บทที่ 139 ก็แค่เรื่องบังเอิญ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 139

ก็แค่เรื่องบังเอิญ

“ท่านแม่ ท่านคิดจะทิ้งข้าไว้แล้วหนีมาเที่ยวเล่นคนเดียวงั้นเหรอ?” เทียนเอ๋อมองไปที่ท่านแม่ของเขาที่มีอาการตกใจ แล้วก็ได้ยักคิ้วแล้วกล่าวโทษนางอย่างไม่พอใจ

เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราดโดยหารู้ไม่ว่าแม่ของเขานั้นมีสีหน้าที่มืดดำมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

หลินซีเหยียนก็ได้ยกมือของนางขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้วตบลงไปที่หัวของเจ้าตัวแสบที่พูดมาก “เจ้าตัวแสบ ไม่ใช่ว่าข้าบอกให้เจ้าอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีไม่ใช่รึไง?”

“ก็ที่จวนมหาเสนาบดีมันน่าเบื่ออะ มีแต่พวกคนไม่ดี เทียนเอ๋อไม่อยากอยู่ที่นั่นหรอก!” เจ้าลูกชิ้นขาวก็ได้แก้มป่องด้วยความโมโหและแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

หลินซีเหยียนกุมขมับของนางแล้วมองไปที่ตัวสร้างปัญหาที่อยู่ตรงหน้านาง สุดท้ายนางก็ได้ตัดสินใจพาเขาไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงกับอำเภอจ้าวเพื่ออาศัยอยู่ในบ้านไร่แห่งหนึ่ง

“แม่นางข้างนอกไม่ค่อยปลอดภัยนัก อย่าออกมาข้างนอกตอนดึกเชียวล่ะ” คุณป้าท่านหนึ่งที่แต่งตัวบ้านๆก็ได้กล่าวเตือนอย่างใจดี

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มและผงกหัว “ขอบคุณมากที่เป็นห่วง พวกเราจะระวังตัวเจ้าค่ะ”

ในตอนกลางคืนท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง และที่ข้างนอกมีสายลมเย็นพัดมาอย่างต่อเนื่อง หลินซีเหยียนก็ได้ เป่าเทียนที่ให้แสงสีเหลืองที่อบอุ่นลง แล้วสวมชุดสีดำแล้วห้อยกระบี่สีน้ำเงินไว้ที่เอวของนาง

นางมองไปที่เทียนเอ๋อที่กำลังนอนอยู่ แล้วยื่นมือออกไปเพื่อดึงผ้าห่มแล้วจากนั้นก็เตรียมตัวที่จะออกไป แต่ในขณะที่นางกำลังจะเดินไปที่ประตูนางก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆลอยเข้าจมูกของนาง

ในหัวของหลินซีเหยียนมีคำว่า “กำยาน” ผุดขึ้นมา จึงได้รีบกลั้นหายใจแล้วเดินถอยไปหาเทียนเอ๋ออย่างช้าๆ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมแล้วแกล้งทำเป็นหลับ

หลังจากนั้นสักพัก ก็มีเสียงประตูดังขึ้นมา

แล้วก็มีเสียงที่ฟังดูหยาบกร้านดังขึ้นมา “หญิงสาวคนนั้นงดงามมากอย่างที่เจ้าว่าจริงๆเหรอ?”

“ลูกพี่อู๋ไม่ต้องกังวล ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ของชั้นเลิศ ข้าก็ไม่กล้าเอานางมาบรรณาการให้ท่านหรอก!” คุณป้าใจดีเมื่อกลางวันนั้น ในเวลานี้ได้กลายเป็นคนร้ายราวกับหมาจิ้งจอกเสียแล้ว “ถ้าเกิดว่าท่านพอใจนาง ท่านพอจะช่วยคืนสามีของข้าได้หรือไม่?”

“เจ้าไปก่อนไป ส่วนเรื่องข้าจะคืนให้หรือไม่นั้น ต้องรอให้ข้าตรวจของให้เรียบร้อยก่อน” ลูกพี่อู๋ก็ได้ผลักคุณป้าที่ประจบประแจงคนนั้นออกไปแล้วเดินเข้าไปในห้อง”

จี๋เฟิงกับชิงอวี่ก็ได้จ้องมาทางนี้อย่างเงียบๆและรอคอยคำสั่งของหลินซีเหยียน

หัวหน้าอู๋ได้เดินไปที่เตียงแล้วก็พบหญิงสาวที่ผิวเนียนนุ่มและขาวดุจหิมะที่นอนอยู่บนเตียง ตาทั้งสองข้างก็ได้จับจ้องไปที่หญิงสาวคนนั้น “บ้าน่า นี่มันนางฟ้าชัดๆ ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวที่งามขนาดนี้มาก่อน”

จากนั้นเขาก็ได้จ้องไปที่คุณป้าที่อยู่ด้านหลังเขา แล้วคุณป้าคนนั้นก็ได้ปิดประตูแล้วจากไป

“สาวน้อย ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้ายังไงดีนะ?”

ลูกพี่อู๋ก็ได้ถูมือของเขาแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันที่เหลืองและดำของเขา และกลิ่นตัวที่แรงของเขาทำให้ หลินซีเหยียนรู้สึกแย่มาแต่ไกลๆ

ในขณะมือที่แห้งและหยาบของเขาได้เข้ามาแตะตัวของหลินซีเหยียนอยู่นั้นเอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้างสะโพกของเขา จากนั้นเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อพบว่าเขานั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

แล้วหญิงสาวที่ควรจะไม่ได้สตินั้นก็ได้ลืมตาขึ้นมาแล้วนั่งลงอย่างช้าๆและลืมตา ดวงตาหงส์ไฟที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มคู่นั้นทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา

“เรามาคุยกันสักหน่อยดีกว่า!” ปากของหลินซีเหยียนก็ได้ขยับเล็กน้อย รอยยิ้มของนางนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

ลูกพี่อู๋นั้นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตัวเขานั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือวิ่งหนีได้เลย ทำได้แค่ส่งเสียงผ่านลำคอเท่านั้น

หลินซีเหยียนก็ได้มองหาเชือก แล้วจับลูกพี่อู๋มัดเอาไว้ จากนั้นก็ตรวจดูว่าไม่มีใครแล้วก็ได้ดึงเอาเข็มเงินออกมา

“พี่สาวจ๋า ตัวข้ามีตาแต่หามีแววไม่ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ!”

ไม่ห่วงเรื่องหน้าตัวเอง แต่เอาชีวิตให้รอดก่อนเป็นยอดดี ลูกพี่อู่ได้เริ่มทำการอ้อนวอนทั้งน้ำหูน้ำตา

เขาพูดเสียงดังมากเสียจน หลินซีเหยียนก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเอามืออุดหู หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เขาเพื่อเป็นการเตือน ลูกพี่อู๋จึงได้รีบหุบปากทันที

“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้ แต่ข้ามีบางเรื่องที่อยากจะถามเจ้า” หลินซีเหยียนได้ควงมีดเย็นๆในมือของนาง

ลูกพี่อู๋จึงได้รีบกล่าวอย่างประจบประแจงทันที “ถ้าพี่สาวมีอะไรที่อยากถามก็ถามมาได้เลย หากว่าเป็นเรื่องที่ข้ารู้ ข้าจะตอบพี่สาวทุกอย่างเลย”

ด้วยท่าทีที่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ทำให้หลินซีเหยียนผงกหัวด้วยความพึงพอใจแล้วกล่าว “เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับกองโจรในอำเภอจ้าว?”

“เอ่อ, คือว่า….” ลูกพี่อู่ที่ได้ยินก็ได้เริ่มลังเล ก่อนจะเริ่มพูดต่อรองออกมา “พี่สาวพอจะเปลี่ยนคำถามได้ไหม? ถ้าเกิดข้าตอบคำถามนี้ของเจ้าไป ข้าคงได้ตายหยังเขียดแน่”

หลินซีเหยียนก็ได้ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วขยับสายตาลงไปยังช่วงล่างของเขาแล้วกล่าว “จะพูดหรือไม่พูด?”

ลูกพี่อู๋ก็ได้กลืนน้ำลายแล้วเริ่มสั่นด้วยความกลัว “แม่นางได้โปรดเมตตาด้วย ข้าบอกก็ได้ว่าข้าเป็นแค่หัวหน้าโจรกลุ่มเล็กๆในอำเภอจ้าวเท่านั้น ถึงแม้ลูกพี่ใหญ่จะสั่งห้ามไม่ให้ข้าออกมาข้างนอก แต่เพราะข้าขาดแคลนผู้หญิงมานาน ข้าจึงทนไม่ไหวแอบหนีออกมา”

“แล้วแม่ทัพที่ถูกพวกเจ้าลอบโจมตีและล้อมเอาไว้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง?” หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาหงส์ไฟลง นางต้องการที่จะรู้ที่อยู่ของเยี่ยจุนเจี๋ยให้ได้โดยไวที่สุด

ลูกพี่อู๋คิดอย่างหนักแล้วสุดท้ายก็ได้ส่ายหัวออกมาอย่างขี้ขลาด “อันนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในวันนั้นข้าท้องไม่ค่อยดีเลยไม่ได้ไปด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าเขาถูกลูกพี่ใหญ่พาตัวไปล่ะนะ”

เมื่อได้ยินที่เขาพูด มุมปากของหลินซีเหยียนก็ได้กระตุกไม่หยุดแล้วจากนั้นจึงยกมือขึ้นมา

“แม่นางได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้ายังไม่ได้แต่งงานและมีลูกเลยนะ ข้ายังไม่อยากเป็นขันทีนะ!”

เสียงที่ร้องเหมือนหมูถูกเชือดนั้นทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา หลินซีเหยียนก็ได้ปักมีดลงไป แล้วลูกพี่อู๋ก็ได้ร่วงลงไปกองกับพื้นทันที

แล้วจี๋เฟิงกับชิงอวี่ก็ได้กระโดดลงมาจากคาน

“พระชายา จะทำอย่างไรกับชายคนนี้ดีเหรอขอรับ?” จี๋เฟิงก็ได้ถามเบาๆ

“มองหาสถานที่เหมาะๆขังเขาเอาไว้ ชิงอวี่เจ้าพา เทียนเอ๋อกลับไปที่เมืองหลวงในคืนนี้เลย” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกที่ไม่อาจขัดขืนได้

เมื่อพูดถึงเทียนเอ๋อ ใบหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้อ่อนโยนลงเล็กน้อย เจ้าตัวแสบที่หลับใหลเพราะกำยานนั้น เกรงว่ากว่าเขาจะตื่นขึ้นมาก็คงสายไปแล้ว

ชิงอวี่ก็ได้ผงกหัวแล้วบอกให้หลินซีเหยียนดูแลตัวเองด้วยในตอนที่นางไม่อยู่

หลังจากที่มองดูชิงอวี่จากไป หลินซีเหยียนก็ได้กับจี๋เฟิงก็ได้จัดการทำให้ผู้หญิงกลางคนสลบไปและปิดปากนางเอาไว้

“พระชายา แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดีเหรอขอรับ?”

ในเวลานี้เองท้องฟ้าก็ได้สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้ทั้งคู่อยากที่จะสำรวจอำเภอจ้าวในตอนกลางคืน มันก็สายเกินไปแล้ว

หลินซีเหยียนจึงได้ไปที่ด้านหลังของจี๋เฟิงแล้วผลักเขานั่งลงที่เก้าอี้ จากนั้นนางก็ได้หยิบเอาขวดและกระปุกยาออกมามากมายจากในกระเป๋าผ้าเล็กๆรอบเอวของนางแล้วก็เริ่มจัดการแต่งหน้าของเขา

เมื่อจัดการแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วจี๋เฟิงก็ต้องตกตะลึง เมื่อใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นแม้จะมีใบหน้าเหมือนเขาอยู่บ้าง แต่ก็ดูออกอย่างชัดเจนว่าคือลูกพี่อู๋!

แล้วเขาก็ได้มองไปที่พระชายาและพอที่จะเดาความคิดของนางขึ้นมาได้

“นับแต่นี้ไปเจ้าคือลูกพี่อู๋ แล้วข้าก็จะเป็นผู้หญิงที่เจ้าจับกลับมาจากนอกอำเภอ”

หลินซีเหยียนที่มีแววตาที่สว่างขึ้นมานั้น จี๋เฟิงก็ได้จ้องมองไปที่ดวงตานั้นแล้วก็พลันรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมา นี่ถ้าเรื่องนี้ถูกรู้เข้าโดยองค์ชายแล้วล่ะก็…..

เกรงว่าตัวเขาคงได้ไม่ตายดีแน่!

แต่หากพวกเขาต้องการเข้าไปในอำเภอจ้าวโดยปราศจากการเสียเลือดเนื้อแล้วล่ะก็ นี่ก็อาจจะเป็นทางลัดที่ดีก็ได้

ท้ายที่สุดก็ได้ตกลงตามนี้ แล้วจี๋เฟิงที่สวมกอดองค์หญิงก็ได้เข้าไปในอำเภอจ้าวอย่างไม่ระวังตัวมากนัก เดิมทีเขานั้นกลัวว่าจะเจอกับการสอบถามเข้า แต่เขาก็ไม่นึกว่าใบหน้าของลูกพี่อู๋นั้นจะเป็นบัตรผ่านที่ดีเช่นนี้

ไม่มีใครรู้และไม่มีใครสนเลย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกสงสัยในตัวตนของลูกพี่อู๋ขึ้นมา