บทที่ 114 เสิ่นเทียนทะลวงระดับสร้างฐาน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 114 เสิ่นเทียนทะลวงระดับสร้างฐาน
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

นี่คือหนึ่งในยอดเขาวิญญาณที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณมากที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเลือกบุตรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งคนทุกๆ ร้อยปี จะได้ฝึกบำเพ็ญบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เก้าสิบปี เก้าสิบปีให้หลัง บุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้จะกลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อน และยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็จะรอพบเจ้านายคนใหม่

ตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนออกจากยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปแปดปีแล้ว ความจริงยังเหลืออีกสองปีถึงจะมีการทดสอบสิบปีอีก

เดิมทีแม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังลังเลว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้จะเลือกจางอวิ๋นถิงที่มีอัธยาศัยดีที่สุด หรือฟางฉางที่มีกำลังรบแข็งแกร่งกว่า

ปรากฏว่าคนกำหนดยังไม่สู้สวรรค์กำหนด สุดท้ายเจ้านายคนใหม่ของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับเป็นเสิ่นเทียนที่กำลังรบก็ไม่แกร่งพอ อัธยาศัยก็ไม่ดีพอ

เสิ่นเทียนเองก็รู้สภาพดีว่าตนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ทุกคนยอมรับได้หรือไม่ ดังนั้นช่วงนี้เขาเลยยังไม่บุ่มบ่ามอะไรมาก หลังจากย้ายเข้ามายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดยอดค่ายกลอัสนีพิทักษ์ของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

ทันทีที่เปิดค่ายกล มีแต่ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเสิ่นเทียนจะอนุญาตก่อน ไม่อย่างนั้นแม้แต่แมลงวันก็บินเข้ามาไม่ได้

เมื่อวางค่ายกลเสร็จ เสิ่นเทียนก็ปิดด่านฝึกบำเพ็ญครึ่งเดือน และการฝึกบำเพ็ญอย่างตั้งอกตั้งใจครึ่งเดือนนี้ก็ทำให้กำลังรบของเขาสูงขึ้นเช่นกัน

……

บนยอดทองคำของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมด้วยอักขระเทพ อาคารเซียนตั้งเรียงราย บนฟ้ามีประกายสายฟ้าห้าสีปกคลุมงดงามอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินตระหนักรู้ตรงหน้าวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ หลับตาลง รอบตัวพันรอบด้วยสายฟ้าห้าสีทั้งสว่างพร่างพราวและยิ่งใหญ่

สัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเปล่งแสงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าจะออกมาจากระหว่างคิ้วได้ทุกเมื่อ

เมื่อสัญลักษณ์ขยับแสง รอบกายเสิ่นเทียนก็ควบแน่นออกมาเป็นอัสนีเทพปัญจธาตุที่สอดคล้องกันอย่างเร็วไว

อัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดสีขาว อัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งสีเขียว อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าสีดำ อัสนีเทพวิหคชาดสีแดงและอัสนีเทพกิเลนสีเหลือง

อัสนีเทพห้าชนิดวนเวียนรอบผิวกายเขาเหมือนคลุมชุดนักรบสวยงามบนตัว เสริมให้ตัวเขาดูองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง

แน่นอนถ้าข้างหลังเขาไม่มีปรากฏการณ์ที่ยังเป็นสัตว์น้อยและแปลกประหลาดลอยอยู่ ก็จะดูยิ่งใหญ่กว่านี้อีก

ตอนนี้เบื้องหลังเสิ่นเทียนรวมออกมาเป็นมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำ และกิเลนห้าปรากฏการณ์ ทว่าพวกมันต่างมีจุดเด่นที่เหมือนกัน นั่นคือตัวเล็กจนน่าสงสาร

อาจจะเป็นเพราะน้ำมวลหนักปฐมกาล เต่าดำถึงดูใหญ่ที่สุด

ตอนนี้ปรากฏการณ์เต่าดำถล่มแคว้นมีขนาดเท่าหม้อเหล็ก ดูองอาจอยู่บ้าง

ทว่าปรากฏการณ์มังกรเขียวสะเทือนฟ้า พยัคฆ์ขาวคำรามนภา วิหคชาดแผดเผาหล้าและกิเลนผนึกแดนกลาง…

เสิ่นเทียนมองแล้วยังรู้สึกจนปัญญา งูเขียวตัวเล็ก แมวขาวน้อย หมาน้อยและนกไฟอีกตัว

หลังปิดด่านบำเพ็ญครึ่งเดือนและอัญเชิญปรากฏการณ์ห้าชนิดได้แล้ว เสิ่นเทียนก็รู้สึกสงสัยในชีวิต เจ้าห้าตัวนี้ที่ตนอัญเชิญออกมาคู่ควรกับชื่อเรียกอันน่าเกรงขามนั่นจริงๆ หรือ

โดยเฉพาะพยัคฆ์ขาวคำรามนภา เห็นๆ อยู่ว่าของจางอวิ๋นซีตัวตั้งใหญ่ขนาดนั้น เหตุใดข้าถึงอัญเชิญออกมาได้เล็กเช่นนี้!

…….

‘ในเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม ตอนนี้ฝึกอัสนีเทพเต่าดำธาตุน้ำลำดับเก้าถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว อัสนีเทพอีกสี่ชนิดก็บรรลุขั้นสูงแล้ว’

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินตระหนักรู้ หินเทพมีอักขระเทพมหามรรคขยับไหว ทำให้สภาพจิตใจเขาสงบนิ่งอย่างมาก

นี่คือสมบัติล้ำค่าสูงสุดของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ มีส่วนช่วยในการเข้าฌานและทะลวงพลังของผู้บำเพ็ญสูงสุด

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก เริ่มเตรียมทะลวงระดับพลังอย่างเป็นทางการ

ฝึกบำเพ็ญมาครึ่งเดือน พลังบำเพ็ญเขาถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้าแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาใช้เคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมสร้างฐานรากมรรคปัญจธาตุกำเนิดฟ้าและทะลวงพลัง

ขอแค่สร้างฐานรากมรรคสำเร็จ แกะสลักอักขระมหามรรคบนฐานรากมรรค ก็จะถ่ายพลังวิญญาณเป็นพลังฤทธิ์ได้ ถึงตอนนั้นจะกำเนิดจิตสัมผัสในกายเสิ่นเทียน ใช้จิตสัมผัสกับพลังฤทธิ์ควบคุมสมบัติวิเศษได้อย่างแท้จริง และขี่กระบี่เหาะเหินได้

ต้องบอกว่าสำหรับคนที่เป็นแฟนนิยายมาก่อนแล้ว การขี่กระบี่เหาะเหินเป็นสิ่งที่เย้ายวนต่อเสิ่นเทียนอย่างมาก

กุ้ยกงกงกับฉินเกาถือกระบี่ยืนอยู่ข้างหินตระหนักรู้ คอยคุ้มกันอย่างระมัดระวัง

“ลุงกุ้ย ท่านว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ทะลวงพลังครั้งนี้จะต้องใช้ศิลาวิญญาณประมาณกี่ก้อนกัน”

“ใครจะไปรู้ล่ะ! น่าจะไม่ต่ำกว่าหมื่นก้อนกระมัง!”

สองคนคุยกันเสียงเบา ทั้งยังอดตกตะลึงในใจมิได้

ครึ่งเดือนนี้เสิ่นเทียนเสียทรัพยากรในการบำเพ็ญเสียจนทำให้พวกเขาสงสัยในชีวิตจริงๆ

ในด้านหลอมปราณยังดี เพราะมีต้นกำเนิดอัสนีเทพกำเนิดฟ้าช่วย เสิ่นเทียนผ่านไปได้ราบรื่นมาก ใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดหลายหมื่นก้อนก็ทะลวงจากหลอมปราณขั้นห้ามาถึงจุดสูงสุดขั้นเก้าได้

และที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์สายตรงจำนวนมากถึงระดับสร้างฐานแล้วยังรวมปรากฏการณ์ไม่ได้ แต่เสิ่นเทียนกลับรวมมาได้ครบ

ต้องรู้ว่ากุ้ยกงกงฝึกฝนอัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่ง ฉินเกาฝึกฝนอัสนีเทพวิหคชาดธาตุไฟลำดับสอง ก็ยังรวมปรากฏการณ์ไม่ได้แม้แต่เงา!

สองคนต้องยอมรับตรงนี้ แม้องค์ชายจะมีบัตรเติมเงินค่อนข้างโหด แต่ความเร็วในการฝึกฝนก็เหมือนกับใช้สูตรโกงจริงๆ

แน่นอนว่าที่เสิ่นเทียนเสียทรัพยากรไปมากที่สุดไม่ใช่เพราะด้านหลอมปราณ แต่เป็นคัมภีร์คบเพลิงที่ฝึกฝนในด้านหลอมกายต่างหาก

ต้องบอกว่าวิชาแขนงนี้เป็นทางเลือกในการล้มละลายที่ดีที่สุดจริงๆ เสียทรัพยากรมากเสียจนไม่มีเหตุผล

เสิ่นเทียนเพิ่งฝึกถึงหลอมกายขั้นเก้าก็เสียศิลาวิญญาณไปหลายแสนก้อนแล้ว

นี่ถ้าให้ครอบครัวธรรมดาฝึกฝน เดาว่าคงต้องสิ้นหวัง

………

แน่นอนว่าการเสียทรัพยากรเยอะเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย

หลังจากฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงถึงจุดสูงสุดของหลอมกายแล้ว กายเนื้อของเสิ่นเทียนก็แกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว

พละกำลัง ความเร็ว ไหวพริบ การป้องกายทางร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนหนึ่งเท่า

เขาในตอนนี้ถ้าใช้ความเร็วสูงสุด ถึงขั้นเทียบกับกุ้ยกงกงที่ฝึกฝนคัมภีร์มารสู่สุริยันได้เลย

ตอนนี้แม้เขาจะยังไม่ก้าวสู่ระดับสร้างฐาน แต่ก็อาศัยวิชาอัสนีเทพสวรรค์ที่รวมครบทั้งห้าธาตุกับกายหยาบและพลังบำเพ็ญสุดแกร่งได้ แม้เจอผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานตอนปลายธรรมดากระทั่งจุดสูงสุด ก็ใช่ว่าเขาจะเอาชนะไม่ได้เลย

และแน่นอนว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เสิ่นเทียนก็ยังคิดว่ากำลังรบของตนยังไม่มากพอ ควรจะแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ระดับแก่นพลังทองยังไม่ถือว่าดีเลย!

เสิ่นเทียนขจัดความคิดวุ่นวายในใจ ก่อนเริ่มทะลวงพลังอย่างเป็นทางการ

อัสนีเทพห้าชนิดโคจรในกายเขาอย่างรวดเร็วก่อนหลั่งไหลเข้าไปในจุดตันเถียน

ปรากฏการณ์สัตว์เทพห้าชนิดข้างหลังเขาก็ไหลเข้าไปในกายอย่างเร็วไวเช่นกัน

เขาใช้ความหมายลึกซึ้งของเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมรวมฐานรากมรรคของตน และนี่ก็เป็นก้าวแรกของเส้นทางการฝึกบำเพ็ญเซียน

เวลาผ่านไปทีละวินาที ศิลาวิญญาณใต้หินตระหนักรู้อ่อนแสงลงเรื่อยๆ ทว่าพลังของเสิ่นเทียนกลับแกร่งขึ้นทุกที ในที่สุดพลังเขาก็ทะยานถึงจุดสุดยอด

ตรงจุดตันเถียนของเขาปรากฏฐานเทพสีทองพื้นที่สามชุ่นแท่นหนึ่ง ฐานเทพนี้เปล่งแสงวาววับไปทุกส่วน ด้านบนยังประทับภาพมายาปรากฏการณ์ของสัตว์เทพห้าทิศไว้

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางปัญจธาตุสีทองขยับแสงไปมารอบๆ ฐานเทพแห่งนี้

มองไปแวบเดียวก็รู้ว่าฐานรากมรรคนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก!

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาปานสายฟ้า

เขารู้สึกว่าร่างของตนต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้เขารู้สึกว่าต่อให้หลับตาก็ยังมองเห็นทุกอย่างรอบตัวได้

นั่นคือพลังแห่งจิตสัมผัส อยู่เหนือห้าความรู้สึกหกผัสสะ รู้สึกมหัศจรรย์ยิ่งนัก

ขณะเดียวกัน หลังฐานรากมรรคอัสนีปัญจธาตุรวมออกมาแล้ว สัญลักษณ์ตรงระหว่างคิ้วเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

นั่นคืออัสนีเทพกำเนิดฟ้าลำดับที่แปดสิบแปดบนรายนามอัสนีเทพ!

เหมือนว่ามันกำลังสวามิภักดิ์!

………………………