บทที่ 138 เหตุร้ายของแม่ทัพเยี่ย

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 138

เหตุร้ายของแม่ทัพเยี่ย

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มให้จงซู่เฟิงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มีอะไร “เผอิญว่าสมุนไพรที่ข้าเตรียมเอาไว้ที่จวนใกล้จะหมดแล้ว ข้าจึงได้คิดที่จะไปเบิกมาเพิ่มน่ะ”

นางนั้นไม่คิดที่จะบอกจงซู่เฟิงว่าจริงๆแล้วนางจะไปที่ไหน จึงได้กล่าวหลอกเขาอย่างนุ่มนวลว่านางจะไปที่พระราชวัง

จงซู่เฟิงก็ได้บิดริมฝีปากของเขา แล้วก้มหัวให้ หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ต้องลำบากแม่นางหลินแล้วที่ต้องไปโน่นไปนี่เพื่อรักษาตัวเรานี้”

“ท่านสุภาพเกินไปแล้วองค์ชายจง” จับมือของจงซู่เฟิงไว้ แล้วหลินซีเหยียนก็ได้เปิดริมฝีปากสีชมพูของนาง “มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วที่จะต้องรักษาท่าน”

หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้จากไป แล้วทิ้งจงซู่เฟิงที่จ้องไปที่แผ่นหลังของนางอย่างงงๆ

หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้ไปที่จะไปที่พระราชวังเพื่อไปเบิกสมุนไพร อย่างไรเสียที่นางพูดเมื่อสักครู่นั้นก็เพื่อบอกปัดเขาก็เท่านั้น และสมุนไพรที่อยู่ในจวนมหาเสนาบดีนั้นก็มีมากเพียงพอแล้ว ซึ่งจำนวนมากกว่าครึ่งนั้นได้มาจากสมุนไพรในท้องพระคลัง

ด้วยการอนุญาตของฮ่องเต้เจียงแล้ว ถ้านางไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่คุ้มค่ากับการโดนโบย 40 ครั้งหรอก

ยืนอยู่ท่ามกลางถนนที่วุ่นวาย หลินซีเหยียนก็ได้ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ได้บ่นพึมพำขึ้นมา “เอาล่ะ ไปหาหลงเยว่ก่อนดีกว่า”

ณ โรงเตี๊ยมธรรมดาแห่งหนึ่งในทางตะวันตกของเมือง หลินซีเหยียนก็ได้เข้าไปและหามุมที่ไม่สะดุดตาแล้วทำท่าขยับกำไลของนางไปมา

แล้วเสี่ยวเอ้อที่ตาแหลมคนหนึ่งในโรงเตี๊ยมที่เห็นเข้าก็ได้ทำสีหน้านิ่งๆ แล้วจากนั้นก็ได้เดินเข้ามาหา “คุณหนูขอรับ มีคนกำลังรอท่านอยู่ที่ชั้นบน กรุณาตามข้ามาขอรับ”

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วเดินตามเสี่ยวเอ้อไป นางนั้นถูกพาไปยังชั้นบนสุด

“เชิญเขามาด้านในเลยขอรับ ส่วนข้าน้อยขอตัวก่อน” หลังจากที่ทำหน้าที่เรียบร้อย เสี่ยวเอ้อก็ได้ออกไปอย่างรู้งาน

ผลักประตูเปิดออกไป หลินซีเหยียนก็ได้เข้ามาด้านใน ซึ่งข้างในนั้นดูธรรมดามากๆซึ่งทำให้นางสงสัยเล็กน้อย เพราะเท่าที่นางจำได้หลวงเยว่นั้นจะเป็นพวกที่ชอบความหรูหรา แล้วทำไมคราวนี้นางถึงได้จัดห้องเช่นนี้ได้

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าไม่ได้มาหาข้าเสียนานเลย นึกอย่างไรมาหาข้าได้?”

มีคำพูดบ่นดังเข้าหูของนาง แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะทันตั้งตัว นางก็ถูกเขากอดอย่างเต็มอ้อมแขน ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนต้องถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หลวงเยว่นั้นดีไปแทบทุกเรื่องเว้นแต่เรื่องการแสดงออกที่มากเกินไป

“เสี่ยวเหยียน อาการบาดเจ็บของเจ้าหายแล้วหรือยัง? เจ้าฮ่องเต้เจียงโง่เง่านั่นก็ทำกับเจ้าที่มีรูปโฉมที่งดงามได้ลงคอ”

หลงเยว่ที่อยู่ในชุดสีแดงก็มีท่าทีที่โมโหและพูดก่นด่าไม่หยุดปากด้วยถ้อยคำที่อันตรายโดยไม่สนใจว่ากำแพงมีหู ประตูมีช่องเลยแม้แต่น้อย

“หลงเยว่” เพื่อที่ป้องกันไม่ให้หลงเยว่นั้นพูดถ้อยคำที่อันตรายมากไปกว่านี้ หลินซีเหยียนจึงต้องเรียกสตินางอย่างช่วยไม่ได้

หลิงเยว่ก็ได้บิดปากของนางแล้วทำท่าทางเหมือนเป็นเด็กดีทันที “ถ้าเสี่ยวเหยียนเอ๋อไม่อยากฟัง ข้าจะหยุดก็ได้”

“ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อที่จะสอบถามเรื่องหนึ่งจากเจ้าหน่อย” หลินซีเหยียนก็ได้เล่าเรื่องกองโจรบุกอำเภอจ้าวให้หลงเยว่ฟัง

ถึงแม้ว่าสำนักหมอพิษนั้นจะไม่ได้ทำการมานานแล้วก็ตามที แต่เพราะจำนวนคนที่มากและได้แยกย้ายกันออกไปทั่ว ด้วยเหตุนี้ข่าวสารขอหลงเยว่นั้นจึงกระชับมาก

“กองโจรพวกนั้นน่ะไม่สนใจแค่ทำเลของอำเภอจ้าวหรอกนะ แต่ยังสนใจเหมืองทองคำด้วย”

“เหมืองทอง?” หลินซีเหยียนก็ได้ชะงักขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินที่หลงเยว่กล่าว

หลงเยว่ก็รู้สึกพึงพอใจกับท่าทีของหลินซีเหยียน ในตอนที่นางรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก นางเองก็ตกใจมากเช่นกัน ภูเขาทุกลูกในรัฐเจียงนั้นล้วนแต่ดูแลโดยผู้ตรวจการที่ส่งมาจากสำนักพระราชวัง หากว่าพบสินแร่ที่มีค่าก็จำเป็นที่จะต้องรายงานให้ทางสำนักพระราชวังทราบทันที แต่ผู้ตรวจการที่ภูเขาอูอวิ๋นที่อยู่ติดกับอำเภอจ้าวนั้นกลับไม่ได้รายงานเรื่องนี้ออกไป

“ซึ่งข่าวนี้ได้รับการยืนยันมาแล้วว่า ผู้คนในอำเภอจ้าวนั้นได้ลอบสังหารผู้ตรวจการทิ้งเพราะต้องการที่จะหุบเหมืองทองคำนี้ไว้ใช้เอง แต่พอข่าวหลุดออกมาก็ได้ดึงดูดคนจำพวกนั้นให้ไปหาล่ะนะ” หลงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย

ผู้ตรวจการเขาอูอวิ๋นนั้นเป็นขุนนางที่ดีที่เที่ยงธรรมและซื่อตรง อีกทั้งยังรักชาวบ้านเหมือนกับลูก เขานั้นยังเคยแบ่งอาหารของตัวเองให้เพื่อคนที่ไม่มีอันจะกิน แต่คนเหล่านั้นกลับฆ่าเขาเสียเพราะเห็นแก่เงิน”

มีความเศร้าใจและหดหู่ในคำพูดของหลงเยว่ หลินซีเหยียนจึงได้ตบไหล่ของนางโดยที่ไม่พูดอะไร

เงินทองนั้นเป็นของดี สามารถทำให้ผู้คนมีกินและมีใช้ได้ แต่เงินทองเองก็มีข้อเสีย เพราะมันจะดึงเอาความมืดที่อยู่ในจิตใจของคนออกมา

ท่ามกลางความเงียบสงบ หลินซีเหยียนก็นึกธุระของนางขึ้นมาได้ และได้รีบถามออกไป “แล้วพวกโจรในอำเภอจ้าวนั้นมาจากไหนก้น? ทำไมถึงได้กล้าเข้ามายึดและเอาภูเขาที่เหมือนอยู่ใต้เท้าของฮ่องเต้ไป?”

“แท้จริงแล้วคนพวกนั้นหาใช่กองโจรธรรมดาไม่ พวกเขาเป็นทหารรับจ้างเร่ร่อนที่เดินทางไปทั่วแผ่นดินแล้ว คนพวกนั้นโหดร้ายมากแต่ละคนนั้นล้วนแต่ฆ่าคนมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองคน” หลังจากที่หลงเยว่กล่าวจบ นางก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างจริงจัง “ฟังข้านะ อย่าได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด เรื่องนี้มันซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก”

หลินซีเหยียนนั้นแค่วางแผนที่จะรับทราบเรื่องของสถานการณ์เท่ากัน และยังไม่ได้คิดที่จะไปยังอำเภอจ้าว นางจึงได้สงบใจลงแล้วกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าไม่ไปหรอก”

หลังจากนั้นหลงเยว่ก็ได้รายงานให้หลินซีเหยียนฟังถึงเรื่องต่างๆที่เหล่าหมอพิษได้พบเจอในช่วงนี้

ถึงแม้ว่าเหล่าหมอพิษนั้นจะมีชื่อเสียงด้านการแพทย์ แต่ก็ได้ทำธุรกิจอื่นด้วยแล้วจึงประสบปัญหามากมาย แต่โชคดีที่หลงเยว่นั้นเป็นคนที่ฉลาดมาก ไม่อย่างนั้นหลินซีเหยียนคงไม่สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่นางต้องการ

หลังจากที่หลินซีเหยียนออกมาก็ได้เดินทางกลับไปที่ จวนมหาเสนาบดี เขาก็พบว่าที่ข้างๆองค์ชายจงนั้น มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างหลินรั่วจิ่งอยู่ในเรือนเล็กๆของนางด้วย

องค์ชายจงและหลินรั่วจิ่งก็ได้พูดคุยกันอย่างมีความสุขดี หลังจากที่เห็นหลินซีเหยียนกลับมาทั้งสองคนจึงได้หยุดพูดคุยแล้วหันมาหานาง

“ท่านพี่ออกไปไหนมาเหรอเจ้าคะ?” หลินรั่วจิ่งลุกขึ้นยืนแล้วมองมาที่นางด้วยความเคารพมาก

หลินซีเหยียนก็ได้มองด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนจะยิ้มและกล่าว “ข้าออกไปทำธุระข้างนอกมาน่ะ”

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่อบอุ่นของจงซู่เฟิง “แม่นางหลินได้ยินเรื่องของอำเภอจ้าวบ้างหรือไม่?”

“ก็พอได้ยินมาบ้าง”

“เห็นว่าในเวลานี้ท่านแม่ทัพเยี่ยได้ถูกโอบล้อมอยู่ ไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?” จงซู่เฟิงถอนหายใจและกล่าวด้วยความเสียดาย

“เกิดอะไรขึ้นที่อำเภอจ้าว? แล้วท่านแม่ทัพเยี่ยตกอยู่ในอันตราย?” ดวงตาสีดำของนางก็ได้แสดงถึงความหวาดกลัวทันที แล้วมองไปที่จงซู่เฟิง! แล้วถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง

แต่ก่อนที่จงซู่เฟิงจะได้กล่าวอะไร หลินรั่วจิงก็ได้รีบตอบขึ้นมาก่อน “ท่านยังไม่ทราบเหรอท่านพี่? ท่านแม่ทัพเยี่ยนั้นถูกซุ่มโจมตีทันทีที่ไปถึงที่นั่น มีทหารที่ถูกฆ่าตายและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน แล้วท่านแม่ทัพเยี่ยเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ทราบ”

ความสัมพันธ์ของจวนแม่ทัพเจิ้นกว๋อกับหลินซีเหยียนนั้นเป็นที่รู้ดีของจวนมหาเสนาบดี ดังนั้นหลินรั่วจิ่งจึงได้รอดูท่าทางที่น่าสนุกของหลินซีเหยียนด้วยยิ้มที่ชั่วร้าย

แต่หลินซีเหยียนนั้นก็หาใช่เด็กสาวที่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในเวลาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางก็ยังสามารถสงบนิ่งคิดหาวิธีได้

“ข้าจำเป็นต้องออกไปหาสมุนไพรบางอย่าง ข้าจะเขียนสูตรยาสำหรับสองวันเอาไว้ให้ช่างช่านนะ” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวและในดวงตาสีดำของนางก็ได้มองผ่านหลินรั่วจิ่งไปด้วยรอยยิ้ม

ในชั่วขณะนั้นเองที่หลินรั่วจิ่งก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเมื่อได้เห็นเช่นนั้น

นางจึงได้รีบตั้งสติแล้วเผยรอยยิ้มที่ดูอารีบนใบหน้าของนาง “ท่านพี่ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”

จงซู่เฟิงก็ได้เปิดปากของเขาคิดที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก่อนที่จะเขาจะพูดอะไร หลินซีเหยียนก็ได้จากไปไกลแล้ว ทำให้เขาได้แต่ปิดปากของตัวเองอย่างเงียบๆเท่านั้น

หลินซีเหยียนก็ได้ออกเดินทางมาไกลแล้วและพามาแค่ จี๋เฟิงเท่านั้น และให้ชิงอวี่คอยดูแลเทียนเอ๋อ

เดิมทีนางนั้นคิดว่านางจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบที่ออกมาโดยที่ทิ้งเทียนเอ๋อไว้ข้างหลัง แต่พอนางพบเจ้าเด็กตัวแสบในอำเภอจ้าวแล้ว ก็พบว่านางนั้นประมาทเจ้าเด็กตัวแสบนี่มากไปหน่อย