บทที่ 137 กองโจรบุก

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 137

กองโจรบุก

จงซู่เฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็ได้ลูบจมูกของตัวเองแล้วพูดกับตัวเอง “นี่เราทำอะไรผิดรึเปล่านะ? ทำไมองค์ชายเย่ถึงได้จ้องมองมาที่เราแบบนั้น?”

ในขณะที่เขาคิดที่จะถามไถ่ แต่เจียงหวายเย่ก็ได้ถูกพาเข้าไปในห้องโดยหลินซีเหยียนแล้ว เขาจึงได้ล้มเลิกความคิดไป

ในห้องนั้นหลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วให้เจียงหวายเย่ นางนั้นไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าพอนางเห็นเจียงหวายเย่ทำสายตายั่วยุเช่นนั้นแล้วนางก็รู้ได้ทันทีว่าฝั่งตรงข้ามนั้นโกหกนาง

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ หลังของเปิ่นหวางมีอาการไม่ค่อยดีจริงๆนะ” เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่ดี เจียงหวายเย่ก็ได้ทำสีหน้าเจ็บปวด

ดูเหมือนว่าจะเป็นได้ทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ซึ่งทำให้คนรู้สึกสับสนได้

ในขณะที่นางกำลังลังเลอยู่นั้น อันอี้ก็ได้เคาะประตู แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆที่แฝงไปด้วยความเร่งรีบ “องค์ชายอยู่ข้างในหรือไม่? ข้าน้อยมีเรื่องจะต้องรีบรายงานขอรับ”

“เข้ามา!” เจียงหวายเย่ก็ได้ยักคิ้วและเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับเป็นใบหน้าหยก

“ในวันนี้ผู้ดูแลอำเภอจ้าวที่อยู่ใกล้ๆเมืองหลวงได้ส่งคนมาพร้อมนำจดหมายเปื้อนเลือดมามอบให้ ซึ่งในจดหมายเขียนเอาไว้ว่าทั่วทั้งอำเภอจ้าวนั้นถูกควบคุมโดยกองโจรเอาไว้แล้ว ซึ่งพวกเขาได้ยึดเอาอำเภอจ้าวที่อยู่ใกล้กับภูเขาเป็นฐานในการเพิ่มพูนกำลังพลของพวกเขา

อำเภอจ้าวนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่เพราะอยู่ติดภูเขาจึงอุดมสมบูรณ์มาก ซึ่งสามารถบุกเบิกพื้นที่ทำไร่นา, เลี้ยงเป็ดไก่ และจับสัตว์ป่าได้ และยังมียุทธภูมิที่ง่ายต่อการป้องกันและยากต่อการเข้าโจมตี จึงเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ

ดังนั้นหากปราศจากซึ่งเวลาและสถานที่ที่อำนวยแล้ว ทหารมากมายคงได้สละเลือดอย่างเสียเปล่าแน่

“แล้วตอนนี้คนส่งสารเป็นอย่างไรแล้วบ้าง? และได้ทำการยืนยันสารแล้วหรือยัง?” เสียงที่เย็นยะเยือกที่ไม่ได้แฝงซึ่งอารมณ์ใดๆไว้ ในเวลานี้เจียงหวายเย่ได้กลับกลายเป็นองค์ชายที่ใครๆต่างก็เคารพรักแล้ว

“ข้าน้อยได้ทำการยืนยันแล้ว และคนส่งสารก็ได้เข้าไปยังพระราชวังเพื่อแจ้งต่อฮ่องเต้แล้ว ซึ่งได้ทำการเตรียมที่จะส่งท่านแม่ทัพเยี่ยจุนเจี๋ยพร้อมด้วยกองทหารเกราะดำไปขอรับ” อันอี้ก้มหัวให้และกล่าวด้วยสายตาที่เป็นกังวลอย่างชัดเจน

ถึงแม้กองทหารเกราะดำนั้นจะเป็นของฮ่องเต้ แต่พวกเขาก็เป็นกองทหารที่ทรงพลังที่เจียงหวายเย่ฝึกมาอย่างดี ทุกคนจึงได้สนิทกับเขา แต่เพราะความสัมพันธ์ขององค์ชายรัตติกาลแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ได้และมักถูกส่งไปสู้รบในแนวหน้าบ่อยๆ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจียงหวายเย่ปวดใจอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง

“พวกเขาจะออกไปเมื่อไร?” เจียงหวายเย่หลับตาลง หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ก็ได้ถามขึ้นมา

“เพราะเป็นเรื่องด่วน ฮ่องเต้จึงได้สั่งให้ท่านแม่ทัพเยี่ยออกไปตอนพรุ่งนี้เช้าเลยขอรับ”

เจียงหวายเย่ที่ได้ฟังก็ได้กำที่จับของรถเข็นแน่นขนัดด้วยมือของเขา ดูเหมือนฮ่องเต้จะไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่เฉยเลยจริงๆ เขานั้นบาดเจ็บสาหัสอยู่แต่ต้องกลับไปในสนามรบเสียแล้ว เพราะว่าเขานั้นมีอาการที่สาหัสอยู่ จึงได้ถูกฮ่องเต้เจียงยึดเอากองทหารไปเพื่อฟื้นฟูกองทัพ และกองทัพเกราะดำเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนฮ่องเต้เจียงก็ได้ทะเลาะอย่างรุนแรงกับกองทัพเกราะดำ ในเวลานี้เขาจึงได้อยากที่จะกำจัดพวกเขา ช่างเป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่จริงๆ

เรียกคนมาจากหอพันกล 12 คน แล้วพรุ่งนี้ตาม เปิ่นหวางไปที่อำเภอจ้าวกัน”

เมื่อประโยคนี้ได้ออกมาจากปากของเจียงหวายเย่พร้อมด้วยบรรยากาศที่น่ากลัวที่แม้แต่หลินซีเหยียนยังต้องผงะแล้ว นางนั้นไม่เคยเห็นเจียงหวายเย่โกรธเช่นนี้มาก่อน แต่นางก็จำเป็นต้องกล่าว “องค์ชาย บาดแผลที่หลังของท่านยังไม่เหมาะสมที่จะเคลื่อนไหวหักโหม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารมณ์ที่เย็นยะเยือกของเจียงหวายเย่นั้นก็ได้เปลี่ยนไปเป็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิทันที เขาได้เผยรอยยิ้มที่มุมปากของเขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เปิ่นหวางได้สัญญากับทหารเหล่านั้นเอาไว้แล้วว่าจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นเปิ่นหวางจำเป็นต้องไป”

เมื่อเห็นดวงตาที่หนักแน่นของชายคนนี้แล้ว ทำให้ หลินซีเหยียนยากที่จะปฏิเสธ และทำได้แค่นิ่งเงียบ

ในเมื่อเจียงหวายเย่นั้นจำเป็นที่จะต้องหารือกับอันอี้ ดูเหมือนว่าการตรวจดูแผลนั้นจะไม่ใช่สาระสำคัญอีกแล้ว

จนกระทั่งวันต่อมาก่อนที่จะรุ่งสาง เจียงหวายเย่ก็ได้สวมชุดสีดำและหวังที่จะอาศัยความมืดนั้นไปให้ถึงอำเภอจ้าวก่อนเยี่ยจุนเจี๋ย

ถึงแม้ว่าอำเภอจ้าวนั้นจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง แต่ก็ใช้เวลาถึงครึ่งวันในการควบม้าเร็วถึงจะไปถึง ทำให้แผลที่หลังของเจียงหวายเย่นั้นเริ่มปริออก และเลือดก็ได้เริ่มซึมผ่านเสื้อผ้าสีดำนั้น

“องค์ชาย”

เมื่ออันอี้มองเห็นเลือด ก็ได้มองไปที่หลังของคนที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความกังวล ซึ่งความกังวลในดวงตาของเขานั้นก็มากขึ้นเรื่อยๆ

และเพื่อที่จะปลอบลูกน้องของเขา เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวอย่างเย็นยะเยือกด้วยริมฝีปากซีดๆของเขา “ไม่เป็นไร”

แล้วทั้งหมดก็ได้เดินทางมาถึงที่อำเภอจ้าวก่อนเที่ยง แล้วพวกเขาก็พบสถานที่ให้แวะพัก นอกจากเจียงหวายเย่กับอันอี้แล้ว ที่เหลือก็ได้แยกย้ายกันออกไปรวบรวมข่าวสาร ในช่วงเวลานี้เจียงหวายเย่ก็ได้ให้อันอี้ทำแผลให้ใหม่

แต่อันอี้นั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบาดแผลที่หลังขององค์ชายเย่นั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบได้ “องค์ชายบาดแผลของท่านกำลังจะอักเสบ เรื่องในคราวนี้ได้โปรดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอันอี้เถอะขอรับ ได้โปรดหาที่พักผ่อนและรอฟังผลจากอันอี้เถอะขอรับ”

เจียงหวายเย่ก็ได้ส่ายหัวของเขาแล้วหยิบเอาขวดยารักษาแผลขวดหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นให้อันอี้โดยไม่ลังเล “มันยังพอทนได้อีกสักระยะ”

มองไปที่ขวดเล็กๆในมือของเขา และกัดริมฝีปากบางๆของเขาอย่างเงียบๆ ยาขวดนี้นั้นปกติจะเอาไว้ใช้ลงโทษ ซึ่งเมื่อโรยใส่บาดแผลแล้วจะทำให้แผลเกิดการไหม้ แต่ก็มีผลในการยับยั้งการอักเสบของแผลได้

“องค์ชาย” นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่อันอี้นั้นขัดคำสั่งของเจียงหวายเย่ เขานั้นคิดที่จะเกลี้ยกล่อมเจียงหวายเย่ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป เขาก็ได้ถูกสายตาขององค์ชายเย่จ้องกลับมา

แล้วเสียงขององค์ชายเย่ก็ได้ดังเข้ามาในหูของเขา ด้วยเสียงที่ฟังดูเย็นยะเยือกอย่างสุดๆ “อันอี้ เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางนั้นกำลังล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?”

อันอี้จึงได้รีบลุกขึ้นแล้วก้มหัวลงตรงหน้าของ เจียงหวายเย่ทันที “ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ”

จากนั้นเขาก็ได้หยิบเอาขวดยามาจากในมือของ เจียงหวายเย่ แล้วโรยลงบนหลังที่เป็นแผลและซีดเผือดของ เจียงหวายเย่ ซึ่งในเวลานี้เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังจากที่จัดการทำแผลเรียบร้อยแล้ว เหล่าลูกน้องที่แยกย้ายกันออกไปก็ได้พากันกลับมา และพากันรายงานสถานการณ์ในอำเภอจ้าวทีละคน

“มีกองโจรประมาณ 500 คนอยู่ในเมืองจ้าวขอรับ พวกเขานั้นมีทั้งธนูและลูกดอก, หอกยาวและกระบี่ยาวครบมือขอรับ”

“ส่วนผู้คนในอำเภอจ้าวนั้น นอกเสียจากจวนของผู้ดูแลอำเภอแล้ว ล้วนแล้วแต่ถูกฆ่าไม่ก็หนีไปในตอนที่เกิดความชุลมุนขอรับ”

“…….”

หลังจากที่ได้ฟัง เจียงหวายเย่ก็พอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆได้ แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทำไมกองโจรถึงได้มีอาวุธครบมือขนาดนั้นได้? พวกเขาไปเอาอาวุธพวกนั้นมาจากไหนกัน?

“รายงานองค์ชาย ท่านแม่ทัพเยี่ยได้มาถึงพร้อมกับกองทัพแล้วขอรับ” เชียนอี้ได้ก้มหัวแล้วเข้ามารายงาน

เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ออกคำสั่ง “เชียนอี้, เชียนเอ้อ, เชียนซานพวกเจ้าไปผสมโรงอยู่ในกองทัพเกราะดำแล้วคอยช่วยเหลือเยี่ยจุนเจี๋ย และคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว

แล้วคนที่ดูแข็งแรง 3 คนก็ได้หายเข้าไปในป่าลึกทันที

ณ จวนมหาเสนาบดีในยามรุ่งเช้า หลินซีเหยียนที่ถือขวดยาไว้ในมือก็ได้เคาะประตูห้องของเจียงหวายเย่ด้วยขอบตาที่คล้ำ แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา นางจึงได้เปิดประตูเข้าไปดูข้างในแล้วพบว่าที่เตียงนั้นไม่อุ่นแล้ว

“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย จะรอข้าสักหน่อยไม่ได้หรือยังไง?” หลินซีเหยียนก็ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้อย่างช่วยไม่ได้ และสาปแช่งเจียงหวายเย่เป็นพันหนอยู่ในใจของนาง

แต่สาปแช่งไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะถ้ามีประโยชน์ ฮูหยินอวี้กับคนอื่นๆคงได้ถูกนางสาปแช่งจนตายไปแล้ว หลินซีเหยียนจึงช่วยไม่ได้นอกจากลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวที่จะไปที่อำเภอจ้าวเพื่อไปตามหาคนดื้อแล้วเอายาในมือให้เขา

เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับจงซู่เฟิง

“แม่นางหลินจะออกไปไหนเหรอ?”

มีเสียงที่อ่อนโยนที่ชวนให้คนอื่นเข้าหาดังขึ้นมา แต่เสียงนี้กลับทำให้หลินซีเหยียนระวังตัวอย่างไม่มีเหตุผล