ภาคที่ 1 บทที่ 98 เดี๋ยวฉันจะทำให้นายได้เห็นความน่ากลัวของผู้ฝึกยุทธ์

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 98 เดี๋ยวฉันจะทำให้นายได้เห็นความน่ากลัวของผู้ฝึกยุทธ์

“นี่คือครั้งที่สองแล้วใช่ไหมที่เราเจอกัน?”

หวังเหาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างระหว่างเดินนำทางซูเย่ตรงไปที่สถานีตำรวจ

“นับว่าฉันมองนายเอาไว้ไม่ผิด นายใช้เวลาแค่สามวันก็ขึ้นมาอยู่เลเวล 20 ได้แล้ว เกมนี้เหมาะกับนายจริง ๆ”

หวังเหาดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความประหลาดใจ ใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น ชายหนุ่มก็ขึ้นมาอยู่เลเวล 20 ได้สำเร็จ ถือเป็นสถิติเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์เกม Fantasy Dream ก็ว่าได้

ยกเว้นสถิติของเจ้า X น่ะนะ!

ซูเย่ยิ้มแย้มตอบกลับไปไม่ได้พูดอะไร

“ตามฉันมาสิ” เมื่อไปถึงสถานีตำรวจแล้ว หวังเหาก็พาซูเย่ตัดผ่านเข้าไปยังส่วนลึกของสถานี และเดินเข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่ง

ซูเย่กวาดตามองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องด้วยแววตาเรียบเฉย ความรู้สึกของเขาบอกว่าห้องแห่งนี้เหมือนห้องสอบปากคำผู้ต้องหาในหนังฮ่องกงไม่มีผิด

กลางห้องมีโต๊ะเหล็กตั้งอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะมีกาน้ำร้อน และถ้วยกาแฟวางอยู่ 2 – 3 ถ้วย พร้อมด้วยเก้าอี้อีกไม่กี่ตัว

ชายหนุ่มมองไปที่กำแพงห้อง ถึงจะมีหน้าตาราบเรียบเหมือนกำแพงธรรมดา แต่ซูเย่รู้ว่ามันต้องไม่ใช่กำแพงธรรมดาแน่นอน ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดฝังอยู่ อย่างน้อยก็ต้องมีเครื่องดักฟัง

“นั่งก่อนสิ”

หวังเหาผายมือไปทางเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องและพูดว่า “ถ้าอยากดื่มน้ำชาก็เทเอาได้ตามสบายเลยนะ”

ซูเย่นั่งลงตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

เขายกกาน้ำร้อนขึ้นเทน้ำชาใส่ถ้วยอย่างว่าง่ายอีกเช่นกัน

ขณะนี้ หวังเหาเดินไปที่มุมห้อง และหยิบแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งติดมือกลับมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“นี่คือไฟล์ประวัติของนาย” หวังเหาเดินกลับมาหาซูเย่ และนั่งลงด้านตรงข้าม เลื่อนนิ้วไถหน้าจอแท็บเล็ตพร้อมกับพูดต่อ

“ซูเย่”

“เพศชาย อายุ 22 ปี เรียนอยู่ที่คณะวิจัยสมุนไพรจีน ในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”

“ตามข้อมูลแล้ว นายกำลังจะได้เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน” หวังเหาอ่านข้อมูลทั้งหมดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองซูเย่อีกครั้ง “คิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะมีความสามารถเรื่องแพทย์แผนจีนด้วย”

ซูเย่เพียงยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ไม่พูดอะไร

เห็นดังนั้น หวังเหาก็ยิ้มเล็กน้อย และไถหน้าจอแท็บเล็ตต่อไป หลังจากนั้นอีกพักใหญ่เขาก็ต้องเงยหน้ามองซูเย่ด้วยความประหลาดใจซ้ำสอง

“ดูเหมือนนายจะไม่ได้เก่งแค่เรื่องแพทย์แผนจีนเท่านั้น”

“นายได้รับอนุญาตไม่ต้องเรียนชั้นมัธยมปลายเพราะมีความฉลาดมากเกินไป นายเข้าเรียนมหาวิทยาลัยตอนอายุ 16 และเรียนจบตอนอายุ 19”

“แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะกลับมาเรียนคณะอื่นอีกครั้ง ทำไมกัน?”

หวังเหาถามพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“คุณมีประวัติผมอยู่ในมือขนาดนี้ น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วมั้งครับ”

ซูเย่ตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น

หวังเหายิ้มกว้างมากกว่าเดิม เลิกถามคำถาม และอ่านประวัติต่อไป

“ปัจจุบันเป็นนักศึกษาคณะวิจัยสมุนไพรจีนปี 1 อยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”

“ดูสิ นอกจากนายจะมีความฉลาดเฉลียวทางสติปัญญาแล้ว ฝีมือการต่อสู้ก็ยังไม่เป็นสองรองใคร บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าใครเป็นคนสอนวิทยายุทธ์พวกนั้นให้กับนาย?”

หวังเหาวางแท็บเล็ตลง และสอบถามซูเย่อย่างตรงไปตรงมา

“ผมเรียนมวยจีนจากคุณลุงในสวนสาธารณะเอาน่ะครับ พอดีแค่อยากออกกำลังกายตอนเช้าเท่านั้นเอง”

ซูเย่ตอบกลับเขาหน้าตาเฉย

“…”

หวังเหาพูดอะไรไม่ออก

“ทุกคนย่อมมีความลับ ฉันเข้าใจได้ ในเมื่อนายไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่ถามให้มากเกินไป” ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้ นายตำรวจหนุ่มก็หยิบสัญญารักษาความลับออกมาจากด้านหลังแท็บเล็ตแผ่นหนึ่ง

“นี่คือสัญญารักษาความลับ นายจะเซ็นหรือไม่เซ็นก็ได้ แต่ถ้านายเซ็น มันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวนายเอง และถ้านายไม่เซ็นและนำความลับทุกอย่างที่ฉันพูดออกไปบอกต่อให้คนอื่นรับรู้ นายก็จะถูกจับกุม แม้แต่ญาติพี่น้องก็จะต้องพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย…”

ก่อนที่หวังเหาจะพูดจบ ซูเย่ก็รับกระดาษแผ่นนั้นไปเซ็นชื่อเงียบ ๆ

“ไม่คิดจะอ่านดูสักหน่อยเลยหรือไง?” นายตำรวจหนุ่มเลิกคิ้วสูงด้วยความงุนงงเล็กน้อย เด็กคนนี้ไม่ทำอะไรตามที่คนปกติควรจะทำเลย เพราะทุกคนที่เคยเข้ามาอยู่ในห้องนี้ ต่างก็อ่านสัญญารักษาความลับคนละหลาย ๆ รอบด้วยความละเอียดถี่ถ้วนเป็นอย่างยิ่ง

“เวลาของผมมีค่า เข้าเรื่องเลยก็ดีครับ” ซูเย่ว่า เขามั่นใจว่าเนื้อหาในสัญญาฉบับนี้ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร ในเมื่ออยากจะรู้ความลับของใครสักคน เขาก็ต้องเซ็นชื่อในสัญญาฉบับนี้ ไม่อย่างนั้นแล้ว อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมบอกความลับออกมาแน่ ๆ

หวังเหามองหน้าซูเย่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น “ในเมื่อนายเซ็นชื่อในสัญญารักษาความลับแล้ว ฉันก็มีบางอย่างจะบอกให้นายรู้”

“ก่อนอื่น ฉันต้องอธิบายก่อนว่าโลกใบนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด”

“ในโลกใบนี้ ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าผู้ฝึกยุทธ์”

พูดจบ

“ปัง!”

นายตำรวจหนุ่มก็ตบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะเหล็ก

ทันทีที่สิ้นเสียงเขายกมือขึ้นมา

บนโต๊ะเหล็กก็ปรากฏรอยฝ่ามือให้เห็นชัดเจน

ซูเย่ลองใช้สายตาตำรวจดูก่อนแล้ว เขาพบว่าบนพื้นผิวของโต๊ะเหล็กมีรอยฝ่ามือปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก แต่รอยฝ่ามือของนายตำรวจหวังเหาที่เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อสักครู่นี้ เป็นรอยที่มีความลึกมากกว่ารอยฝ่ามืออื่น ๆ หลายเท่าตัว

ตอนแรกที่เดินเข้ามาในห้อง ซูเย่นึกว่าโต๊ะเหล็กตัวนี้คงใช้เป็นอุปกรณ์ตกแต่งห้องเหมือนโต๊ะตู้ลิ้นชักตัวอื่น แต่ที่ไหนได้ มันกลับกลายเป็นที่ประทับฝ่ามือเพื่อแสดงพลังของนายตำรวจนั่นเอง

ชายหนุ่มยังคงนั่งเฉยต่อไป

หวังเหาจ้องมองซูเย่อย่างให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น เขาอยากจะเห็นความตกตะลึงหรือความประหลาดใจบนสีหน้าของชายหนุ่มคนนี้ แต่เจ้าหนูนี่กลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย

“ผมรู้เรื่องที่คุณกำลังพูดถึงดีอยู่แล้ว”

ซูเย่กล่าว

หวังเหากลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องชะงักไป

ชายหนุ่มคนนี้สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์นอกระบบได้ด้วยกำปั้นล้วน ๆ แสดงว่าย่อมคุ้นเคยกับผู้ฝึกยุทธ์เป็นอย่างดี แต่ที่นายตำรวจหวังเหาไม่รู้ก็คือ ซูเย่เติบโตมาภายใต้การดูแลของใครกันแน่

เมื่อเห็นว่าวิธีการหลอกถามไม่สามารถล้วงคำตอบจากซูเย่ได้ นายตำรวจหนุ่มก็แสดงสีหน้าเศร้าใจเล็กน้อย ก่อนพูดต่อ

“งั้นเรามาเข้าเรื่องเกม Fantasy Dream กันดีกว่า”

“จุดหมายของการเล่นเกมนี้ คือการคัดกรองผู้คนที่มีความเหมาะสมสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ ทุกคนที่เข้าร่วมเกมนี้ถ้าสามารถอัพเลเวลขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 20 ได้ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ก็จะถือว่ามีคุณสมบัติดีเพียงพอ”

ซูเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เรื่องที่เขาสงสัยมาตลอดในที่สุดก็ได้รับทราบคำตอบแล้ว

การกำหนดเวลาให้ผู้เล่นอัพเลเวลขึ้นมาได้ 20 ระดับในระยะเวลาหนึ่งเดือน คือการคัดกรองคนอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ด้วย

“สรุปว่านี่คือเป้าหมายที่ทำให้รัฐบาลสร้างเกมนี้ขึ้นมาเหรอครับ?”

ซูเย่ถาม

“ถูกต้อง”

หวังเหาพยักหน้า

“แล้วประเทศอื่น ๆ ก็อยากจะผลิตผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกันหรือเปล่าครับ?”

ซูเย่ถามอีกครั้ง

“ไม่ใช่” หวังเหาส่ายหน้าตอบ และจิ้มนิ้วลงไปที่สัญญารักษาความลับซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเหล็ก “เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงต้องให้นายเซ็นสัญญารักษาความลับ ก่อนที่เราจะคุยทุกอย่างกัน”

ซูเย่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ทำไมรัฐบาลถึงไม่ประกาศให้สาธารณชนรับรู้?

“แล้วทำไมถึงต้องคัดกรองคนที่จะฝึกวิทยายุทธ์ด้วยล่ะครับ?”

“นายคงไม่รู้สินะ เมื่อระดับพลังของนายเลื่อนขึ้นมาถึงจุดหนึ่งแล้ว เดี๋ยวนายจะเข้าใจทุกอย่างเอง แต่ตอนนี้ฉันมีให้นายสองทางเลือก” หวังเหาหยิบสัญญารักษาความลับขึ้นไปตรวจสอบดูเพื่อความมั่นใจ หลังจากนั้นจึงพูดว่า “ทางเลือกแรก ยอมรับการช่วยเหลือจากรัฐบาล และเริ่มต้นการฝึกวิทยายุทธ์ภายใต้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่!”

“ส่วนทางเลือกที่สอง เดินกลับออกจากที่นี่และลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นซะ”

พูดมาถึงตรงนี้

นายตำรวจหนุ่มก็ชูสัญญารักษาความลับเหมือนกับจะย้ำเตือนซูเย่

“ผมเอาทางเลือกแรกก็แล้วกัน”

ซูเย่ตอบรับกลับไปทันที

“หืม?”

หวังเหาถึงกับต้องชะงักงันไปอีกครั้ง

เจ้าหนุ่มคนนี้จะไม่คิดอะไรสักหน่อยหรือ?

ทำไมถึงได้ตัดสินใจรวดเร็วจริง?

แต่ก็ถือเป็นโชคดีของประเทศชาติแล้วที่ได้คนเก่งมีความสามารถระดับนี้มาเป็นผู้ฝึกยุทธ์อีกหนึ่งคน

เมื่อเดินนำสัญญารักษาความลับไปเก็บที่มุมห้อง หวังเหาก็นำกระดาษอีกหลายแผ่นกลับมาส่งให้ซูเย่ได้ลองอ่าน

มันเป็นสัญญาการยอมรับกฎระเบียบของการเป็นผู้ฝึกยุทธ์

ซูเย่ชำเลืองมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

กฎระเบียบเหล่านั้นประกอบไปด้วย ผู้ฝึกยุทธ์ต้องใช้พลังที่มีเพื่อส่งเสริมความเจริญเติบโตของประเทศชาติ ต้องใช้พลังที่มีเพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยให้แข็งแกร่ง ต้องใช้พลังที่มีเพื่อสันติภาพ และความสงบสุขของประชาชน ต้องใช้พลังที่มีเพื่อเสริมสร้างอิสรภาพที่แท้จริง ต้องใช้พลังที่มีเพื่อสร้างความยุติธรรมในสังคม ต้องใช้พลังที่มีด้วยความอุทิศตน และมีคุณธรรม ไปจนถึงต้องใช้พลังที่มีอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อเห็นกฎระเบียบทั้งหมดนั้น ซูเย่ก็เซ็นชื่อลงไปโดยไม่ลังเล

“ขอหมวกผมคืนด้วยครับ”

หลังจากรับทราบว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว ซูเย่ก็เดินออกจากห้องสืบสวนมาพร้อมกับหวังเหา

ตั้งแต่มาถึงสถานีตำรวจ หวังเหาก็สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บหมวก VR ของซูเย่เอาไว้เป็นอย่างดี

“คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่การลงทะเบียนหมวกสำหรับการเป็นผู้ฝึกยุทธ์ของนายจะเสร็จ” หวังเหาหันกลับมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ว่าแต่นายอยากเรียนรู้ทักษะการต่อสู้เพิ่มเติมบ้างไหม?”

“ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน คนที่นายต่อสู้ด้วยเป็นผู้ฝึกยุทธ์นอกระบบระดับ 1 ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่”

“กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์มีแบ่งแยกระดับด้วยเหรอครับ?”

ซูเย่แกล้งถามกลับไปด้วยความสงสัย

“แน่นอนสิ!” หวังเหารับหน้าที่อธิบายต่อ “ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสุดจำเป็นต้องเปิดจุดลมปราณทั้ง 365 จุดในร่างกายให้หมดเสียก่อน ส่วนจะสามารถเปิดจุดได้อย่างไรนั้น เมื่อนายสวมหมวก VR กลับเข้าไปเล่นเกมอีกครั้งในคืนนี้ นายก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง”

“ระดับของผู้ฝึกยุทธ์จะแบ่งแยกตามการเปิดจุดลมปราณในร่างกาย ยิ่งเปิดได้เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีระดับสูงมากเท่านั้น ตอนนี้ฉันยังไม่มีเวลาอธิบายอย่างจริงจัง แต่เดี๋ยวนายก็รู้เองนั่นแหละ”

ซูเย่พยักหน้า แววตาเป็นประกายวาวโรจน์

ปรากฏว่าระดับของผู้ฝึกยุทธ์จะแบ่งแยกสูงต่ำตามการเปิดจุดลมปราณในร่างกาย เพราะมันเกี่ยวข้องกับการใช้พลังลมปราณนั่นเอง

และนับดูระดับพลังลมปราณที่มีอยู่ในร่างกายของเขาปัจจุบันนี้ ซูเย่คิดว่าตนเองน่าจะมีพลังอยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ 2 เป็นอย่างน้อย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูเย่ก็ยิ้มเล็กน้อย และถามว่า “ไม่ทราบว่าผู้กองอยู่ในขั้นไหนแล้วล่ะครับ?”

“ตอนนี้ฉันก็เกือบจะอยู่ในขั้นที่ 3 แล้ว”

หวังเหาตอบกลับมาด้วยความภูมิใจ