ตอนที่ 208 สายเลือดเดียวกัน
ยังไงซะหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็สายเลือดเดียวกับเขา คงไม่ให้คนอื่นมาเป็นพ่อเลี้ยงของพวกเขาได้หรอกใช่ไหม?
เมื่อคิดไปคิดมา ไฟสีแดงที่สว่างอยู่จู่ ๆ ก็ดับลง ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก คุณหมอเดินออกมาและมีพยาบาลเข็นเตียงที่หมินลี่นอนหน้าซีดอยู่ออกมาด้วย คนที่ดูแข็งแรงแบบเขาไม่คิดว่าจะดูอ่อนแอได้ขนาดนี้
คุณหมอเดินมาหาเขา ก่อนจะดึงแมสก์ออกแล้วพูดว่า “คุณชายถัง คุณชายหมินพ้นขีดอันตรายแล้ว มีรอยเย็บที่แขนเล็กน้อย นอนพักดูอาการที่โรงพยาบาลสักสามวัน ถ้าไม่มีอะไรก็สามารถกลับบ้านได้เลยครับ”
“ขอบคุณคุณหมอมากครับ” ถังซั่วมองเตียงที่ถูกเข็นออกไปและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
อีกด้านหนึ่งจิ่งเป่ยเฉินที่วางสายจากถังซั่วก็ลงจากรถไป ภายในบ้านยังเปิดไฟสว่างจ้าเอาไว้อยู่
เขาหยิบกุญแจบ้านที่ได้มาจากหลินจือเซี๋ยวออกมาเปิดประตู ในใจก็แอบหวังลึก ๆ ว่าอันโหรวจะยังรอเขาอยู่
แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป ไฟในห้องรับแขกที่สว่างนั้นกลับไม่มีใครอยู่สักคน ภายในห้องเงียบสงัด
เขาถอนหายใจ ใบหน้าที่เรียบเฉยยิ้มหัวเราะขึ้นมา ปิดประตูเดินเข้าไปห้องนอนของอันโหรว เขามองไปที่กระดาษโน้ตสีฟ้าที่แปะอยู่บนประตู
‘ฉันอยากรอนายนะ แต่ลูกง่วงนอนแล้ว ฉันต้องนอนเป็นเพื่อนเธอ นายก็รีบนอนซะ ราตรีสวัสดิ์’
เขารีบดึงกระดาษโน้ตนั้นมาทันที เขามองไปที่ข้อความที่เธอเขียนอีกครั้ง นึกถึงน้ำเสียงคำพูดของเธอที่ดูรู้สึกผิด พลันก็ยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ประโยคที่เธอเขียนเหมือนว่าหยอกล้อเขา เขามาอยู่ที่นี่สองวันแล้วยังไม่ได้แตะแม้แต่ชายเสื้อเธอเลยด้วยซ้ำ
เขากำเศษกระดาษโน้ตในมือและทิ้งลงถังขยะ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปบนห้องนอน
เขาแค่ไปดูว่าพวกเขาเข้านอนกันแล้วหรือยัง สำหรับเขาแล้วเวลาสามทุ่มก็ยังถือว่าเพิ่งหัวค่ำ
อันโหรวที่ยังหลับไม่สนิท รู้สึกถึงความเย็นจากด้านหลัง ภายในใจก็รู้สึกตกใจ เหมือนมีเรื่องที่ยังคาใจเอาไว้อยู่
ในความมืดนั้นเธอดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวหน่วนหน่วน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง
หลินจือเซี๋ยวนี่บ้านเธอมีผีเหรอ? ทำไมไม่บอกฉันกัน?
เธอนอนขดตัวพร้อมกับหลับตาปี๋ ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวตัวเองและมุดลงไป
เธอขดตัวเงียบอยู่ในความมืด บอกกับตัวเองว่าไม่มีหรอกผี แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีคนมาบีบที่เอวของเธอ เธอลืมตากว้าง แต่ปิดปากสนิทไม่ให้ร้องกรี๊ดออกมา
แต่ว่าทำไมผีตัวนี้น่ารำคาญจัง?
ที่แท้ก็จิ่งเป่ยเฉิน!
เมื่อมือปีศาจเอื้อมมือมาหาเธออีกครั้ง เธอก็ลุกขึ้นนั่งลงบนเตียง แม้ภายในห้องจะมืดสนิทแต่การเคลื่อนไหวของเธอกว้างมาก ทั้งคู่เลยหยุดเคลื่อนไหว
“จิ่งเป่ยเฉิน นายจะทำอะไร?” เธอดึงผ้าห่มเข้ามาใกล้พลางกระซิบถาม
“หมินลี่เกิดอุบัติเหตุ ฉันเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล” เธอรีบขยับเข้าไปใกล้เขาจนเธอได้กลิ่นยาจาง ๆ เข้ามาในจมูก
ทันทีที่เธอได้ยินก็ดึงผ้าห่มออกและลงมาจากเตียง ก่อนจะห่มผ้าให้หน่วนหน่วนอย่างระวัง แล้วบอกกับเขาว่า “ออกไปคุยกันข้างนอก”
อยู่ดี ๆ ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้?
ทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง ทันทีที่อันโหรวปิดประตูห้องก็ถูกเขากอดจากด้านหลัง
ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็พลันเปลี่ยนสีในชั่วพริบตา เสียงตรงระเบียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ “นายไม่บอกฉันเลยด้วยซ้ำ นี่นายโกหกฉันให้ออกมานอกห้องเหรอ?”
“น่าเกลียดเกินไปแล้วนะ!”
“ฉันน่ารังเกียจตรงไหนกัน?” จิ่งเป่ยเฉินมองตัวเองอย่างสงสัย ก่อนจะโอบเอวเธอแน่นขึ้น
ตอนนี้เขาแค่อยากจะกอดเธอไว้แค่นั้นเอง
เธอเอื้อมมือไปจับแขนของเขาและพยายามดึงแขนเขาออก แต่กลับไม่ได้ผล “ฉันเชื่อว่านายทำเรื่องแบบนั้นได้”
เธอหันตัวเข้าหาเขา เงยหน้ามองเขาที่พูดอย่างมีความสุข ก่อนจะทำท่าส่งสัญญาณให้เขาพูดอะไรบางอย่างออกมาให้ไว
แต่ใบหน้าที่หล่อของเขากลับขยับเข้ามาใกล้เธอ ก้มหน้าลงจูบบนริมฝีปากเธอ ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้น ลำตัวขยับเข้าใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาไม่ได้ออกมาคุยเรื่องอุบัติเหตุของหมินลี่หรอกเหรอ? ทำไมถึงมาจูบเธอแบบนี้กัน?
เธอสวมชุดนอนบาง ๆ หนึ่งตัว หน้าต่างที่ระเบียงด้านนอกก็ถูกเปิดไว้ จู่ ๆ ก็มีลมพัดเข้ามา เธอจึงขยับตัวแนบชิดไปที่ตัวเขา และโอบแขนไปที่เอวของเขา
ขณะที่ทั้งสองไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พวกเขาก็หันไปทันทีที่ได้ยินเสียง “แม่จ๋า……”
เธอรีบผลักเขาออกจากตัวทันที เธอกัดริมฝีปากมองเขา ภาพลักษณ์เธอในสายตาเด็ก ๆ ต่อไปจะเป็นยังไง?
จิ่งเป่ยเฉินก็ดูเก้อเขิน เขาคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ หยางหยางจะออกมาแบบนี้
แต่แบบนี้ก็ดี ให้เขารู้ว่าพวกเรารักกันมากแค่ไหน และจะได้รู้ว่าอย่างน้อยเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
เธอก้มลงไปมองหน้าหยางหยางที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง “หยางหยาง ทำไมถึงตื่นมาจ๊ะ? อยากดื่มน้ำไหม? แม่จ๋าจะไปรินให้”
อันหยางส่ายหน้า ดวงตาสีดำสนิทมองไปที่ทั้งคู่ “ผมจะไปห้องน้ำ อยู่ตรงนี้ลมแรง อย่ายืนตรงนี้ต่อนะครับ”
ทันทีที่หยางหยางเดินไป ในชั่วพริบตาเธอก็เหลือบไปมองจิ่งเป่ยเฉินราวกับต้องการบ่นว่าเขาไม่รู้จักระวังเอาเสียเลย
เธอมองลูกชายเดินเข้าไปในห้องน้ำ พลันร่างกายก็แข็งทื่อ ใครจะอยู่ต่อกัน!
เธอหันไปมองคนที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากบาง ๆ ที่เพิ่งถูกเขาจูบเอ่ยขึ้นว่า “ไปนอนเถอะ”
“นอนด้วยกันไหม?” เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม
“ฉันขอปฏิเสธ!” เธอนอนของเธอดี ๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุของหมินลี่ เธอคงไม่ลงจากเตียงแน่ ๆ
เขาเดินเข้าไปโอบเอวเธอ พลางโน้มตัวกระซิบข้างหู “ลูกบอกให้ทำต่อ”
“นายระวังหน่อย เดี๋ยวลูกก็ออกมาจากห้องน้ำแล้ว” เธอพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่แก้มเริ่มแดงระเรื่อ ยิ่งทำให้ดูเย้ายวนมากขึ้น
“เธอพูดก็ถูกนะ” เขาโน้มตัวลงและอุ้มเธอลงไปชั้นล่างในทันที
อันโหรวตกใจ รีบเอามือคว้าคอเขาไว้ “นายปล่อยฉันนะ พรุ่งนี้เช้าหน่วนหน่วนตื่นมาไม่เจอฉันอยู่เธอจะร้องไห้เอานะ”
“เธอไม่ยอมอยู่กับฉัน ฉันสิต้องร้องไห้” ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ หยางหยางกับหน่วนหน่วนก็นอนคนเดียวได้ พอเขามากลับต้องนอนเป็นเพื่อน จะเป็นไปได้ยังไง?
จู่ ๆ เธอก็สนใจเขาขึ้นมา ยื่นมือไปเชยคางของเขา “ไหนนายร้องไห้ให้ฉันดูหน่อย?”
“อืม…….” คำถามนี้ค่อนข้างรุนแรงพอควร สำหรับตัวเขานั้นไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว
น้ำตาบ้าบออะไรที่ไหนใครจะมีได้?
จิ่งเป่ยเฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองค้อนไปที่เธอ “เดี๋ยวจะทำให้เธอร้องเอง”
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย!” เธอไม่ได้อยากร้องไห้เลยสักนิด และก็ไม่ได้อยากทำอะไรด้วย แค่อยากนอนเฉย ๆ
แต่ดูแล้วความคิดนี้ในคืนนี้คงได้แค่ฝัน!
ถ้ารู้ก่อนเธอจะไม่อยากรู้อยากเห็นเลย พรุ่งนี้ค่อยถามอาการของหมินลี่ก็ได้ ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่หมออยู่แล้ว!
น่าจะรู้ก่อนแต่แรก!
ความจริงหยางหยางกับหน่วนหน่วนนอนคนเดียวได้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กังวล แต่เมื่อคิดถึงจิ่งเป่ยเฉินที่มีความเชื่อมั่นแบบนี้ ต่อจากนี้เธอคงใช้วิธีนี้ไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อวานยังมีความคิดที่ดีนะ
คิดไปคิดมา เธอได้เพียงคำตอบเดียวก็คือเธอต้องล็อกประตูห้องนอนขณะหลับ!