ตอนที่ 579 ที่มาไม่เหมาะสม

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

ฉินมู่รีบรั้งกระบี่กลับมาและมองไปยังผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจแกมยินดี เขาร้องออกมาด้วยความดีใจ “ท่านปู่คนแล่เนื้อ!”

ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ กวางโรตัวอื่นๆ ก็ปริแตกออก และร่างของพวกเขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อขัดขวางเทียนเฟิงโก้วอันกำลังพุ่งเข้าโจมตีเทพซังเย่ แสงกระบี่ของนางแทงไปข้างหน้าแล้ว นางจึงไม่มีเวลาเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า

ทวนยาวแปรเปลี่ยนเป็นมังกรดำที่เข้าไปขัดขวางแสงกระบี่ ร่างของเทียนเฟิงโก้วสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง มังกรดำเอาแต่พุ่งเล็งไปยังกระดูกสันหลังของกระบวนท่ากระบี่ของนาง ทำให้พลังวัตรของนางถูกขัดขวางอย่างต่อเนื่องซ้ำๆ และทำให้นางยากจะปลดปล่อยพลานุภาพออกมาได้

นางนั้นเชี่ยวชาญในมรรคากระบี่ และความสำเร็จในเชิงกระบี่ของนางก็นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งหรืออันดับสองในสวรรค์ไท่หวง แน่ล่ะว่านั่นนับก่อนที่ฉินมู่จะสถาปนาการเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์ไท่หวงกับสันตินิรันดร์ เมื่อเพลงกระบี่ของราชครูสันตินิรันดร์ถูกถ่ายทอดมายังสวรรค์ไท่หวง เพลงกระบี่ของนางก็ไม่นับว่าเป็นสุดยอดอีกต่อไป

ในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ มียอดฝีมือมากมายเหลือเกินที่เพลงกระบี่เหนือล้ำกว่านาง

สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงพรึงเพริดนั้นก็คือทวนมังกรดำถึงกับสามารถทำลายพละกำลังของนางได้ด้วยพลังอันอันน้อยนิด บดขยี้พลังวัตรของนาง!

ดวงดาวบนท้องฟ้าฉายส่องและถักทอกันเป็นเขตพลังหมู่ดาวสวรรค์คลุมนภา ในพริบตาที่นางและทวนมังกรดำปะทะกันอีกหน เขตพลังก็พุ่งเข้าปะทะหน้าอกนาง

มันเป็นทักษะเทวะที่หาได้ยากอันใช้ดวงดาวและเทหวัตถุเป็นทักษะเทวะ

ในด้านการเปลี่ยนแปรในทักษะเทวะ ทักษะเทวะของสันตินิรันดร์เหนือล้ำกว่าสวรรค์ไท่หวงไปหลายขุม

เทียนเฟิงโก้วกระอักเลือดออกมาและก้าวถอยหลังด้วยความเร่งร้อน แต่ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเย็นเยียบในหัวใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้เฒ่าพร้อมด้วยมีดมาข้างหลังนางแล้ว ด้วยการถอยกลับไป นางก็ส่งตัวเอาเข้าไปปักมีดของเขา แทงตัวนางเองเข้าข้างหลัง

พลานุภาพของมีดนี้ไม่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า ผู้เฒ่าที่ท่าทางสัตย์ซื่อผู้นี้เชี่ยวชาญแต่การแทงข้างหลัง กระบวนท่าของเขาไม่มีพลังทำลายล้าง

เทียนเฟิงโก้วสะบัดกระบี่ไปข้างหลัง แต่ไม่ทันที่แสงกระบี่จะไปถึงผู้เฒ่าข้างหลังนาง ชายแก่อีกคน คนนี้แบกเตาหลอมอยู่ ก็ฟาดนางด้วยค้อนด้ามหนึ่ง!

เพลิงไฟพวยพุ่งขึ้นมาจากเตาหลอมข้างหลังเขา การโจมตีนี้ได้หนักหน่วงอย่างเหลือแสน พลานุภาพของมันน่าสะพรึงกลัว จากการฟาดมาเพียงครั้งเดียว กระดูกและเส้นเอ็นของเทียนเฟิงโก้วก็แตกหัก และนางกลิ้งกระเด็นไปบนพื้นก่อนที่จะกระดอนขึ้นมาและร่วงลงไปมาอีกหลายครั้ง!

กำลังฝีมือของนางเหนือธรรมดา แม้กระทั่งเหนือล้ำกว่าเทพซังเย่ ดังนั้นนางจึงไม่ตาย นางรู้ว่าได้ตกในวงล้อมซุ่มโจมตีเสียแล้ว และไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ได้ ดังนั้นนางจึงรีบตัดสินใจหนีไปในทันที

นางกระโจนหนีไปร้อยลี้ จากนั้นก็หันกลับมาเห็นผู้เฒ่าร่างสูงกำลังยกฝ่ามือเขาขึ้นตวัดท้องฟ้า

เทียนเฟิงโก้วตกตะลึง ผู้เฒ่านี้มีหูเหล็กแวววาวอยู่ครู่หนึ่ง และร่างสูงตระหง่านเป็นอย่างยิ่ง เขานั้นสูงเสียยิ่งกว่าเทพเที่ยงแท้และมารเที่ยงแท้ไปมาก และเขาสามารถม้วนห่อห้วงอวกาศที่นางอยู่ในนั้นได้!

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีพลังวัตรอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้…

ขณะที่นางคิดอยู่เช่นนั้นเอง นางก็ตระหนักว่าผู้เฒ่าหูเหล็กมิได้ม้วนห้วงอวกาศ แต่ในทางกลับกัน หลังจากที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากช่างตีเหล็กเฒ่า นางก็ตกเข้าไปในภาพวาด

บัดนี้นางกำลังเตลิดหนีไปในภาพวาด

เทียนเฟิงโก้วรีบขับเคลื่อนกระบี่เทพของนางเพื่อฉีกทึ้งห้วงอวกาศ และภาพวาดก็พลันถูกฉีกแยกออกจากกัน แสงกระบี่หนึ่งพุ่งไปยังหน้าของผู้เฒ่าหูเหล็ก

เขาดูสูงตระหง่านอย่างเหลือแสน และวิชาของเขาก็แตกตื่นสะท้านโลก แต่กำลังฝีมือของเขาก็ขาดพร่องอยู่เช่นกัน เมื่อเขาเห็นแสงกระบี่พุ่งมา เขาก็รู้ว่าไม่อาจต่อสู้ได้จึงหันกายผละไป

ทวนมังกรดำพลันทะลวงไปข้างหน้า และปัดเป่ากระบวนท่าของกระบี่เทพเจ้าของเทียนเฟิงโก้ว

นางกระโดดออกมาจากภาพวาดและพบกับชายร่างบึกบึนที่สวมเสื้อขนเพียงพอนและขี่วัวเขียว เพลงมีดของเขาไร้ต่อต้าน และกระบวนท่าของเขาก็ซับซ้อน เขานั้นกำลังใช้เพลงมีดที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน และเวทมนตร์อันซ่อนอยู่ในเพลงมีดเหล่านั้นก็มีพลานุภาพอันเหนือธรรมดา!

นางประเมินมันต่ำไปและรับเคราะห์ในทันที แสงมีดพุ่งวาบ และมือขวาของนางที่กำลังถือกระบี่ก็ถูกสะบั้นให้ขาดด้วยกำลังเถื่อน โลหิตพุ่งกระฉูดและกระจายไปในอากาศ

เทียนเฟิงโก้วครางเสียงหนักและคว้าจับกระบี่ด้วยมือซ้าย นางกำลังจะแทงไปยังชายร่างถึกขี่วัว แต่พลันเห็นสาวงามสะคราญฟ้าขยุ้มกำฝ่ามือ ด้วยกระบวนท่าของนาง ห้วงอวกาศก็แตกทำลายและหดเข้าไป ร่างของเทียนเฟิงโก้วพลันลอยละลิ่วไปหานางโดยไม่อาจจะหยุดตัวเองเอาไว้ได้

ตูม!

ช่างตีเหล็กเฒ่าพุ่งเข้ามาและฟาดศีรษะนางด้วยค้อนของเขา ทำให้นางมึนงงในขณะที่ผู้เฒ่าร่างเล็กทำลายกระบวนท่าของกระบี่เทวะของนางด้วยทวนมังกรของเขา แสงกระบี่หักเหอย่างแปลกประหลาดในอากาศและแทงเข้าที่หน้าอกของนาง

ปัง!

ใบหน้าของนางฟาดเข้าใส่ฝ่ามือของสาวงามหยาดฟ้า และพลังฝ่ามือดาวสวรรค์คลุมนภาก็ระเบิดออกมา เปลี่ยนใบหน้านางให้เละเทะไปหมด

ฝ่ามือของโฉมสะคราญผู้นี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไปตามจุดต่างๆ บนร่างกายของนางพลางปิดตรึงจิตวิญญาณดั้งเดิมและดวงวิญญาณ

เทียนเฟิงโก้วร่วงลงมาบนพื้นพร้อมกับจิตวิญญาณดั้งเดิมของนางและหลบหนีไปไม่ได้ มันถูกปิดผนึกเอาไว้ในร่างกายอันแตกหักของนาง

นางยังไม่ทันหมดลมหายใจ แต่สายตาของนางเริ่มขมุกขมัว ในตอนนั้นเอง ชายในหน้ากากทองแดงก็รีบรุดมายังข้างกายนาง และแทงเข็มเงินเล่มหนึ่งเข้าไปในร่าง ขณะที่เขากล่าว เสียงของเขาก็ฟังดูเหมือนไกลลิบไปทุกทีๆ “มีข้าอยู่ด้วย นางไม่อาจตาย ไม่ต้องห่วง พวกเราเพียงแค่พันธนาการดวงวิญญาณของนางเอาไว้ แล้วลากมันออกมาเพื่อสอบสวนในภายหลัง”

เทพซังเย่ยืนนิ่งด้วยความเหม่อลอย ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ทันที่เขาจะได้ต่อสู้กับเทียนเฟิงโก้ว นางก็ถูกจัดการด้วยฝีมือของผู้มาใหม่

แต่ถึงอย่างไร เทียนเฟิงโก้วก็เคยเป็นตัวตนอันแข็งแกร่งระดับสุดยอด แม้ว่าพลังอำนาจของนางจะด้อยกว่าเทพเที่ยงแท้ แต่ก็ไม่นับว่าห่างไกล เขาไม่ใช่คู่มือของนางอย่างแน่นอน

ซังเย่เตรียมพร้อมที่จะสละชีพเพื่อความเที่ยงธรรมในทุกขณะจิต แต่น่าเสียดายว่าฉินมู่คงจะต้องตายไปพร้อมกับเขา ทว่าโชคยังเข้าข้างที่ผู้คนประหลาดโผล่มาจากที่ไหนสักแห่งและต่อสู้อย่างสับสนวุ่นวายจนกระทั่งทำให้เทียนเฟิงโก้วได้รับบาดเจ็บสาหัสและปิดผนึกนางเอาไว้

มิเช่นนั้น เขาและฉินมู่จะต้องตายอย่างแน่นอน

ข้างๆ นั้น ฉินมู่ค่อยๆ ผลักมีดใหญ่ที่พาดไว้ที่คอของเขาห่างออกไปอย่างระมัดระวัง คนแล่เนื้อแค่นเสียง และมีดใหญ่ก็ยังคงอยู่ที่เดิม

ฉินมู่ผลักอีกครั้ง แต่คนแล่เนื้อไม่ปล่อยให้มันขยับ เห็นได้ชัดว่าเขายังโกรธขึ้งอยู่

“ท่านปู่คนแล่เนื้อ ท่านใช้หนังกวางโรคลุมร่างมา เวทมนตร์ของท่านยายซีเพริศแพร้วจนเกินไปถึงขนาดที่ว่าข้าไม่รู้ว่านั่นคือท่าน หากว่าข้ารู้ ข้าก็คงไม่เอากระบี่พาดคอท่านปู่หรอกนะ…” ฉินมู่กล่าวอย่างระมัดระวัง

“ข้าไม่สน!” คนแล่เนื้อกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเลี้ยงเจ้ามาอย่างเหนื่อยยาก แต่เจ้าก็ยังคิดจะฆ่าข้าเพียงเพราะข้าขวิดตูดเจ้าเท่านั้น หัวใจข้าตายไปแล้ว!”

ข้างๆ เขา นิ้วทั้งห้าของหั่วถูลัวพลันแยกออกจากกันและร่วงลงไปกับพื้นเหมือนกับเสาเนื้อห้าต้น

“ลัว…”

เสียงขลุกขลักดังมาจากคอของฮั่วถูลัว และเขารั้งแขนกลับไปช้าๆ เขาแตะที่คอของตนอย่างสั่นเทิ้ม พยายามจะรักษามันให้ตั้งมั่น เขาไม่กล้าจะขยับเขยื้อนเร็วเกินไปนัก ทุกกิริยาของเขาระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

แต่ทว่า ไม่ทันที่เขาจะได้แตะถึงคอของตน ศีรษะของเขาก็เสียสมดุลและร่วงลงไปข้างหนึ่ง

มือของหั่วถูลัวเร็วขึ้นอีกและเขาคว้าจับศีรษะเอาไว้!

ปัง

เสียงดังสนั่นก้องมาเมื่อฝ่ามือทั้งสองของเขาประกบกับเหนือคอของเขา เมื่อศีรษะเขาร่วงไปด้านข้าง เลือดก็กระฉูดออกมาจากคอย้อมมือเขาให้แดงไปหมด

“มีดเร็วอะไรอย่างนี้–”

หัวของหั่วถูลัวกรีดร้องเสียงโหยหวนออกมาและกลิ้งหลุนๆ ไปสองตลบบนพื้น ก่อนที่เปลวไฟในดวงตาเขาจะมอดดับลง

ฉินมู่อิจฉาเป็นอย่างยิ่งและเอ่ยชม “มีดเทวะของท่านปู่คนแล่เนื้อได้บรรลุขั้นไร้ที่ติ ข้านับว่ายังด้อยกว่ามาก”

“ไม่ต้องมาประจบข้า!” คนแล่เนื้อมีสีหน้ามืดหม่น และมือเขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย มีดของเขายังคงพาดอยู่ที่คอฉินมู่ “เจ้ามันลำเอียงและไม่รักข้า! เจ้ารักเฒ่าใบ้ เฒ่าเป๋ เฒ่าบอด ไอ้พวกเวรตะไลพวกนี้ แต่ไม่ใช่ข้า! ข้าเห็นพวกเขาขวิดเจ้ากันสนุกสนาน ดังนั้นข้าเลยลองบ้างหนึ่งที แต่เจ้าก็คิดจะฆ่าข้า!”

“ศิษย์น้อง!” ป้าซานกระโดดลงจากหลังวัวและวิ่งเข้ามาด้วยความปีติ “ศิษย์น้อง เจ้าทำให้อาจารย์โกรธหรือ อาจารย์ได้ตกลงที่จะรับข้ากลับมาเป็นศิษย์แล้วนะ แต่เงื่อนไขของเขาก็คือข้าจะต้องลดความดังเสียงลงหน่อย และพูดให้น้อยลง”

“เมื่อทุกคนบอกว่าพวกเขาจะมาตามหาเจ้า ข้าบอกว่าศิษย์น้องเล็กของข้าออกจะฉลาดและไม่มีทางตกอยู่ในเรื่องยุ่งยาก และดูสิ ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย! อาจารย์ดาบสวรรค์ ทำไมท่านถึงเอามีดจ่อคอศิษย์น้องล่ะ วางมันลงเร็วเข้า พวกเราเป็นครอบครัวใหญ่ มีเรื่องอะไรจะพูดคุยกันไม่ได้…”

คนแล่เนื้อสะบัดมีด และมันตกลงไปบนบ่าของอธิการบดีป้าซาน เขารีบหุบปากลงทันที ใบหน้าเขาแดงก่ำไปหมดจากความพยายามกลั้นคำพูดเอาไว้

“ศิษย์พี่ป้าซาน ท่านปู่คนแล่เนื้อเพียงแค่แสร้งตายเท่านั้น และไม่ได้เตะท่านออกไปจากสำนัก ดังนั้นทำไมท่านจะต้องเข้ามาเป็นศิษย์ของเขาอย่างเป็นทางการอีกครั้งล่ะ” ฉินมู่ถามด้วยความฉงน

ป้าซานพลันสำเหนียกขึ้นมาและผลักมีดออกไป เสียงของเขาดังก้องกว่าเดิมสองเท่าและตะโกนออกไปด้วยความโมโห “ตาเฒ่า เจ้าหลอกข้า!”

หูของคนแล่เนื้อสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียง และเขาก็ตวัดมามองฉินมู่ด้วยความเดือดดาล

ฉินมู่ลูบก้นตนเองที่ยังเจ็บอยู่ป้อยๆ

เฒ่าบอด เฒ่าใบ้ และเฒ่าเป๋ไม่ความปรานีจริงๆ ก้นของเขาแทบจะเละไปหมด

ข้าน่าจะสงสัยอะไรตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่กวางโรหน้าเซ่อพวกนี้เริ่มขวิดข้า ท่านปู่ใบ้ ท่านปู่บอด และท่านปู่เป๋ใจร้ายที่สุด แม้แต่ท่านปู่คนแล่เนื้อก็ถูกพวกเขาชักจูงไปในทางที่ผิด…

เฒ่าบอดเดินเข้ามาพร้อมกับทวนมังกรดำของเขา เมื่อมาถึงฉินมู่ เขาก็ยิ้มเผล่ ฉินมู่มองไปที่เขาด้วยสีหน้ามืดดำ และหนีไปหาท่านยายซี เฒ่าบอดเกาหัวแกรกๆ และกล่าวด้วยความโมโห “คนแล่เนื้อ เจ้าหักหลังข้า!”

คนแล่เนื้อรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยและเกาหัวเช่นกัน “ข้าทำอย่างนั้นเมื่อไหร่ เฒ่าบอด อย่าใส่ไคล้ข้าโดยไม่มีเหตุผล”

เฒ่าหนวกเดินเข้ามาและกล่าว “ข้าได้ยินทุกๆ อย่าง เจ้าหักหลังเฒ่าบอด เฒ่าใบ้ และแม้กระทั่งเฒ่าเป๋”

“เจ้าหูหนวก เจ้ายังจะได้ยินอะไรอีกรึ!” คนแล่เนื้อระเบิดหัวเราะจากความเดือดดาล

ค้อนในมือของเฒ่าใบ้แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นไจกระบี่ ซึ่งไหลกลับเข้าไปในหีบ เขาแบกหีบเข้ามาและกล่าวอย่างเที่ยงธรรม “อบา อบา!”

“พูดได้ดี!” เฒ่าเป๋ปรบมือ “ปากของคนแล่เนื้อไม่มีหูรูดเอาเสียเลย!”

คนแล่เนื้อกลอกตาและดึงมีดออกจากคออธิการบดีป้าซานพลางกล่าวอย่างแช่มชื่น “ป้าซาน ตาเฒ่าผู้นี้ไม่อาจเถียงชนะพวกเขาได้ ดังนั้นจงมาช่วยข้าเถียงหน่อย!”

สองหมัดของป้าซานกำแน่นจนส่งเสียงกรอบแกรบ และเขาก้าวอาดๆ ไปยังเบื้องหน้าทุกคน เขากระแอมให้คอโล่งและกำลังจะอ้าปากพูด เทพซังเย่ก็กล่าว “ผู้อาวุโสเหล่านี้ พวกท่านมาจากสภาสวรรค์หรือ”

“ผู้อาวุโส? สภาสวรรค์?” เฒ่าบอดเงยหน้ามองไปยังเทพผู้นี้ เขาหัวเราะในคอ “พวกเรามาจากแดนโบราณวินาศ มิใช่สภาสวรรค์ ก่อนอื่น ข้าขอเรียนถามว่าศิษย์พี่ผู้นี้อายุเท่าไร”

เทพซังเย่แย้มยิ้ม “แดนโบราณวินาศเคยเป็นสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง ข้าอายุสองหมื่นกับแปดสิบสี่ปี”

เฒ่าบอดผงะไปพร้อมกับครางฮือในคอ “ข้าอายุห้าร้อยหกสิบสองปี…”

ทุกๆ คนพลันรู้สึกว่าตนเองยังหนุ่มแน่นอยู่มาก และเต็มไปด้วยกำลังวังชา

ฉินมู่มายังข้างกายท่านยายซีและเห็นนางยกร่างของเทียนเฟิงโก้วขึ้นด้วยพลังวัตร นางกำลังใช้เวทมนตร์ในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตเพื่อดึงเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทียนเฟิงโก้วออกมาสอบสวนความ

นักปรุงยากำลังหลอมปรุงยาอยู่ข้างๆ ใช้ยาชาสำหรับดวงวิญญาณเพื่อลดความสามารถในการต่อต้านของเทียนเฟิงโก้ว

คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตมีเวทมนตร์แปลกประหลาดจำนวนมาก พวกมันมักจะดูเหมือนมรรคามาร แต่พวกเขาก็สามารถตรึกตรองเข้าใจด้วยจิตอันเที่ยงธรรมเช่นกัน ฉินมู่ได้ศึกษาค้นคว้ามาในด้านนี้แล้ว

เมื่อเทพซังเย่มองเข้ามา หัวใจเขาก็สะท้านเล็กน้อยเมื่อเห็นเวทมนตร์ของยายเฒ่าซี สหายจากสภาสวรรค์เหล่านี้เหมือนจะมีที่มาไม่เหมาะสมถูกต้อง พวกเขาถึงกับเชี่ยวชาญในเวทมนตร์จากมรรคามาร…จริงสิ จ้าวลัทธิฉินเองก็ดูมีที่มาไม่เหมาะสมถูกต้องเช่นกัน…

 ………………….