่ดีอย่างแน่นอน แล้วทำไมถึงทำตัวเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หรือว่าราชาปีศาจแห่งตระกูลเยี่ยนั่นไม่ได้สร้างเรื่องลำบากใจให้ยัยอวี๋กานกาน?

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์เองก็ไม่ได้มาที่สมาคมหลายวันแล้ว อาการป่วยของแม่เฒ่าเยี่ยตอนนี้เป็นอย่างไรเธอก็ไม่รู้ หรือยัยอวี๋กานกานจะมีวิธีที่รักษาไส้ติ่งอักเสบได้ภายในพริบตาจริงๆ ?

 

 

ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอได้ยินมาว่าอาการป่วยของแม่เฒ่า แม้แต่ผู้อาวุโสหวงเองก็ไม่มีวิธีรักษาให้หายในทันที ยัยอวี๋กานกานอะไรนั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าผู้จัดการหลี่ว์จะไม่ได้เที่ยวตระเวนเชิญแพทย์แล้ว แต่เหมือนว่าเขาจะโทรศัพท์หารุ่นพี่ซย่า ดูลับๆ ล่อๆ ยังไงชอบกล

 

 

หรือที่เขาโทรหารุ่นพี่ซย่าก็เพราะอาการป่วยของแม่เฒ่าเยี่ย?

 

 

ตอนอยู่ที่ตระกูลเยี่ยยัยอวี๋กานกานต้องโดนด่าสาดเสียเทเสียแล้วอย่างแน่นอน ทั้งยังทำให้ผู้จัดการหลี่ว์ต้องซวยไปด้วย นี่เป็นสาเหตุที่ผู้จัดการหลี่ว์โกรธจนไม่มาสมาคม ทำเพียงแค่โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ซย่า

 

 

ลำบากรุ่นพี่ซย่าแล้วจริงๆ ที่ต้องไปตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ยัยอวี๋กานกาน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 252 ขอบคุณถึงที่

 

 

ผู้อาวุโสหวงบรรยายได้อย่างยอดเยี่ยม เนื้อหาสั้นกระชับแต่ได้ใจความสำคัญ ชวนให้ผู้ฟังติดตาม

 

 

ทุกคนล้วนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ทุกเคสตัวอย่างราวกับได้เข้าไปอยู่วิเคราะห์ในสถานการณ์จริง คำถามมาอย่างไม่ขาดสายจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานสัมมนาแล้วก็ยังไม่จบการบรรยาย

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์ปรากฏตัวบริเวณหน้าประตูห้องสัมมนา เมื่อเห็นว่าทุกคนยังถกถามและฟังบรรยายต่อ เขาจึงไม่เข้าไปขัดจังหวะ หมุนตัวแล้วเดินจากไป

 

 

หางตาของซูจิ่วซานเห็นผู้จัดการหลี่ว์แวบๆ หัวใจของเธอพองโตขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าผู้จัดการหลี่ว์มาสมาคมทั้งทีต้องอยู่นานอย่างแน่นอน ถ้างั้นเธอลองถามเหตุการณ์ตอนอวี๋กานกานไปตรวจอาการให้แม่เฒ่าตระกูลเยี่ยดูดีไหมนะ ทุกคนจะได้รู้เช่นเห็นชาติว่ายัยอวี๋กานกานไร้ความสามารถ มีดีแต่พูด คนรุ่นใหม่ผู้มีแววสืบทอดแพทย์แผนจีนบ้าบออะไร ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ใช้วิธีสกปรกให้ได้มาซึ่งชื่อเสียง

 

 

การที่ยัยอวี๋กานกานมาเข้าร่วมสัมมนาที่สมาคมก็ไม่ได้เป็นเพราะรักในแพทย์แผนจีน ตั้งใจอยากศึกษาเล่าเรียน มันแค่ต้องการชุบตัวสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วก็เท่านั้น

 

 

หลังการบรรยายจบ อวี๋กานกานและหวังไอ้เจินยังติดลมบน เดินเข้าไปหาผู้อาวุโสเจิงแลกเปลี่ยนถกเถียงปัญหาด้านวิชาการทางการแพทย์กับทุกคนอย่างออกรสชาติ

 

 

ด้านซูจิ่วซานแยกตัวออกไปอย่างเงียบๆ เธอตะโกนเรียกผู้จัดหลี่ว์ตรงหน้าบันได “ผู้จัดการหลี่ว์คะ ครั้งก่อนที่ฉันให้คุณเชิญอวี๋กานกานไปตระกูลเยี่ยตรวจอาการให้แม่เฒ่า อาการของแม่เฒ่าเยี่ยดีขึ้นบ้างหรือยังคะ สองวันนี้ฉันว่าง ให้ฉันไปตรวจดูอีกทีดีไหมคะ…”

 

 

สองวันมานี้ผู้จัดการหลี่ว์อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เดินหลังตรง อกผายไหล่ผึ่ง ในตอนที่เขากำลังอ้าปากจะตอบซูจิ่วซาน สายตาหันไปเห็นด้านนอกมีเด็กหนุ่มสามคนกำหลังเดินเข้ามา สีหน้าของผู้จัดการหลี่ว์อึมครึมขึ้นเล็กน้อย ฉายแววความหนักใจที่อธิบายออกมาได้ยาก

 

 

แม้ว่าอวี๋กานกานจะรักษาแม่เฒ่าเยี่ยจนหายดีแล้ว เยี่ยจยาเซิงเองก็ยอมรับในมิตรไมตรีที่เขามีให้ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมากต่อกัน แต่กับราชาปีศาจแห่งตระกูลเยี่ย ผู้จัดการหลี่ว์ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าหากเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยวได้ก็ขอไม่ยุ่งเกี่ยว ยิ่งไม่หวังให้เยี่ยซีมาขอบคุณ หวังเพียงแค่เยี่ยซีให้เขาได้อยู่อย่างสงบสุข

 

 

 ซูจิ่วซานเห็นว่าผู้จัดการหลี่ว์หน้าซีดเป็นไก่ต้มทันทีที่เธอเอ่ยถึงอวี๋กานกานและตระกูลเยี่ย พลันสรุปเอาเองในใจว่าเรื่องตระกูลเยี่ยอวี๋กานกานทำพังพินาศย่อยยับหมดแล้วอย่างแน่นอน

 

 

ผิวหนังชั้นนอกของยัยอวี๋กานกานใกล้จะถูกถลกออกมาแล้ว

 

 

ในใจซูจิ่วซานจินตนาการถึงฉากที่อวี๋กานกานโดนทุกคนฉีกหน้า ดูถูกเหยียดหยามและหมางเมิน พลันรู้สึกอยากจะพูดปลอบใจผู้จัดการหลี่ว์ “ผู้จัดการหลี่ว์คะ…”

 

 

จู่ๆ ผู้จัดการหลี่ว์ก็ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับส่งเสียงทักทาย “คุณชายเยี่ย…”

 

 

ซูจิ่วซานเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสามคน สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ราคาทั้งตัวคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนหยวนกว่าๆ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด นาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังที่สวมอยู่นั้นคือ Patek Philippe รุ่นลิมิตเต็ดอิดิชั่น เหมือนว่าบนโลกนี้จะมีเพียงสิบเรือนเท่านั้น

 

 

ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงตระหง่าน สีหน้าหยิ่งทะนง แววตาเย็นชา…การมาเยือนของพวกเขาทำให้เหล่าพนักงานสาวในสมาคมพากันใจเต้นโครมคราม

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์เรียกเด็กชายที่สวมนาฬิกาข้อมือแบรนด์ Patek Philippe ว่าคุณชายเยี่ย ถ้าอย่างงั้นเด็กหนุ่มสามคนนี้ก็คือสามวีรบุรุษแห่งปักกิ่ง ประกอบด้วยราชาปีศาจแห่งตระกูลเยี่ยเยี่ยซี ตามด้วยเฉินมั่วและเสิ่นตงชิง

 

 

ทำไมพวกเขาถึงมาที่สมาคม หรือเป็นเพราะยัยอวี๋กานกานรักษาแม่เฒ่าไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำยังไปยั่วโมโหเยี่ยซีเข้าให้ ฉะนั้นเยี่ยซีจึงมาคิดบัญชีกับอวี๋กานกานถึงที่สมาคม

 

 

หากเป็นเช่นนี้จริงต้องมีเรื่องสนุกๆ ให้ได้ดูกันฟรีๆ อย่างแน่นอน เยี่ยซีขึ้นชื่อว่ามีนิสัยไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น ลงมือกับผู้หญิงได้อย่างน่าสยดสยอง ไม่มีทางปล่อยให้ยัยอวี๋กานกานมีจุดจบที่สวยงามแน่

 

 

“สวัสดีครับผู้จัดการหลี่ว์ ผมมามอบของเล็กๆ น้อยๆ” เยี่ยซีพูดพลางหันไปมองเสินตงชิงและเฉินมั่ว ในมือของพวกเขาข้างหนึ่งถือธงประกาศเกียรติคุณอีกข้างถือกล่องผูกด้วยริบบิ้น มองแค่แวบเดียวก็สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นของขวัญที่ผ่านการเอาใจใส่มาอย่างดีที่สุด

 

 

ของขวัญเหล่านี้เยี่ยซีคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่ออวี๋กานกานโดยเฉพาะ