ตอนที่ 121 ฉินหร่านถูกเกาหยางจับได้แล้ว

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ในกลุ่มของอาจารย์ที่ร่วมเหตุการณ์ไม่มีอาจารย์วิชาเคมี

 

 

ในการสอบหลายวิชาแบบนี้ เหลือแค่วิชาเคมีที่ไม่ได้สอบใหม่

 

 

พอได้ยินคำพูดของฉินหร่าน คนอื่นๆ ต่างก็มองเธออึ้งๆ

 

 

โดยเฉพาะหลี่อ้ายหรง ตั้งแต่เธอได้ข้อสอบภาษาอังกฤษที่ฉินหร่านทำไป ก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

ข้อสอบที่ตัวเองออกเองย่อมรู้ดีแก่ใจ หลี่อ้ายหรงค่อนข้างมีความทะเยอทะยานต่อการสอนภาษาอังกฤษ

 

 

ข้อสอบรายเดือนของเดือนหน้ายังทำไม่เสร็จ แต่เธออ้างอิงจากรูปแบบข้อสอบอื่นๆ ทุกข้อ อย่าว่าแต่ฉินหร่านเลย แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่ได้หาคำตอบ

 

 

เธอมองฉินหร่านทำ 35 ข้อเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ

 

 

ทำให้ตกใจจนพูดไม่ออก ลืมไปว่าจะพูดอะไรขึ้นมาชั่วขณะ

 

 

ฉินหร่าน? ทำไมเธอทำได้เร็วขนาดนี้ เธอไม่รู้จักนักเรียนคนนี้หรือไง แฟ้มประวัติยุ่งเหยิงวุ่นวาย ประวัติทำผิดมากมายก่ายกอง ไม่เคยตั้งใจเรียนเลย เธอทำได้อย่างไร!

 

 

ทั้งห้องทำงาน มีแค่เกาหยางที่ได้สติกลับมา เขากระแอมไอ แต่คนอื่นยังคงเหม่อลอย “ผู้อำนวยการติง ผมจะไปเรียกอาจารย์เคมีมาคิดโจทย์”

 

 

อาจารย์คนอื่นก็ตื่นจากภวังค์ทันที

 

 

ครุ่นคิดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า วิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์กับชีววิทยายังไม่พอจะยืนยันได้อีกเหรอ

 

 

จะไปเรียกอาจารย์เคมีอีกทำไม ให้อาจารย์อีกคนมาร่วมกังขาอีกหรือไง

 

 

ยังดีที่ผู้อำนวยการก็ได้สติ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง กว่าจะพูดอย่างยากเย็น ใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “อาจารย์เกา ไม่ต้องเรียกอาจารย์เคมีมาแล้ว ผมเชื่อว่าฉินหร่านไม่ได้ทุจริต”

 

 

ผู้อำนวยการติงหยุดชะงัก จากนั้นก็มองอาจารย์คนอื่นในห้องทำงานแล้วถามว่า “พวกคุณมีความเห็นอะไรไหม”

 

 

อาจารย์คนอื่นปฏิเสธเป็นพัลวัน

 

 

พวกเขาจะกล้ามีความเห็นอะไรได้อีก

 

 

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแล้ว เห็นประจักษ์แจ้งกันอยู่แล้วว่าฉินหร่านไม่ได้ทุจริต

 

 

ผู้อำนวยการหันหน้า มองฉินหร่านกับเกาหยางประหนึ่งเป็นพ่อผู้มีเมตตา “พวกคุณสองคนกลับไปก่อนเถอะ”

 

 

 

 

เกาหยางกลับมาที่ห้องพักครู

 

 

ตั้งแต่วันที่ตรวจข้อสอบก็เป็นที่ฮือฮาของอาจารย์คณิตศาสตร์ทั้งหลาย ข้อสอบคณิตศาสตร์ของฉินหร่านทำให้อาจารย์คณิตศาสตร์คนหนึ่งตกใจอยู่มาก

 

 

เขาจ้องกระดาษคำตอบของฉินหร่าน ลายมือของฉินหร่านดีขึ้นกว่าตอนเปิดเทอมไม่น้อยเลย

 

 

ถึงว่าตอนที่ตรวจข้อสอบเขามองไม่ออก เกาหยางกำลังคิด จู่ๆ ก็มีแสงฉายวาบในหัว

 

 

มือของเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย ใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้

 

 

หมดคาบเรียนด้วยตัวเองตอนบ่ายแล้ว ข้างนอกมีนักเรียนหลายคนกำลังเดินเตร่

 

 

เกาหยางควบคุมมือที่สั่นเทาของตัวเอง

 

 

เขาเรียกนักเรียนคนหนึ่งเข้ามา ให้ไปตามฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านมาอย่างรวดเร็ว

 

 

เธอก้มหน้าเล็กน้อย กำลังรูดซิปยูนิฟอร์มอยู่

 

 

“อาจารย์เกา มีธุระอะไรกับหนูหรือเปล่าคะ” ฉินหร่านทิ้งท่าทางเอื่อยเฉื่อยไป

 

 

เกาหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ ฉินหร่านมองเห็น มือที่วางอยู่ข้างถ้วยชาของเขากำลังสั่นระริก

 

 

ฉินหร่านแปลกใจอยู่มาก เธอช้อนตาขึ้น ผมสีดำตรงหน้าผากกวาดผ่านคิ้วอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

“เมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่อาจารย์ใหญ่สวีฝากเธอให้ห้องเราดูแล” มือของเกาหยางนิ่งไปครู่ พยายามไม่ทำให้เสียงตัวเองฟังไม่ดูเลื่อนลอยมากนัก “เลยถือโอกาสให้ฉันดูกระดาษคำตอบของข้อสอบโอลิมปิกของปีที่แล้ว”

 

 

ข้างๆ มือเกาหยางเป็นกระดาษคำตอบวิชาคณิตศาสตร์ของฉินหร่าน เมื่อวานเขาดูกระดาษคำตอบนับครั้งไม่ถ้วนตอนที่ตรวจข้อสอบ

 

 

โฮ่วเต๋อหลงออกโจทย์ยากมาตลอด

 

 

ข้อสุดท้ายของการสอบครั้งนี้ ผสมผสานสไตล์โจทย์ข้อสอบโอลิมปิกของโฮ่วเต๋อหลง ข้อย่อยสุดท้ายเป็นข้อที่ยากที่สุดในการแข่งขันโอลิมปิกด้วยซ้ำ

 

 

นอกจากฉินหร่านแล้ว ก็พินาศกันทุกคน แม้แต่สวีเหยากวงก็ไม่เว้น

 

 

แต่ฉินหร่านทำได้

 

 

ทำให้เกาหยางนึกถึงครั้งแรกที่เจอฉินหร่านในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้ อาจารย์ใหญ่สวีให้กระดาษคำตอบของข้อสอบโอลิมปิกปีที่แล้วกับเขา

 

 

กระดาษคำตอบแผ่นนั้นเหมือนที่อยู่ในมือเขาตอนนี้ การแสดงวิธีทำสมบูรณ์แบบ ตรรกะรอบคอบ ขั้นตอนกระชับได้ใจความ จุดที่ได้คะแนนไม่ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว

 

 

ประการเดียวที่แตกต่างก็คือ ลายมือในกระดาษคำตอบที่อาจารย์ใหญ่สวีให้เขาจะดูผ่อนคลายเป็นอิสระ มีทักษะชำนาญทางด้านอักษร แค่มองก็รู้แล้วว่าผ่านการฝึกมา

 

 

ไม่เหมือนกระดาษคำตอบที่อยู่ในมือเขาตอนนี้

 

 

ในหัวมีความคิดนับไม่ถ้วนฉายวนไปมา เกาหยางได้ข้อสรุปประการหนึ่ง สายตาหยุดอยู่ที่มือขวาของฉินหร่านที่กำลังรูดซิปเสื้อนอก นัยน์ตาเป็นประกาย “ฉินหร่าน มือเธอถนัดทั้งสองข้างใช่ไหม”

 

 

คนที่ถนัดซ้ายทั่วไป จะใช้มือขวารูดซิปได้อย่างไร

 

 

มือที่กำลังรูดซิปของฉินหร่านหยุดชะงัก

 

 

พอเธอได้ยิน นานกว่าจะบีบนวดข้อมือของตัวเอง ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ”

 

 

มือที่ถือถ้วยชาของเกาหยางแน่นขึ้น เขาอดเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม่ได้

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่าจะทำให้ตัวเองสงบลงได้ “เธอเคยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเหรอ”

 

 

ไม่สิ

 

 

เกาหยางติดตามการแข่งขันโอลิมปิกมาตลอด จากกระดาษคำตอบของการแข่งขันโอลิมปิกของฉินหร่านที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ ขอแค่เธอเข้าร่วม ต้องคว้าอันดับมาได้แน่นอน

 

 

หวนคิดถึงการแข่งขันโอลิมปิกในระยะสองปีนี้ เกาหยางเชื่อมั่นว่าไม่มีชื่อของฉินหร่าน

 

 

“เพราะมีเรื่องนิดหน่อย เลยเข้าร่วมไม่ทันค่ะ” คำว่า ‘อ๋อ’ ของฉินหร่าน ฟังดูไม่สะทกสะท้าน “อาจารย์ ได้โปรดอย่าบอกคนอื่นว่าหนูไม่ได้ถนัดซ้ายนะคะ คือหนูเองก็ไม่คิดจะใช้มือขวาแล้ว”

 

 

“ทำไมล่ะ”

 

 

ฉินหร่านหลุบตาลง แพขนตาคลุมลงมา

 

 

หลังผ่านไปนาน เกาหยางได้ยินเสียงที่แหบพร่าเล็กน้อยของเธอ “เพราะมือขวาของหนูเคยทำเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้”

 

 

 

 

คาบแรกของช่วงบ่าย เป็นคาบวิชาคณิตศาสตร์ของเกาหยาง

 

 

ตอนที่ฉินหร่านกลับมาที่ห้อง เสียงกริ่งเข้าเรียนก็ดังขึ้นแล้ว

 

 

แต่ในห้องไม่ค่อยสงบมากนัก

 

 

ผ่านตอนเที่ยงมาแล้ว คะแนนบางวิชาถูกเปิดเผยแล้ว

 

 

เฉียวเซิงเหยียดขาออกมานอกทางเดิน มือวางอยู่ข้างปาก “รู้หรือเปล่า มีคนของโรงเรียนเราได้คะแนนวิชาคณิตเต็มด้วยละ”

 

 

“โอ้โห ใครกันที่เก่ง…ผิดมนุษย์ขนาดนั้น” เพื่อนร่วมโต๊ะของเฉียวเซิงเงียบงันอยู่นาน

 

 

พอได้ยินประโยคนี้ สวีเหยากวงที่กำลังดูคำตอบของข้อสอบที่ฉินอวี่ส่งมาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

 

 

เขาเอียงหัว หันหน้ามองเฉียวเซิง

 

 

เฉียวเซิงก็ทำท่าครุ่นคิดถามขึ้นมาว่า “คุณชายสวี นายหรือเปล่า”’

 

 

สวีเหยากวงส่ายหน้า พูดขึ้นราวกับคิดอะไรในใจ “ฉันได้แค่ 141 คะแนน”

 

 

เพื่อนร่วมโต๊ะของเฉียวเซิงสำลักกับคำว่า ‘ได้แค่’ ของเขา จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “งั้นคงจะมีแค่พานหมิงเยว่แล้วละ ผู้หญิงคนนี้เก่งผิดมนุษย์ขนาดนี้เลยเหรอ”

 

 

กลุ่มคนกำลังคุยกัน เกาหยางก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู เสียงถกเถียงกันในห้องอันตรธานหายไปในพริบตา สายตาทุกคนจับจ้องที่ตัวเขา

 

 

ในมือของเกาหยางมีของสองสิ่ง หนึ่งคือกระดาษคำตอบของข้อสอบปรนัย อีกหนึ่งเป็นกระดาษคำตอบของโจทย์ข้างหลัง

 

 

เขาวางของสองสิ่งลงบนโต๊ะ

 

 

หันหลังไปแปะตารางแผ่นใหญ่หนึ่งลงข้างกระดานดำ

 

 

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านั่นเป็นตารางอันดับ แต่เพราะต้องเข้าเรียน ไม่กล้าลุกออกจากที่นั่ง

 

 

หลังเกาหยางแปะเสร็จแล้ว ก็ให้ตัวแทนติววิชาคณิตศาสตร์ยืนแจกข้อสอบหน้าห้อง

 

 

“เหอเหวิน 79 คะแนน”

 

 

“จางลี่ 79 คะแนน”

 

 

 

 

คะแนนเรียงจากต่ำไปสูง ส่วนใหญ่อยู่ที่เจ็ดสิบแปดสิบคะแนน คะแนนกระจุกตัวกันมาก

 

 

“เซี่ยเฟย 97 คะแนน”

 

 

“หลินซือหราน 119 คะแนน”

 

 

ตอนที่ได้ยินคะแนนนี้ ทั้งห้องฮือฮาขึ้นมาครู่หนึ่ง คนแรกที่ได้เกิน 100 คะแนน

 

 

คะแนนเยอะขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้คะแนนของหลินซือหรานไม่โดดเด่น ทั้งห้องแปลกใจกันมากทีเดียว

 

 

รวมถึงสวีเหยากวงก็เงยหน้ามองมาทางหลินซือหรานเหมือนกัน

 

 

“สวีเหยากวง 141 คะแนน”

 

 

“คุณชายสวีเก่งผิดมนุษย์จริงๆ”

 

 

“ไม่ต่างจากคะแนนที่เดาไว้เลย”

 

 

“หรือพานหมิงเยว่จะผิดมนุษย์กว่า”

 

 

สวีเหยากวงออกไปรับข้อสอบ แต่ไม่ได้รับมาจากมือของตัวแทนติววิชาคณิตศาสตร์

 

 

ฝีเท้าของเขาหยุดชะงัก มองตัวแทนติววิชาคณิตศาสตร์อย่างเย็นชา

 

 

โดยปกติแล้ว ตอนแรกตัวแทนติวคิดว่าแจกข้อสอบของสวีเหยากวงเสร็จแล้วจะไม่มีข้อสอบเหลือแล้ว

 

 

มีกระดาษอีกแผ่นหนึ่งอยู่ใต้ข้อสอบของสวีเหยากวง เขามองกระดาษแผ่นสุดท้ายอึ้งๆ