ตอนที่ 207 ความสัมพันธ์ของพวกเขา

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 207 ความสัมพันธ์ของพวกเขา

เขาลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ถังซือเถียนกัดตะเกียบมองไปที่พวกเขา “พี่เฉินรูปในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น……”

“มันเป็นเรื่องจริง” เขาพูดเบา ๆ และหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน

เรื่องจริง?

เธอรู้อยู่แล้วว่ามันคือเรื่องจริง แต่เธออยากถามความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนต่างหาก หรือที่จริงแล้วคำตอบของเขาก็คือคำถามนี้อย่างนั้นเหรอ?

อันอีหานมีสิทธิ์อะไรกัน!

เธอมองไปยังเหล่าอาหารที่สวยงามที่อยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะมองสักเท่าไรเธอก็ไม่มีอารมณ์อยากจะกินอาหารตรงหน้าอีกแม้แต่นิดเดียว

ครั้งนี้มันยิ่งทำให้ภายในใจของเธอนั้นเริ่มรู้สึกเกลียดอันอีหานมากขึ้นกว่าเดิม

ที่ห้องหนังสือชั้นบน

ซูรั่วหยามองไปยังใบหน้าของลูกชาย แม้ใบหน้าเขาจะดูดุร้ายและนิ่งเฉย แต่ก็อดที่จะถามคำถามพวกนี้ขึ้นมาไม่ได้

เธอเงยหน้ามองเขาด้วยความกังวล “เฉินเอ๋อร์ ลูกกับเลขานั่น?”

จิ่งเป่ยเฉินวางมือขวาลงบนโต๊ะทำงานสีน้ำตาล “แม่ไม่ได้บอกว่าอยากได้หลานเหรอ? ตอนนี้นอกจากมีหลานชายแล้วยังมีหลานสาวด้วย ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ”

“ฉันอยากได้ลูกของแก!” ไม่ใช่ลูกของคนอื่น!

จิ่งเป่ยเฉินตอบอย่างไร้อารมณ์ “ก็นั่นแหละลูกผม”

เขาตอบความจริง ส่วนซูรั่วหยาจะเข้าใจหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องมานั่งอธิบาย

เขาไม่ได้พูดโกหกและก็ไม่กลัวความจริงถูกเปิดเผยด้วย

ซูรั่วหยาเอามือกุมหน้าผากอย่างทำอะไรไม่ได้ เธอรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นคนที่ชอบเข้าข้างคนของตัวเองเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่ายังไงก็ดึงเขากลับมาไม่ได้

ในเมื่อเขาชอบเลขาคนนั้นก็ต้องเอาลูกของเธอมาเป็นลูกของตัวเอง

เฮ้อ……

เอาแบบนี้แล้วกัน! อย่างน้อยผู้หญิงคนนั้นก็คอยอยู่ข้างเขา ในอนาคตยังสามารถมีลูกได้อีก พวกเขายังวัยรุ่น จะมีลูกอีกก็คงไม่เป็นอะไร

“แล้วพวกลูก?” เธอไม่รู้ว่าจะบอกสามีตัวเองยังไงว่าลูกชายชอบผู้หญิงที่มีลูกติดถึงสองคน

ภายใต้แสงไฟสลัว ๆ ที่อยู่ภายในห้องเผยให้เห็นถึงความกังวลของซูรั่วหยา “พวกเราสบายดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วง นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมกลับก่อนนะ”

“อืม…… โอเค ส่วนซือเถียน ลูกไม่ต้องไปโกรธเธอหรอกนะ เธอชอบลูกไม่ใช่เหรอ!” ซูรั่วหยาเดินตามเขาออกไป จริง ๆ เธอก็แอบเอ็นดูถังซือเถียนอยู่ไม่ใช่น้อย จึงฝืนทำใจรับความรู้สึกนี้ไม่ได้จริง ๆ

แต่เรื่องของความรู้สึก ถึงอย่างไรมันก็บังคับกันไม่ได้

ไม่เหมือนกับพวกเขาเมื่อก่อน ให้แต่งงานก่อนค่อยดูแลกันไป แบบนั้นจิ่งเป่ยเฉินคงได้เกลียดเธอเข้าไส้แน่ ๆ

จิ่งเป่ยเฉินเดินลงมาจากชั้นบน ถังซือเถียนก็รีบเดินเข้ามาหาเขาทันที “พี่เฉิน รถของฉันเสีย พี่ไปส่งฉันหน่อยได้ไหม?”

เขาเดินพร้อมออกคำสั่ง “พ่อบ้านครับ ส่งคนไปส่งคุณหนูถังด้วยนะครับ”

“ครับ คุณชาย”

ถังซือเถียนยืนเบ้ปากอยู่ไปมา ไม่กล้าแม้แต่จะเดินตามออกไป แต่เมื่อเห็นซูรั่วหยาที่กำลังเดินลงบันไดมา เธอก็ได้รีบเดินเข้าไปหา “คุณป้าจิ่ง เรื่องพี่เฉินกับเลขาอันคือเรื่องจริงเหรอคะ?”

เธอพยักหน้าแม้จะคิดว่าเรื่องพวกนี้คงไม่ใช่เรื่องจริง

ซูรั่วหยาจับไปที่ข้อมือของถังซือเถียนและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ซือเถียนลูก! หนูก็รู้ว่าแม้แต่ป้าเองพูดอะไรไปก็ไม่เคยได้ผล แล้วตอนนี้ยิ่งไม่ได้ผลเข้าไปอีก หนูเป็นเด็กที่ดี แต่ลูกเฉินตระกูลจิ่งไม่มีวาสนาเอง”

ใบหน้าของเธอฝืนยิ้มออกมา พี่เฉินจะต้องสับสนอะไรอยู่แน่ ๆ ผู้หญิงอื่นก็ช่างเถอะ แต่การที่ต้องมาแพ้ให้กับผู้หญิงแบบนี้ เธอไม่ยอมอย่างแน่นอน

แต่ทันใดนั้นในหัวของเธอก็ปรากฏคำพูดของเหลียวเว่ยขึ้นมา ก่อนจะยิ้มให้คนที่อยู่ข้างกายและพูดขึ้นว่า “ป้าจิ่งคะ พี่เฉินเขาเคยพูดอะไรที่เกี่ยวกับเลขาอันบ้างไหมคะ?”

“แค่บอกว่าพวกเขาสบายดี แค่นั้นเอง” ซูรั่วหยาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงถามขึ้นมากะทันหันแบบนั้น เธอจึงตอบไปโดยไม่ได้คิดอะไร

เป็นเวลาสองทุ่มที่เขาเดินทางกลับบ้าน เขาขับรถด้วยความรวดเร็ว คิดว่าต้องกลับไปถึงก่อนที่อันโหรวจะนอน

ทว่าเมื่อเขาย้อนนึกไป การที่นอนอยู่ในห้องโล่ง ๆ คนเดียวนั้นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขาย้ายมา

มันไม่ใช่วิธีที่จะสานสัมพันธ์ได้เลยสักนิด

วิวทิวทัศน์ด้านนอกเคลื่อนไปด้วยความเร็ว จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้น เขาสวมหูฟังบลูทูธและรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยว่า “พูดมา”

“พี่เฉิน หมินลี่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์!” ฉีเซิงเทียนพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เมื่อได้ยินเขาพูดก็รู้ว่าเขาเองก็คงขับรถอยู่บนถนนเช่นกัน “อดห่วงไม่ได้เลย!”

จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลงและเหยียบคันเร่งไปด้วยความเร็ว “อยู่ที่ไหน”

เมื่อถึงโรงพยาบาล ฉีเซิงเทียนก็ลงมาจากรถ ทั้งคู่รีบเดินเข้าไปข้างในโรงพยาบาลด้วยกัน

ด้านนอกห้องฉุกเฉินมีถังซั่วที่รออยู่ก่อนแล้ว

จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ไฟสีแดงที่ยังสว่างอยู่ “เกิดอะไรขึ้น?”

“เข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้วยังผ่าตัดอยู่เลย ” ถังซั่วเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้ข่าวก็รีบมาทันทีเช่นกัน

แต่ทันทีที่เขามาหมินลี่ก็เข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว

จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด ทันทีที่มองเขาก็นึกถึงใบประกาศรางวัลที่หน่วนหน่วนยื่นให้ แม้ชื่อที่เขียนบนนั้นเป็นอันอีหานกับถังซั่ว ไม่ใช่อันโหรวกับถังซั่วก็ตาม

แต่ภายในใจเขาก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี ยิ่งไม่ชอบใจที่เขาปิดบังเรื่องนี้กับเขา

ฉีเซิงเทียนที่อยู่ในสถานการณ์ เมื่อเห็นทั้งคู่ยืนหันหลังให้กัน “พวกนายอย่าทำแบบนี้จะได้ไหม อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้เลยสักครั้งหนึ่ง”

ฉีเซิงเทียนไม่รู้ว่าทำไมจิ่งเป่ยเฉินถึงเป็นแบบนี้ แต่สำหรับถังซั่วแล้ว เขาทำเพียงขยับไปยืนข้าง ๆ จิ่งเป่ยเฉินเท่านั้น

เขาเงยหน้าขึ้นและเดินไปหยุดตรงหน้าประตู แสงไฟจากด้านนอกกระทบกับกระจกใส แสงไฟจากตึกอาคารสูงไกล ๆ ด้านนอกส่องกะพริบมาไม่ขาดสาย ทำให้ดูวุ่นวายไม่น้อย

เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีสิ่งที่อยากจะพูดออกมา แต่กลับไม่มีใครเอ่ยปากออกมาก่อน

ฉีเซิงเทียนมองไปที่ห้องฉุกเฉินและก็มองไปที่พวกเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่ สถานการณ์นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องกังวลอีกฝ่ายหรอกใช่ไหม?

การแพทย์ที่นี่ก้าวหน้าขนาดนี้ เขาเชื่อว่าหมินลี่จะต้องปลอดภัย

“พวกนายจะกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องไปทำไม? ” ฉีเซิงเทียนเดินเข้ามากอดไหล่ทั้งคู่ “ฉันได้ยินมาว่าคนนั้นน่าเวทนากว่าหมินลี่อีก!”

จิ่งเป่ยเฉินหันหน้าไปมองค้อนที่เขามากอดไหล่ตน พลางมองอย่างไม่แยแส

ฉีเซิงเทียนรีบเอามือออกทันที ก่อนจะมองไปที่ทั้งสองคนและอธิบายว่าหมินลี่ไม่ได้ชนถนน แต่ไปชนกับรถคันอื่น คู่กรณีก็กำลังได้รับการช่วยเหลืออยู่เช่นกัน

จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกมีลางสังหรณ์ขึ้นมา เขาเหลือบไปดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “ถ้าหมินลี่มีอะไรคืบหน้ารีบบอกฉันทันที ฉันกลับก่อนละ ฝากพวกนายด้วยนะ รีบไปดูคู่กรณีด้วย”

เขาเดินออกไปทันทีหลังพูดจบ ฉีเซิงเทียนมองตามหลังจิ่งเป่ยเฉินที่เดินออกไป “ช่วงนี้พี่เฉินช่างฮอตเสียเหลือเกิน ถูกแล้วที่ต้องไปก่อน”

ถังซั่วเข้าใจความหมายคำพูดของเขาจึงพูดออกไปว่า “โคตรฮอตเลย เลขาของเขา……”

เขาที่ยังพูดไม่จบ ฉีเซิงเทียนก็รีบพูดตัดบท “นายก็เห็นแล้วใช่ไหม? อย่างอื่นดีหมด แต่เรื่องเด็กสองคนนั้น พี่เฉินกลับไม่คิดมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขาตั้งสเปกไว้สวยอย่างอันโหรว”

ถังซั่วหัวเราะเบา ๆ “ก็สวยนั่นแหละ”

ฉีเซิงเทียนไม่รู้ว่าอันอีหานคืออันโหรวงั้นเหรอ? จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้บอกสินะ

“ช่างเถอะ เป็นโสดเสียยังดีกว่า รอหมินลี่ดีขึ้นค่อยให้พี่เฉินเลี้ยงข้าว ฉันไปจัดการนักข่าวด้านล่างก่อนแล้วจะรีบมา” ฉีเซิงเทียนพูดจบก็เดินลงไปชั้นล่าง

พ่อแม่ของหมินลี่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ถังซั่วเลยไม่ได้บอก ทำเพียงยืนรออยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉิน

จิ่งเป่ยเฉินต้องเจอหยางหยางแล้วแน่ ๆ เขาที่ยังไม่ทันได้เริ่มก็ต้องปิดฉากรักแรกแล้วงั้นเหรอ?

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ดูข่าวเมื่อคืนอยู่หลายครั้ง ที่เขาพูดไว้หมือนว่ากำลังไล่จีบอยู่