สองปีกับอีกไม่กี่เดือนต่อมา
ถึงคอมพิวเตอร์จะค่อยๆเป็นที่แพร่หลายแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะมีกันในหอพักทุกห้อง
ตอนดึกๆห้าทุ่มครึ่งนักศึกษาที่มีคอมพิวเตอร์ก็จะเล่นเกมข้ามคืน ถึงเกมWarcraftจะยังไม่เปิดให้ทดลองเล่น แต่เกมอย่างเกมต่อสู้กำลังภายในกับไซอิ๋วก็เริ่มเป็นที่นิยม เติมเต็มโลกแห่งจินตนาการของนักศึกษา ตั้งแต่ช่วงสองปีนี้เป็นต้นไป รายจ่ายของนักศึกษาก็ได้เพิ่มเรื่องเกมเข้ามาอีกหนึ่งรายการ
ต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยครูBDก็ยังมีนักศึกษาที่ติดเกมหนัก คนที่ไปนั่งเล่นเกมข้ามคืนในร้านอินเตอร์เน็ตมีมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาใกล้เที่ยงคืนสำหรับหลายๆคนแล้วมันเพิ่งจะเป็นการเริ่มต้น
เสียงวิทยุดังลอยมาจากห้อง4444 นักศึกษาหญิงที่พักห้องนี้เปลี่ยนคนแล้ว สามคนที่เคยอยู่ย้ายออกไปกันหมด
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งเล่นเน็ตจนดึกเพิ่งกลับหอเปิดประตูเข้ามาทักทายเพื่อนในห้อง เดิมคิดจะหยิบอุปกรณ์ไปแปรงฟันล้างหน้าก่อนค่อยนอน แต่กลับหยุดเดินเพราะเสียงจากวิทยุ
“นั่นรายการอะไรเหรอ?”
“พาสเวิร์ดหัวใจ เป็นรายการที่ฮอตมากของคลื่นจราจรเมืองนี้เลยนะ พิธีกรจะตอบคำถามคนที่โทรเข้าไป ช่วยหาทางแก้ปัญหาที่รบกวนจิตใจ” นักศึกษาคนที่ฟังวิทยุอยู่ตอบ
เดิมควรจะใส่หูฟัง แต่เพื่อนในห้องต่างชอบรายการนี้จึงเปิดเสียงดังให้ทุกคนได้ฟัง
ตอนนี้คลื่นวิทยุหลายคลื่นต่างมีรายการแบบนี้ ส่วนใหญ่อยู่ช่วงดึกๆที่บรรยากาศเงียบสงบ ยอดคนฟังไม่ได้สูงมาก เพราะไม่ค่อยมีคนอยากมาฟังความทุกข์ของคนอื่นเท่าไร
แต่รายการที่ชื่อพาสเวิร์ดหัวใจนี้ยอดคนฟังกลับสูงเป็นพิเศษ เพราะพิธีกรรู้จักใช้น้ำเสียงอันนุ่มนวลพูดจาสะกดใจคนฟัง
“แสงไฟสลัวสาดส่องท่ามกลางค่ำคืนในเมืองใหญ่ คุณในเวลานี้กำลังพลาดกับใครบางคนหรือกำลังพบเจอใครกันอยู่คะ เวลาอย่างเป็นทางการ23:30น. คุณที่อยู่ท่ามกลางผู้คนถ้าได้ยินเสียงของดิฉันแล้ว ดิฉันกำลังรอฟังปัญหาของพวกคุณอยู่นะคะ ดิฉันเหม่ยเหวยพิธีกรในค่ำคืนนี้ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการพาสเวิร์ดหัวใจค่ะ…”
น้ำเสียงของพิธีกรนุ่มนวล ฟังเสียงแบบนี้ในค่ำคืนฤดูร้อนทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น
ถ้าเคยฟังรายการของเธอ ความมีไหวพริบเวลาเธอตอบคำถาม ก็จะรู้ว่าความอ่อนโยนนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก การวิเคราะห์ที่เฉียบคมแตกต่างกันไปในแต่ละเคส การตอบคำถามทางด้านจิตวิทยาที่มีความชำนาญ ทำให้รายการพาสเวิร์ดหัวใจหลังจากที่ได้ออกอากาศไปมีชื่อเสียงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลายคนที่รอฟังเพราะอยากฟังพิธีกรที่ชื่อเหม่ยเหวยคนนี้ตอบคำถามคนที่โทรเข้าไป ทุกครั้งที่ได้ฟังเธอแก้ปัญหาให้คนอื่นก็จะรู้สึกเหมือนได้ความรู้ใหม่
ผู้กำกับโอนสายแรกเข้าไป เป็นผู้หญิงที่ร้องไห้คร่ำครวญเพราะถูกคนในครอบครัวของคู่หมั้นรังเกียจ เหตุผลก็คือครอบครัวของคู่หมั้นเชื่อเรื่องดวง ไปดูดวงมาแล้วดวงไม่เข้ากัน แต่เธอยังไม่รังเกียจที่ฝ่ายชายไม่ได้เรื่องในเรื่องอย่างว่าด้วยซ้ำ ครั้งเดียวแค่สามนาที ถูกผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องมารังเกียจเซ็งมาก
เป็นรายการอื่นปัญหาแบบนี้อย่างน้อยๆก็ต้อง20 นาที แต่เหม่ยเหวยมีกฎอยู่ว่า เธอจะให้เวลาคร่ำครวญแค่สามนาทีเท่านั้น ถ้าเกินสามนาทีแล้วยังไม่เข้าเรื่องก็จะให้ผู้กำกับโอนสายถัดไปเข้ามาทันที
พิธีกรที่มีความเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้เพิ่งเคยเจอครั้งแรก หลังจากที่เห็นพิธีกรคนนี้เอาจริงมีผู้ฟังถูกตัดสายทิ้งไปหลายครั้ง คนที่โทรเข้าไปปรึกษาทุกคนจึงต้องสรุปเหตุการณ์ไปเล่า ทุกครั้งต้องตั้งสติให้ดีเพื่อรอฟังว่าเหม่ยเหวยจะมีคำแนะนำดีๆอย่างไร
บรรดานักศึกษาหญิงที่อยู่ในห้อง4444แทบหยุดหายใจรอฟังคำตอบ คนฟังต่างพากันจินตนาการว่าถ้าเป็นตัวเองเจอปัญหาแบบนี้จะทำอย่างไร
“คนเราเกิดมาก็ลำบากอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องฝืนตัวเองเพื่อคนอื่นด้วยล่ะคะ ถ้าคุณดื้อต้องการฝืนตัวเองเพื่อปรับให้เข้ากับคนในครอบครัวของเขาที่เป็นแบบนั้น เอาชีวิตไปแขวนอยู่กับน้องชายที่ไร้ความสามารถของเขา ถ้าอย่างนั้นอนาคตของคุณก็คงจะต้องซื้อแตงกว่ามาแก้ขัด แบกรับความกดดันในบ้านที่ตอนนั้น ‘พวกเขาคัดค้านแล้วแต่คุณเลือกเอง’ ขอให้ถึงตอนนั้นคุณยังคงมีความกล้าแบบตอนนี้ แตงกวาอย่าได้ขาด โชคดีนะคะ สายต่อไปเลยค่ะ”
“คุณพระ นิสัยพิธีกร ทำไมฉันรู้สึกว่าเสียงเขาคุ้นหูจัง…” นักศึกษาหญิงที่เพิ่งกลับมาอึ้ง พิธีกรเป็นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
“คำพูดของเหม่ยเหวยตรงๆโดนใจเจ็บจี๊ดแบบนี้แหละ ถ้าเธอฟังบ่อยๆก็เหมือนได้เปลี่ยนทัศนคติเลยนะ จริงสิเสียวอวี่ พวกเธอสองคนเรียนสาขาจิตวิทยาไม่ใช่เหรอ เธอว่าพิธีกรคนนี้จะเรียนจบเฉพาะด้านมาไหม? รูปแบบการตอบคำถามของเขาบางครั้งดูเป็นมืออาชีพมาก ไม่เหมือนคนนอกวงการ ฉันชอบเขามากเลย อยากรู้จริงๆว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงได้ฉลาดขนาดนี้ ฟังจากเสียงต้องสวยมากแน่เลย~”
เพื่อนอีกคนก็ดวงตาเปล่งประกาย “เหม่ยเหวยเพิ่งจะเข้ามาเป็นพิธีกรใช่ไหม? ฉันว่าหลังจากที่เขามานะ รายการที่เหมือนจะตายลงแล้วนี้ยอดคนฟังทะยานขึ้นมาเลยล่ะ อาจารย์ในสาขาของพวกเรายังแนะนำให้ฟังเลย บอกว่ามีส่วนช่วยเรื่องเรียนของพวกเรา อยากรู้จริงๆว่าเป็นใครกันนะ ไม่งั้นพวกเราไปดักเจอเหม่ยเหวยที่ทำงานกันมะ ดูให้รู้ไปเลยว่าหน้าตาเป็นยังไง~”
ขนาดผู้หญิงยังหลงเสน่ห์ของเหม่ยเหวย แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชาย ได้ยินว่ามีคนขับแท็กซี่บางคนไปดักรอเจอตอนรายการออกอากาศ อยากจะเห็นโฉมหน้า บางคนคิดจะเข้าไปในตึกด้วยซ้ำ แต่ถูกยามขวางไว้
นักศึกษาหญิงที่เพิ่งกลับมาหลับตาฟังเสียงในวิทยุที่กำลังตอบคำถาม ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น ปากกลายเป็นรูปตัวO
“ฉันรู้แล้วว่าใคร คุณพระช่วย เขาเกี่ยวข้องกับห้องพักพวกเราด้วยนะ”
“ใครอะ?”
“พวกเธอรู้ไหมว่าใครเคยพักห้องนี้?”
“ไม่รู้…แต่ฉันรู้ว่ากำแพงห้องเรามันขาวกว่าห้องอื่น เหมือนเคยถูกทาสีใหม่—พวกเธอว่าก่อนพวกเราย้ายเข้ามาจะเคยเกิดเหตุสยองอะไรไหม ถึงได้ต้องทาสีใหม่?”
จริงๆแล้วเป็นเพราะรุ่นพี่จอมระเบิดครัวทำน้ำผลไม้แตกกระจายต่างหาก แล้วจะไม่ให้ทาสีใหม่ได้ยังไง? แต่สมองของผู้หญิงนั้นชอบจินตนาการไปไกล
“จอมเทพฆ่าไม่ตายแห่งสาขาจิตวิทยาจำกันได้ไหม?”
“เธอหมายถึงรุ่นพี่เฉินเสี่ยวเชี่ยนน่ะเหรอ? จริงสิ เมื่อก่อนเขาเคยอยู่ห้องนี้ พอเรียนปริญญาโทก็ย้ายออกไป คิดๆดูรุ่นพี่ที่อยู่รุ่นเดียวกับเขาคงเซ็งเนอะ ตอนเข้าเรียนก็เข้ามาพร้อมกัน แต่จอมเทพกลับข้ามสองปีไปเรียนปริญญาโทแล้ว เพื่อนๆเพิ่งจะอยู่ปีสี่กันเอง เป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้?”
“หา จอมเทพที่เธอพูดถึงฉันเคยเจอ ดูเหมือนเขาจะไม่กินข้าวโรงอาหาร พักอยู่หอนอก ไม่เข้าร่วมชมรมอะไรทั้งสิ้น เป็นคนที่ถ่อมตัวมาก”
มหาวิทยาลัยชั้นนำมีเด็กเก่งๆไม่เคยขาด แต่ถ้าพูดถึงบุคคลในตำนาน แน่นอนว่าต้องมีชื่อจอมเทพเฉินเสี่ยวเชี่ยน
บุคคลคนนี้เป็นเพียงคนเดียวนับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมาที่เรียนจบก่อนสองปีได้สำเร็จ เป็นจอมเทพที่ได้เข้าเรียนปริญญาโทก่อนเพื่อน ไม่สิ คำว่าจอมเทพยังไม่พอด้วยซ้ำ ต้องซุปเปอร์จอมเทพ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเธอยังได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งขันด้านจิตวิทยาระดับนานาชาติ หลังจากที่เพื่อนในทีมถูกอีกฝ่ายล้มจนหมดแล้ว เธอก็จัดการคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้ด้วยตัวคนเดียว ก่อซุปเปอร์ตำนานเอาไว้ เป็นบุคคลระดับเทพในมหาวิทยาลัย
ซุปเปอร์จอมเทพเฉินเสี่ยวเชี่ยนเกี่ยวข้องอะไรกับพิธีกรในวิทยุกันแน่?
“ฉันเคยแอบฟังวิชาของซุปเปอร์จอมเทพ เหม่ยเหวยคนนี้ก็คือ เฉินเสี่ยวเชี่ยนซุปเปอร์จอมเทพของมหาลัยเรา”