บทที่ 113 ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่หญิงโดนบุตรศักดิ์สิทธิ์รังแก

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 113 ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่หญิงโดนบุตรศักดิ์สิทธิ์รังแก
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขามังกรเขียว

นี่คือยอดเขาวิญญาณธาตุไม้ในสามสิบหกยอดเขาวิญญาณแดนศักดิ์สิทธิ์

ยอดเขาวิญญาณลูกนี้ไม่มีผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพประจำการ แต่มีผู้อาวุโสสูงสุดท่านหนึ่งที่กำลังหลับใหลอยู่

ขณะเดียวกัน นี่ยังเป็นที่ที่ฟางฉางศิษย์พี่ใหญ่กับจางอวิ๋นถิงศิษย์พี่รองแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปิดด่านบำเพ็ญฝึกคู่ประสานกันเป็นประจำ

ใช่ ศิษย์พี่รองของแดนศักดิ์สิทธิ์จางอวิ๋นถิงมีปัญจธาตุไม้ ทางด้านศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางมีพรสวรรค์เลิศล้ำ มีพรสวรรค์ธาตุไฟลำดับสามกับธาตุดินลำดับห้าเหนือชั้น

ดังคำกล่าวว่าปัญจธาตุมีเข้ากันและปฏิปักษ์กัน ธาตุทองลำดับเจ็ดให้กำเนิดธาตุน้ำลำดับเก้า ธาตุน้ำลำดับเก้าให้กำเนิดธาตุไม้ลำดับหนึ่ง ธาตุไม้ลำดับหนึ่งให้กำเนิดธาตุไฟลำดับสาม ธาตุไฟลำดับสามให้กำเนิดธาตุดินลำดับห้า ส่วนธาตุดินลำดับห้าก็ให้กำเนิดธาตุทองลำดับเจ็ด

ด้วยเหตุนี้จึงเหมือนกับที่จางอวิ๋นซีช่วยเสิ่นเทียนได้ จางอวิ๋นถิงธาตุไม้ก็มีส่วนช่วยที่ดีที่สุดกับศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางเช่นกัน

ศิษย์พี่ศิษย์น้องสองท่านนี้ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน แต่สนิทเหมือนพี่น้องแท้ๆ ต่างกับคนสองคนในรุ่นก่อนลิบลับ

ครั้งนี้พวกเขาปิดด่านบำเพ็ญต่อเนื่องสามเดือน ก็เพื่อช่วยฟางฉางทะลวงปราการ

ทุกคนรู้กันว่าระดับแก่นพลังทองคือสันปันน้ำของอัจฉริยะกับคนธรรมดา

พลังบำเพ็ญขั้นนี้ไม่เหมือนระดับหลอมปราณที่แบ่งแค่เก้าชั้นฟ้า และไม่ได้แบ่งเป็นต้น กลาง ปลายและสูงสุดอย่างระดับสร้างฐาน

ระดับแก่นพลังทองเน้นไปที่การรวมแก่นพลังทองในรากฐานมรรค จากนั้นให้กฎเกณฑ์หล่อหลอมไปเรื่อยๆ ขัดเกลาอย่างหนักเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

เมื่อหล่อหลอมไปเรื่อยๆ แก่นพลังทองในกายจะกำจัดสิ่งเจือปนออกไปหลายต่อหลายครั้ง จะแกร่งขึ้นแข็งยิ่งขึ้น เหมือนกับเหล็กแร่ที่ถูกตีเป็นร้อยเป็นพันครั้งจนกำจัดสิ่งเจือปนออกกลายเป็นเหล็กกล้า คล้ายกับตัวไหมเทพบรรลุนิพพานสยายปีกกลายเป็นผีเสื้อ

ทุกครั้งที่ทุบแก่นพลังทอง ผิวกายจะปรากฏอักขระเทพลายเส้นหนึ่ง และศักยภาพของผู้บำเพ็ญจะเกิดการเปลี่ยนในด้านแปลงคุณสมบัติ

การฝึกบำเพ็ญอย่างหนักเช่นนี้เรียกว่า ‘ทุบรอบแก่นพลังทอง’ ทุกครั้งที่ผู้บำเพ็ญทุบแก่นพลังทองจะเรียกว่าหนึ่งรอบ

ปกติต้องสำเร็จสามรอบถึงจะเริ่มลองกะเทาะแก่นออกมาเป็นดรุณ

แต่การทะลวงระดับดวงจิตดรุณเช่นนี้จะเป็นได้แค่ผู้สูงศักดิ์ที่อ่อนแอที่สุด โอรสสวรรค์ระดับแก่นพลังทองบางคนยังเหนือกว่าสู้สิบต่อหนึ่งได้

อีกทั้งการใช้แก่นพลังทองสามรอบให้กำเนิดดวงจิตดรุณ รากฐานของดวงจิตดรุณนี้จะเปราะบางมาก ยากจะทะลวงระดับได้อีก

กล่าวได้ว่าถ้าทุบแก่นพลังทองไม่สำเร็จถึงหกรอบ ปกติจะไม่มีหวังทะลวงไประดับหลอมรวมเทพเลย ถ้าทุบแก่นพลังทองถึงหกรอบขึ้นไปจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ เทียบได้กับระดับดวงจิตอรุณที่ค่อนข้างอ่อนแอ

หากทุบแก่นพลังทองถึงเจ็ดรอบขึ้นไปนั่นคือสุดยอดอัจฉริยะ เผชิญหน้ากับระดับดวงจิตดรุณธรรมดายังเอาชนะได้ง่ายๆ

ในมังกร พยัคฆ์ และกิเลนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พี่ชายและน้องสาวจางอวิ๋นถิงต่างมีแก่นพลังทองเจ็ดรอบแล้ว ส่วนฟางฉางที่ได้รับขนานนามว่ากิเลน มีแก่นพลังทองแปดรอบที่ยากจะพานพบได้ในรอบร้อยปีของดินแดนบูรพา

แม้แต่ในรายนามระดับแก่นพลังทองของดินแดนบูรพา ฟางฉางก็ติดอันดับสามในรายนามเช่นกัน!

ครั้งนี้จางอวิ๋นถิงกับฟางฉางปิดด่านฝึกบำเพ็ญ ก็เพื่อช่วยให้เขาทะลวงขีดจำกัดสุดท้ายของระดับแก่นพลังทอง… ‘เก้ารอบ!’

ใช่แล้ว แก่นพลังทองเก้ารอบ คือขีดจำกัดของระดับแก่นพลังทองที่โลกบำเพ็ญเซียนยอมรับ เป็นจุดสูงสุดขั้นสมบูรณ์ของระดับแก่นพลังทอง

มองไปทั้งดินแดนบูรพาในรอบพันปีมานี้ สุดยอดโอรสสวรรค์แห่งยุคที่สัมผัสถึงระดับแก่นพลังทองเก้ารอบอย่างแท้จริงสามารถใช้นิ้วนับได้เลย

หากฟางฉางใช้คัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ทุบแก่นพลังทองถึงเก้ารอบได้จริง ก็จะกลายเป็นตำนาน

ถึงตอนนั้น เขายังเทียบกระทั่งกับสัตว์ประหลาดอันดับหนึ่งในรายนามระดับแก่นพลังทองได้เลย

ใช่ อันดับหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองก็คือบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฉีเซ่าเสวียน

ตัวประหลาดที่มีมหาดวงชะตาสูงสุด ใช้ดวงชะตาชักพาให้แดนศักดิ์สิทธิ์ผงาดขึ้น

ฉีเซ่าเสวียนคือผู้มีแก่นพลังทองเก้ารอบเพียงหนึ่งเดียวในดินแดนบูรพา และเป็นอันดับหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองอย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสฝ่ายเซียนนับไม่ถ้วนเคยได้ประจักษ์มหาโชคของเขามาแล้ว ต่างต้องปลงอนิจจังเหมือนกันหมด ‘เจ้าเด็กนี่มีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิ!’

แต่ฟางฉางมีใจไม่ยอมผู้ใด เขาเชื่อมั่นว่าขอแค่ตนหลอมแก่นพลังทองเก้ารอบก็จะไม่อ่อนแอกว่าใคร!

ดวงชะตาสะเทือนฟ้าแล้วอย่างไร ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมากพอ ก็เป็นเพียงดอกไม้ในเรือนกระจก

รอวันที่แซ่ฟางสำเร็จแก่นพลังทองเก้ารอบก่อนเถิด ก็จะเป็นวันที่ทำลายเรื่องเพ้อฝันของเขา!

……

ณ ภูเขาหลังยอดเขามังกรเขียว บุรุษชุดคลุมดำดูสุภาพเรียบร้อยนั่งขัดสมาธิอยู่ บนตักวางพิณโบราณตัวหนึ่งไว้

เขาดีดสายพิณช้าๆ เสียงพิณดั่งจิตวิญญาณว่างเปล่าดังก้องไปทั้งยอดเขามังกรเขียว เรียกให้ปักษาวิญญาณมาบินวนกันนับไม่ถ้วน

กระทั่งหญ้าวิญญาณและดอกไม้วิญญาณบนภูเขายังเหมือนเขียวชอุ่มขึ้น มีพลังชีวิตมากขึ้นมา

ข้างหลังเขามีภาพปรากฏการณ์มังกรเทพสีเขียวใหญ่วนเวียน ดูองอาจห้าวหาญไม่ธรรมดา

ตรงข้ามเขาเป็นบุรุษร่างกำยำสวมชุดเกราะนักรบสีทองนั่งขัดสมาธิอยู่ เขาคิ้วหนาดวงตาโต ตรงหน้าตักวางทวนมังกรเพลิงแดงเล่มหนึ่งไว้ มีสายฟ้าสีแดงอมทองขยับประกายอยู่รอบตัว

ข้างหลังเขายังมีปักษาชาดขยับปีกบิน ย้อมท้องนภาไปครึ่งหนึ่งเหมือนไฟแผดเผาเมฆ อีกครึ่งฟ้ามีภาพปรากฏการณ์กิเลนสีทองลอยอยู่ เท้าเหยียบเมฆมงคลเหมือนมีอานุภาพแห่งดินน้ำลมไฟ

ยามนี้ เหนือศีรษะชายร่างกำยำมีแก่นพลังเดิมสีทองลอยอยู่ โดยรอบมีแสงเทพสีแดงและทองวนเวียน

ผิวนอกแก่นพลังทองลูกนี้แกะสลักลวดลายเทพแปดสาย อีกทั้งลวดลายเทพสายที่เก้ายังมีเค้าโครงรางๆ

ชายร่างกำยำสูดลมหายใจเข้าลึก แสงสีแดงและทองบนผิวเปลือกของแก่นพลังทองค่อยๆ หุบกลับไป

ปรากฏการณ์ปักษาชาดและกิเลนค่อยๆ จมเข้าไปในแก่นพลังทอง ก่อนจะลดระดับลงทันที

เมื่อแก่นพลังทองจมเข้าในร่างชายกำยำจนหมดแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้นมา “ศิษย์น้องลำบากแล้ว”

พริบตาเดียว พลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งพุ่งทะยานขึ้นฟ้า สั่นสะเทือนชั้นเมฆจนสลายไป

มือขวาฟางฉางชูทวนมังกรแดงเพลิงพลางหัวเราะเสียงดัง “เค้าโครงลวดลายเทพรวมขึ้นแล้ว รอบที่เก้ามาแล้ว!”

ชายชุดคลุมดำหยัดกายขึ้นช้าๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มเป็นมิตร “ยินดีด้วยศิษย์พี่ใหญ่”

ฟางฉางยิ้ม “ศิษย์น้องรอง ข้าจะจำเรื่องที่เจ้าช่วยศิษย์พี่ไว้ในใจ ภายภาคหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เลือกบุตรศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์พี่จะสนับสนุนศิษย์น้องเต็มที่”

จางอวิ๋นถิงแบกพิณโบราณไว้บนหลังก่อนพูดอย่างนุ่มนวล “ศิษย์พี่อย่าพูดเล่นสิ อวิ๋นถิงอยู่แค่อันดับเจ็ดในรายนามแก่นพลังทอง จะไปมีคุณสมบัติรับหน้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ศิษย์พี่ต่างหาก ก่อนหน้านี้ก็อยู่อันดับสามในรายนามแก่นพลังทองแล้ว ตอนนี้รอบที่เก้ากำลังมา มีความหวังว่าจะสร้างตำนานแล้ว”

ฟางฉางยิ้มพลางโบกมือ “เฮ้อ ศิษย์น้องพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ศิษย์พี่ไม่ได้สนใจฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเราเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งศิษย์น้องยังดูแลศิษย์ฝ่ายเราอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ศิษย์ทุกคนนับถือเจ้า เจ้ารับฐานะนี้ได้แบบไม่ต้องละอายใจเลย

ดังนั้นอย่าปฏิเสธเลย ฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นของเจ้า ภายภาคหน้าศิษย์พี่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้เจ้าเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นต่อไป

แค่กๆ ขอแค่ศิษย์น้องช่วยพูดให้ข้าต่อหน้าซีเอ๋อร์เยอะๆ ช่วยศิษย์พี่หน่อยก็พอ”

ขณะพูดอยู่นั้น บุรุษที่ดูกำยำหยาบกร้านบ้าอำนาจเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครก็หน้าแดงขึ้นมาแล้ว

…..

จางอวิ๋นถิงทำหน้าจนปัญญา “คือว่า ข้าก็พูดกับซีเอ๋อร์ตลอดนะ”

สารภาพตามตรง ฟางฉางมีพรสวรรค์ในด้านกำลังรบสุดยอดไม่เป็นสองรองใคร จางอวิ๋นถิงเคารพรักศิษย์พี่ใหญ่ท่านนี้จากใจจริง

หากฟางฉางได้รับรักจากจางอวิ๋นซี เปลี่ยนจากศิษย์พี่ใหญ่เป็นน้องเขย จางอวิ๋นถิงก็ยินดีอย่างยิ่ง

น่าเสียดายก็แต่ตระกูลจางพวกเขา คำพูดของจางอวิ๋นถิงไม่มีน้ำหนักเลย!

ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาพูดชมว่าศิษย์พี่ใหญ่ทั้งเก่งและจริงใจขนาดไหนต่อหน้าจางอวิ๋นซี

แต่จางอวิ๋นซียังคงตอบแบบเดิมมาตลอด นั่นคือนางมีใจฝึกบำเพ็ญเซียนไม่ได้คิดจะหาคู่ครอง

ดังนั้น เป็นพี่ชายก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

ฟางฉางยิ้ม “ปิดด่านบำเพ็ญมาหลายวัน ค่อนข้างเหนื่อยเลย ศิษย์น้องเราออกด่านบำเพ็ญไปพักกันสักสองสามวันค่อยทะลวงรวดเดียวเลยดีกว่า!”

จางอวิ๋นถิงพยักหน้า “ปิดด่านบำเพ็ญครั้งนี้เพื่อให้ศิษย์พี่ทะลวงพลังอยู่แล้ว ทุกอย่างเอาตามที่ศิษย์พี่ว่าเลย”

สองคนพักผ่อนอยู่ที่เดิมสักครู่ ปรับสภาพร่างกายให้เสถียรภาพแล้วเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันออกไปนอกยอดเขามังกรเขียว

ระหว่างที่สองคนเพิ่งออกจากผนึกยอดเขามังกรเขียวนั้น ก็มีร่างคนหนึ่งพุ่งเข้ามา

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง พวกท่านออกด่านบำเพ็ญสักที ศิษย์พี่หญิงโดนบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่รังแกแล้ว!”

………………….