ภาคที่ 1 บทที่ 97 ใครเป็นผู้ร้าย

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 97 ใครเป็นผู้ร้าย

ทำไมเด็กจากคณะอื่นถึงได้มีความสามารถมากกว่าคนจากคณะแพทย์แผนจีนโดยตรงเสียอีก

หลังจากที่หลี่เคอหมิงตรวจสอบอาการเบื้องต้นจนแน่ใจแล้วว่าชายชราอยู่ในสภาพปกติที่สุด เขาก็จัดการนัดพบครั้งต่อไป ญาติคนไข้ขอบคุณหลี่เคอหมิงกับซูเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะเดินกลับออกไปอย่างมีความสุข เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ซูเย่ก็เดินตามหลี่เคอหมิงกลับมาที่ห้องตรวจโรคของตนเอง และเริ่มต้นตรวจโรคให้คนไข้คนอื่น ๆ ต่อไป

ในเวลาเดียวกันนั้น บรรดาคุณหมอ และนักศึกษาแพทย์แผนจีนที่เป็นสักขีพยานอยู่ในห้องฝังเข็มเมื่อสักครู่ ต่างก็พร้อมใจกันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโพสต์ข้อความว่า

“ซูเย่ เด็กจากคณะวิจัยสมุนไพรได้รับของขวัญชิ้นแรกจากญาติคนไข้ หลังสามารถฝังเข็มให้คนไข้มีอาการดีขึ้นได้อย่างปาฏิหาริย์!”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีชื่อของชายหนุ่มอยู่ในกระทู้บนเว็บบอร์ด

ซูเย่อีกแล้วหรือ?

เหล่าผู้คนคณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย และเมื่อกดเข้าไปดูเนื้อหาด้านในกระทู้ ใบหน้าของพวกเขาก็ต้องบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

“แม่ง ซูเย่จะเก่งอะไรขนาดนั้นวะ เห็นเลยว่าอาจารย์หลี่เอาใจมันมากเกินไปแล้ว!”

“หึหึ อาจารย์หลี่เป็นคนรักษา ส่วนซูเย่เป็นคนเอาความดีความชอบล่ะสิ!”

“แบบนี้เราจะปล่อยมันไว้ไม่ได้แล้ว!”

“ถ้าฉันมีอาจารย์ดี ๆ แบบอาจารย์หลี่ ฉันก็ต้องได้รับของขวัญจากคนไข้เหมือนกันแหละวะ!”

“ซูเย่นี่แม่งโชคดีฉิบหาย พวกเราเองก็รีบตั้งใจฝึกฝนพัฒนาฝีมือกันเถอะ การแข่งขันชิงทุนในครั้งนี้ เราต้องเป็นผู้ชนะให้ได้ จะปล่อยให้ซูเย่มาเอาความดีความชอบไปอีกไม่ได้เด็ดขาด!”

มืดค่ำ

ณ หอพักอาจารย์ หยางเหวินป๋อกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นในขณะที่อ่านคอมเมนต์บนหน้าจอมือถือไปด้วย

มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ

ทุกคนโกรธแค้นแล้ว

ยิ่งโกรธแค้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ขยันเรียนกันเข้าล่ะเด็ก ๆ!”

จังหวะนั้น เสียงสัญญาณแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าในแอปวีแชทก็ดังขึ้นในโทรศัพท์มือถือของหยางเหวินป๋อ ปรากฏว่ามันเป็นรูปภาพผืนธงขอบคุณที่หลี่เคอหมิงส่งมาให้เขาด้วยตนเอง

พร้อมกับข้อความหนึ่งประโยคว่า

“นายคิดว่าไงล่ะ? เริ่มเสียใจขึ้นมาแล้วหรือยัง?”

หยางเหวินป๋อไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ในใจกำลังคิดด้วยความโกรธแค้นว่า

“สงสัยเราคงต้องไปเจอเจ้าเด็กอัจฉริยะคนนี้ด้วยตัวเองสักหน่อยแล้ว”

หยางเหวินป๋อยังไม่เคยได้พบเจอตัวจริงของซูเย่มาก่อน

และซูเย่ก็ไม่มีเวลาที่จะไปพบเจอใครทั้งนั้น

เพราะหลังจากที่เขาล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็สวมหมวก VR และเข้าสู่โลกแห่งเกมทันที

ตอนนี้ ตัวละครของเขาอยู่เลเวล 14 เมื่อคืนนี้สามารถอัพเลเวลขึ้นมาได้หกระดับ และด้วยความเร็วระดับนี้ ซูเย่มั่นใจว่าเขาคงอัพเลเวลขึ้นไปตามทันพวกของซูชือกับจินฟานภายในคืนนี้แน่นอน

ขณะนี้ ซูเย่ตัดสินใจมายังเขตแผนที่ระดับ 14 ด้วยตัวคนเดียว

และสิ่งที่เขามองเห็นก็คือมีผู้เล่นมาชุมนุมกันอยู่เต็มไปหมด

ทุกคนกำลังห้อมล้อมสัตว์ประหลาดตัวบอส เพื่อที่จะจัดการสังหารมันให้ได้ และแบ่งปันคะแนนกันอย่างเท่าเทียม

ช่วยไม่ได้ ถ้าเขาอยากจะเลื่อนขึ้นไปอยู่เลเวล 15 ซูเย่ก็ต้องฆ่าตัวบอสประจำแผนที่นี้ให้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

“สงสัยเราคงต้องกลายเป็นผู้ร้ายอีกแล้วสิ”

ซูเย่พูดด้วยความเหนื่อยใจ และเดินถือดาบตรงเข้าไปในกลุ่มคน

เมื่อเขายกดาบขึ้น และตวัดลงไป คมดาบก็เป็นประกายสว่างไสว

แล้วสัตว์ประหลาดตัวบอสก็เลือนหายไป

“เวร ฝีมือใครวะเนี่ย?”

“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ใครเป็นคนชิงลงมือวะ!”

กลุ่มผู้เล่นเลเวล 14 พร้อมใจกันร้องคำรามออกมาด้วยความฉุนเฉียว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ เขตแผนที่ระดับ 15

คมดาบสาดประกายขึ้นอีกครั้ง

“ฝีมือใครน่ะ? ทำไมตัวบอสถึงหายไปแล้ว?”

“ใครแอบลงมืออีกแล้ววะ? เก่งจริงก็โผล่หัวออกมาสิ!”

เมื่อสิ้นเสียงตะโกนก่นด่านั้น คมดาบก็สาดประกายขึ้นตรงหน้าคนพูด

ทำให้ผู้เล่นที่เอ่ยท้าทายต้องเสียชีวิตด้วยการถูกโจมตีเพียงดาบเดียว

ทุกคนต่างหยุดชะงัก กวาดสายตามองรอบตัวว่าประกายดาบปรากฏขึ้นจากจุดไหน แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นผู้โจมตีเลยสักคน

เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปในเขตแผนที่ระดับ 16

เขตแผนที่ระดับ 17

ซูเย่สามารถเลื่อนขึ้นมาอยู่เลเวล 19 ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่สามารถปราบเจ้าลิงขาวยักษ์ซึ่งเป็นบอสระดับ 20 ได้สำเร็จ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

“เราคงต้องลงมืออีกแล้วสิ”

ซูเย่กระโดดเข้าไปทิ้งตัวลงต่อหน้าต่อตาทุกคนโดยไม่พูดไม่จา

“ฉัวะ!”

วินาทีต่อมา เจ้าลิงยักษ์กลายพันธุ์ล้มลงตายอย่างง่ายดาย

ลำแสงสีขาวสว่างแวววาวจากลำตัวของซูเย่ และแล้วเขาก็อัพเลเวลขึ้นมาอยู่ในระดับ 20 อย่างเป็นทางการ

เมื่อกวาดสายตามองรอบตัว ก็ไม่พบว่ามีอาวุธอะไรตกหล่นลงมาให้เก็บเหมือนครั้งที่แล้ว

ซูเย่เดินกลับออกมาอย่างเซ็ง ๆ

“แม่เจ้าโว้ย เจ้าคนเมื่อกี้เป็นใครวะนั่น ฆ่าตัวบอสตายในดาบเดียวเลยเหรอ?”

“มันจะเป็นใครก็ช่างเถอะ แต่เล่นฆ่าเสร็จแล้วหนีไปเลยแบบนี้ มันจะมากเกินไปแล้วนะโว้ย!”

หลังจากที่ทุกคนสลัดพ้นอาการตกตะลึง กลุ่มผู้เล่นก็เริ่มตัดพ้อด้วยความไม่พอใจ

ซูเย่ไม่ได้เดินทางไปที่ไหนอีก แต่เขาเดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าดำ

ไปหยุดยืนอยู่ตรงเส้นเขตแดนของแผนที่ระดับ 20 และรอคอยอยู่ในความเงียบ

ในเวลาเดียวกันนั้น

ณ ฐานบัญชาการลับของผู้ผลิตเกม “Fantasy Dream”

ที่นี่เป็นป่าลึกแห่งหนึ่ง

ดึกสงัด

“รายงานด่วนครับ” เจ้าหน้าที่ประจำฐานคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องควบคุม “ตรวจพบการเคลื่อนไหวผิดปกติ มีผู้เล่นคนหนึ่งสามารถอัพเลเวลขึ้นมาได้ 20 ระดับรวดในเวลาแค่สามวันเท่านั้นครับผม”

ซูเย่รอคอยอยู่ครึ่งชั่วโมง จ้องมองภูมิประเทศเบื้องหน้าด้วยความสงสัย

“อ้าว?”

“ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วนะ?”

ตอนที่เขาเล่นเกมนี้ด้วยตัวละคร X ซูเย่ได้รับอีเมลแจ้งเตือนทันทีที่อัพเลเวลขึ้นมาอยู่ในระดับ 20 แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอีเมลแจ้งเตือนมาอีกแล้ว

“หรือจะเป็นเพราะว่าหมวกที่เราใช้เล่นเกมตอนนี้ไม่ใช่ใบนั้น?”

ซูเย่พยายามคิดหาคำตอบ

ทันใดนั้น ปรากฏข้อความแจ้งเตือนให้ทุกคนออกจากระบบเกม

เพราะหมดเวลาสำหรับค่ำคืนนี้แล้ว

“เสี่ยวเย่ นายอัพขึ้นมาอยู่เลเวลไหนแล้วอะ?”

ชายหนุ่มได้ยินเสียงของซูชือดังขึ้นทันทีที่เขาถอดหมวก VR ออก

ซูชือพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เดี๋ยวจะหาว่าเพื่อนกันทิ้งกันได้ลงคอ แต่นายไม่เหลือเวลาแล้วนะเว้ย ต่อให้นายคิดว่าตัวเองอัพเลเวลได้เร็วแค่ไหน แต่นายก็ต้องพยายามให้มากกว่านี้อีกหลายเท่า!”

“ใช่ ๆ” จินฟานรีบเสริมทันที “เพื่อนกันไม่ทิ้งกันเสมอ นายเข้าใจใช่ไหม?”

“ฉันอยู่เลเวล 20 แล้ว” ซูเย่พูด

“เออ ถือว่าทำได้ไม่เลว ถ้าเป็นแบบนี้…” ซูชือกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน เขาคิดว่าตนเองได้ยินผิด จึงหันกลับมาถามอีกครั้งว่า “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?”

“ฉันพูดว่าฉันอยู่เลเวล 20 แล้ว”

ซูเย่ตอบกลับไปด้วยถ้อยคำเดิม

“พูดจริงหรือล้อเล่นวะเนี่ย?” ซูชือมองหน้าซูเย่ด้วยความไม่อยากเชื่อ “เมื่อคืนนี้นายอยู่เลเวล 14 เองนะ แค่คืนเดียวจะกระโดดมาอยู่เลเวล 20 ได้ยังไง แถมวันก่อนโน้นนายเพิ่งจะอยู่แค่เลเวลแปดเอง! อย่าบอกนะว่าใช้เวลาแค่สามวัน นายก็อัพมาถึงเลเวล 20 ได้แล้วเนี่ย!”

จินฟานก็กำลังจ้องมองมาที่ซูเย่ด้วยความไม่อยากเชื่อเช่นกัน

“ใช่ ฉันทำแบบนั้นแหละ”

ซูเย่ยักไหล่พร้อมกับถอนหายใจ

ซูชือพูดอะไรไม่ออก

จินฟานก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน

แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของซูเย่ พวกเขาก็รู้ว่าเพื่อนรักไม่ได้พูดเล่น

ซูเย่อัพเลเวลขึ้นมาอยู่ในระดับ 20 ได้แล้วจริง ๆ

แต่ว่า

หมอนี่ทำได้ยังไง?

จากเลเวล 8 มาถึงเลเวล 14 ในคืนแรก และจากเลเวล 14 มาถึงเลเวล 20 ในคืนที่สองเนี่ยนะ?

ช่างเป็นการอัพเลเวลที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้?

“เชี่ย นายไปกินยาอะไรมาวะ? ทำไมถึงได้โหดแบบนี้?”

ซูชือพยายามขอคำแนะนำจากซูเย่

แต่ในจังหวะนั้นเอง

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

มาแล้วสินะ!

จินฟานกับซูชือหันมองหน้ากันด้วยความตกใจ

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันให้ทั้งสองหนุ่มได้มั่นใจว่า ซูเย่สามารถอัพเลเวลขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 20 ได้จริง ๆ ไม่ได้อำพวกเขาเล่น

ซูเย่เดินไปเปิดประตู และผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือหัวหน้าหน่วยสืบสวนหมายเลข 197 เจ้าหน้าที่หวังเหาผู้ที่ถูกซูเย่ขโมยชิ้นหยกปราณบริสุทธิ์มานั่นเอง!

“สวัสดี”

“ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

พูดจบ ผู้กองหนุ่มก็นำบัตรประจำตัวออกมาแสดง

ซูเย่รับบัตรตำรวจมาตรวจสอบดูพร้อมกับถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ซูเย่ ฉันอยากให้นายหยิบหมวก VR ประจำตัวของนายมา และตามฉันไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้”

หวังเหาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ซูเย่ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น

ซูชือกับจินฟานก็กระโดดลงจากเตียง และรีบเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

“รีบ ๆ ไปสิวะ” ทั้งสองหนุ่มดันหลังซูเย่

พวกเขาถึงกับหยิบหมวก VR ของซูเย่มายื่นส่งให้แล้วด้วยซ้ำ

ซูเย่รับหมวกของตนเองมาถือเอาไว้ และติดตามหวังเหาไปที่สถานีตำรวจแต่โดยดี