ตอนที่ 127

เสน่ห์คมดาบ

“เจ้า! เจ้ายังกล้าเถียงอีกหรือ” ฮว๋าซิ่วหนิงร้อนใจและทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง 

 

 

แคลร์ยิ้มแล้วพูด “ข้ากับแคลร์ ฮิลล์ได้เจอกันก็คุยกันถูกคอเลยนับถือเป็นพี่น้องกัน ลูกพี่ลูกน้องของนางก็คือลูกพี่ลูกน้องของข้าเช่นกัน เรื่องนี้มีปัญหาอะไรหรือ?” 

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงอึ้งแล้วมองแคลร์อยู่เช่นนี้ 

 

 

แคลร์ยิ้มแล้วพูดอย่างนุ่มนวล “แต่ว่าการอบรมบ่ม เพาะของหญิงที่มีความงามอันดับหนึ่งนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ เป็นถึงคนที่มีชื่อเสียงของตระกูลฮว๋า แต่พูดถึงเรื่องความเจ็บปวดของตระกูลอื่นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้ามีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น เรื่องเช่นนี้ทำให้เจ้ามีความสุขมากจริงๆ อย่างนั้นหรือ?” 

 

 

ทันใดนั้น ดวงตาที่คมกริบราวกับมีดนับไม่ถ้วนก็พุ่งไปที่ฮว๋าซิ่วหนิง ฮว๋าซิ่วหนิงหน้าแดงด้วยความโกรธ กัดริมฝีปากและจ้องแคลร์ ถ้าผู้หญิงธรรมดาพูดคำเหล่านี้กับฮว๋าซิ่วหนิงก็คงจะถูกผู้คนกล่าวหาว่าก้าวร้าวอย่างแน่นอน แต่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้คนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองกับฮว๋าซิ่วหนิงแทน ทุกคนกำลังกระซิบกัน เสียงสนทนาที่แผ่วเบาดังไปถึงหูของฮว๋าซิ่วหนิง พวกเขาพูดกันว่าคิดไม่ถึงว่าหญิงที่มีความงามอันดับหนึ่งจะเป็นคนเช่นนี้ 

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงตัวสั่นเล็กน้อย นางอยากจะระเบิดออกมา แต่เมื่อนึกได้ว่าองค์รัชทายาทและทุกคนก็อยู่ที่นี่ด้วยเลยอดกลั้นเอาไว้ นางเข้าใจ ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นนั้น เมื่อมีหญิงงามมากๆ ปรากฏตัว พวกเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้นางพอใจ ไม่ว่าสาวงามนั้นจะพูดอะไรก็ถูกต้องเสมอ และไม่ว่าสาวงามจะพูดอะไรพวกเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ แม้ว่าสิ่งที่สาวงามพูดจะไม่ได้ถูกต้องแต่พวกเขาก็จะทำตาม ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้! ฮว๋าซิ่วหนิงเข้าใจความจริงนี้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้นนางจึงใช้สิ่งนี้เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวนางเองมาตลอด แต่ว่าวันนี้นางได้พบกับคนที่สวยกว่าอย่างหลานหลิง จินตนาการได้เลยว่าผู้ชายเหล่านี้จะต้องกลาย เป็นฝ่ายตรงข้ามกับนางอย่างแน่นอน ฮว๋าซิ่วหนิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะถูกคนอื่นใช้เล่ห์เหลี่ยมนี้กับตนเอง! 

 

 

“คุณหนูฮว๋า อันที่จริงสิ่งที่เจ้าพูดมานั้นข้ารู้อยู่แล้ว เจ้าคิดว่าราชวงศ์จะไม่รู้เรื่องพวกนี้หรือ? ราชวงศ์จะถูกหลอกลวงง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงขององค์รัชทายาทเย็นชา ไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธและเรื่องตรงหน้านี้ทำให้เขาอึดอัดมาก 

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงอ้าปากค้างมององค์รัชทายาทด้วยความงุนงง ทันใดนั้นความเสียใจไม่รู้จบก็หลั่งไหลเข้ามา ใช่ นางผลีผลามมากเกินไป! ตระกูลฮว๋ายังสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ทำไมราชวงศ์จะทำไม่ได้ล่ะ? ที่แท้องค์รัชทายาทก็รู้ทุกอย่างแล้ว แต่พระองค์ไม่เคยแสดงให้เห็น! 

 

 

“ข้าหวังว่าเรื่องวุ่นวายเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกนะ” ดวงตาขององค์รัชทายาทฉายแววรังเกียจ เขารู้ว่าวันนี้ฮว๋าซิ่วหนิงทำไปเพื่ออะไร จิตใจหึงหวงของผู้หญิงน่าเกลียดขนาดนี้เลยหรือ? 

 

 

แคลร์ลอบถอนหายใจ ที่แท้องค์รัชทายาทได้สืบทุกอย่างมาชัดเจนแล้ว เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจึงทำให้สงบลงได้โดยเร็ว สมควรแล้วที่เขาจะเป็นรัชทายาทในอนาคตของลากัค แต่ว่าในผลการสืบของเขา หลานหลิงก็ยังคงเป็นปริศนา เพราะบุคคลนี้ไม่มีอยู่เลย แคลร์ขำอยู่ในใจ 

 

 

หลังจากองค์รัชทายาทจัดการเรื่องเสร็จ เขาก็หันกลับมาและเดินเข้าไปในประตูโรงละครพร้อมกับแคลร์ ฮว๋าซิ่วหนิงตัวสั่นไปด้วยความโกรธท่ามกลางสายตาดูถูกเหยียดหยามของทุกคน จนกระทั่งคนที่อยู่ที่หน้าโรงละครไปกันหมดแล้ว ฮว๋าซิ่วหนิงก็ยังคงยืนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น 

 

 

นังหญิงน่ารังเกียจ! เจ้ามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่? เจ้าคือใครกัน? ข้าจะต้องไปค้นหาให้แน่ชัดว่านางเป็นใคร หรือว่าจะทำให้นางหายสาบสูญไปเลยดีล่ะ! 

 

 

แคลร์และองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องพิเศษที่กว้างขวางสง่างาม นี่คือห้องที่ดีที่สุดในโรงละครแห่งนี้ 

 

 

หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงแล้ว องค์รัชทายาทก็หันหน้าไปมองแคลร์และกระซิบ “เจ้าเป็นใครกันแน่?” 

 

 

“ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันเป็นใครล่ะเพคะ?” แคลร์หันไปมององค์รัชทายาทแล้วยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม 

 

 

“ข้าไม่รู้ เจ้างามราวกับว่าไม่ใช่ความจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริง หากภายนอกเจ้าดูธรรมดาทั่วไป ข้าเองก็คงไม่ได้ถูกใจขนาดนี้ ตั้งแต่ตอนที่เจ้าปรากฎตัวพร้อมกับดอกบัวทุกย่างก้าวนั้นจนไปถึงตอนที่เจ้าหยิบมงกุฎแอนเดรียออกมา และตอน ที่เจ้าตอบโต้ฮว๋าซิ่วหนิงอย่างไม่สนใจแล้ว ข้าก็รู้เลยว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา ที่ตระกูลหลี่กลับเข้าสู่สายตาของผู้คนอีกครั้งก็เพราะเจ้า” องค์รัชทายาทพูดคำเหล่านี้ออกมา 

 

 

ความงามที่ดูเหมือนจะไม่เป็นความจริง ฮ่า ต้องขอแสดงความยินดีด้วย องค์รัชทายาทพูดถูก แคลร์หัวเราะอยู่ในใจ แต่คำเหล่านี้มันไม่สามารถพูดออกไปได้ 

 

 

“ฝ่าบาทคิดว่าจุดประสงค์ของหม่อมฉันคืออะไรล่ะเพคะ?” แคลร์ถามเบาๆ โดยที่ยังคงยิ้มอยู่ 

 

 

“ก็แค่อยาก ให้ตระกูลหลี่กลับเข้าสู่สายตาของผู้คนอีกครั้ง ง่ายๆเ ช่นนี้เลยใช่หรือไม่?” องค์รัชทายาทถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม 

 

 

“ถ้าหม่อมฉันตอบว่าใช่ ฝ่าบาทจะทำเช่นไรเพคะ?” แคลร์หัวเราะเบาๆ 

 

 

“ข้าก็จะเชื่อ” องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดออกมา แต่เขาก็งุนงงอยู่เล็กน้อย หญิงลึกลับผู้นี้ ไม่ว่าเขาจะตรวจสอบอย่างไรก็ไม่สามารถค้นหาตัวตนและภูมิหลังของนางได้เลย ทุกอย่างเกี่ยวกับนางเป็นเรื่องลึกลับไปหมด 

 

 

“เช่นนั้นก็พอแล้วนี่เพคะ” แคลร์ยิ้ม “หม่อมฉันได้เห็นความสามารถในการหล่ออาวุธ ของตระกูลหลี่แล้ว ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทคงได้ตัดสินใจแล้ว หรือว่าองค์จักรพรรดิก็ทรงตัดสินใจด้วยเช่นกันเพคะ” สีหน้าของแคลร์ดูซับซ้อนเล็กน้อย การหล่ออาวุธ ของตระกูลหลี่นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แล้วยิ่งนางใช้ความรู้จากเมื่อครั้งเก่าก่อนเสริมด้วย จึงได้สร้างอาวุธที่แหลมคมเช่นนั้นออกมา การที่นางทำเช่นนี้มันถูกหรือผิดกันนะ? 

 

 

องค์รัชทายาทเงียบลง หันไปมองที่เวทีข้างล่างด้านหน้าเขา ใบหน้าของเขาสงบและพูดเบาๆ “สิ่งนี้เป็นการจัดการของตระกูลเฟิงมาโดยตลอด หากอยากจะเปลี่ยนมือ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ความไว้วางใจของท่านพ่อที่มีต่อนายหญิงของตระกูลเฟิงไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้เลย” 

 

 

“แล้วอย่างไรหรือเพคะ?” แคลร์ถามอย่างใจเย็นพลางมองไปที่เวที นางรู้ว่าองค์รัชทายาทมีบางอย่างจะพูดต่อ 

 

 

“ดังนั้น เงื่อนไขของตระกูลเฟิงก็คือ ตระกูลหลี่จะต้องชนะการแข่งขันในอีกสองเดือนข้างหน้า” องค์รัชทายาทพูดเสียงทุ้ม ในใจขององค์รัชทายาทก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ตามนิสัยของอันลิซ่าแล้ว นางจะสนับสนุนใครก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อลากัค แต่คราวนี้นางกลับเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ นางมีเจตนาอะไรกัน? 

 

 

แคลร์เข้าใจทันที วันนี้องค์รัชทายาทเชิญนางมาชมการแสดงก็เพื่อต้องการจะบอก เรื่องนี้ เงื่อนไขนี้ดูเหมือนจะทั้งสมเหตุสมผลและไม่สมเหตุสมผล 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นองค์รัชทายาทโปรดบอกกับตระกูลเฟิงว่าตระกูลหลี่จะชนะการแข่งขันในอีกสองเดือนเพคะ” เสียงของแคลร์นุ่มนวล แต่ก็มีความมุ่งมั่นที่ไม่อาจบรรยายได้ 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอดูนะ” องค์รัชทายาทหันมายิ้มให้แคลร์ 

 

 

แคลร์ยิ้มเงียบๆ 

 

 

การแข่งขันในครั้งนี้จะ ทำให้ทุกคนตกใจจริงๆนั่นก็ เพราะสาวผมบลอนด์ตาสีเขียวผู้นั้น! 

 

 

เวลาสองเดือนผ่านไปในพริบตา ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาร้านเสื้อผ้าและโรงหล่อของตระกูลหลี่มีการตอบรับที่ดีมากในเมืองจนได้ผลกำไรมหาศาล บรรดาหญิงผู้สูงศักดิ์แข่งกันด้วยชุดล่าสุดที่ซื้อจากร้านของตระกูลหลี่ ในขณะที่ขุนนางชายแข่งกันด้วยดาบที่ซื้อจากตระกูลหลี่เช่นกัน 

 

 

ปลายฤดูใบไม้ร่วงกำลังใกล้เข้ามา ใบไม้ที่ร่วงหล่นปลิวไปทั่วท้องฟ้า ความหนาวเหน็บก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา 

 

 

แคลร์ยืนเงียบๆ ที่ข้างทางเดิน พิงเสาขนาดใหญ่และมองเด็กๆ ของตระกูลหลี่ที่กำลังพยายามฝึกฝนอย่างหนักในสนามฝึกซ้อมอยู่ไกลๆ แล้วรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง 

 

 

พรุ่งนี้จะมีการแข่งขันที่ดึงความสนใจจากทั่วโลกแล้ว มือใหม่ทุกคนจากทั่วประเทศสามารถเข้าร่วมได้ คนที่เรียกว่ามือใหม่คือคนหนุ่มสาวที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่จำกัดที่มาและเพศ ทุกคนสามารถสมัครเข้าร่วมได้หมด ผู้ที่ทำผลงานได้ดีจะถูกเรียกใช้งาน จึงมีผู้คนจำนวนมาก มาเข้าร่วม 

 

 

“แคลร์…” หลี่เยว่เหวินกระซิบจากด้านหลัง 

 

 

“พี่สาว คราวนี้ข้าจะชนะเพื่อตระกูลหลี่แน่นอน หลังจากนั้นข้าก็คงจะต้องกลับไปแล้ว” แคลร์ไม่หันกลับมา นางยังคงมองเด็กๆ ในสนามฝึกซ้อมและพูดเบาๆ 

 

 

“อืม… ” เสียงของหลี่เยว่เหวินต่ำลงและดูเศร้าสร้อย 

 

 

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะชนะแน่นอน” แคลร์หันไปยิ้มให้หลี่เยว่เหวิน 

 

 

“แคลร์ จำเอาไว้นะว่าที่นี่คือบ้านของเจ้า ประตูบ้านหลังนี้เปิดรับเจ้าทุกเมื่อ เจ้าสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อที่เจ้าต้องการเลยนะ” หลี่เยว่เหวินมองแคลร์ มีประกายบางอย่างอยู่ในดวงตาของนาง 

 

 

“พี่สาว พี่ร้องไห้หรือ?” แคลร์หัวเราะเบาๆ 

 

 

“เจ้านี่!” หลี่เยว่เหวินคว้าแขนแคลร์ไว้ แคลร์หัวเราะและทำท่าจะดึงออก แต่กลับถูกหลี่เยว่เหวินดึงเข้ามาในอ้อมแขนแทน 

 

 

แคลร์อึ้งแล้วยืนเงียบไม่ขยับตัว 

 

 

“เจ้าต้องระมัดระวังนะ งานแข่งขันในวันพรุ่งนี้ต้องระวังและต้องปลอดภัยนะ รู้หรือไม่?” หลี่เยว่เหวินกอดแคลร์แน่นแล้วพูด 

 

 

แคลร์หลุบตาลง มีรอยยิ้มปรากฎขึ้น แล้วหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่น 

 

 

“อืม พี่สาว สบายใจได้ ข้าจะไม่เป็นไรหรอก” แคลร์ให้คำสัญญาอย่างหนักแน่น 

 

 

วันรุ่งขึ้น เสียงแตรพิธีดังขึ้น เสียงที่หนักแน่นนั้นดังก้องไปทั่วเมือง 

 

 

สถานที่แข่งขันอยู่ในจัตุรัสขนาดใหญ่หน้าพระราชวังซึ่งมีการสร้างอัฒจันทร์ขึ้น บนชั้นสูงสุดคือสมาชิกราชวงศ์ ถัดลงไปคือที่สำหรับขุนนาง รอบนอกสุดมีพื้นที่ดูธรรมดา คนทั่วไปสามารถเข้ามาชมได้ ในขณะนี้จัตุรัสเต็มไปด้วยผู้คน เวทีการแข่งขันสูงกว้างและแข็งแกร่ง คู่ต่อสู้ของการประลองจะถูกกำหนดโดยการจับฉลาก 

 

 

เนื่องจากมีคนที่สมัครเข้าร่วมการแข่งขันมากจำนวนมากทุกปี รอบแรกจึงเป็นการคัดตกรอบแบบกลุ่ม กล่าวคือทุกคนที่ถูกจับชื่ออยู่ในสายเดียวกันจะขึ้นไปสู้กันบนเวทีทั้งหมดพร้อมกัน ผู้ชนะที่ ยืนอยู่บนเวทีเป็นคนสุดท้ายจะเข้าสู่การแข่งขันครั้งต่อไป มีการตั้งเขตกั้นเวทย์ไว้รอบเวทีเพื่อ หลีกเลี่ยง ผู้ชมไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ 

 

 

แคลร์และผู้เข้าร่วมทุกคนนั่งเงียบๆ ในสถานที่ที่กำหนดแล้วรอ ส่วนหลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เพื่อรอดู 

 

 

ทันใดนั้น แคลร์ก็รู้สึกได้ถึงการจ้องมอง เมื่อหันไปก็เห็นเฟิงอี้เซวียนที่มองนางอยู่ ในสายตานั้นไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้เลย หลายครั้งที่เขาอยากจะยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาแคลร์ แต่เขาก็ถูกสุ่ยเหวินโม่ที่อยู่ข้างๆ ห้ามไว้ ไม่รู้ว่าสุ่ยเหวินโม่กระซิบอะไร จากนั้นเฟิงอี้เซวียนก็นั่งลงด้วยความ โกรธ แคลร์มองไปที่ริมฝีปากของสุ่ยเหวินโม่แล้วนางก็เข้าใจ คำพูด ของสุ่ยเหวินโม่ก็คือ อย่าลืมสิ่งที่เจ้าสัญญากับแม่ของเจ้าไว้สิ