“พูดไร้สาระอะไร รีบไปเอาของมา” กู้ชูหน่วนเตะหลิ่วเย่ว์และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

กู้ชูหน่วนวาดภาพเหมือน และแจกไปทั่วสำนักศึกษา รวมถึงภาพวาดที่นางถูกอาจารย์ซั่งกวนลงโทษให้วาดภาพหนึ่งร้อยภาพและเป็นที่รู้โดยทั่วกัน

ผู้คนต่างมาที่นี่ด้วยความสงสัย และอยากรู้ว่าคำเล่าลือที่ว่าคุณหนูสามตระกูลกู้เป็นผู้ที่ฉลาดปราดเปรื่องที่สุดนั้นจริงหรือไม่ และนางจะวาดภาพเหมือนของท่านอาจารย์ซั่งกวนจำนวนหนึ่งร้อยภาพในช่วงพักกลางวันได้อย่างไร

สำนักศึกษาแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้

พวกเขาคิดว่าคุณหนูสามตระกูลกู้จะต้องวาดภาพอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน

โดยไม่คาดคิดว่านางกำลังกินข้าวอย่างสบายใจ หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว นางก็หยิบมีดเล่มเล็กไปแกะสลักอะไรบางอย่างบนไม้กระดาน

ทุกคนต่างกลัดกลุ้ม

“หรือว่าคุณหนูสามตระกูลกู้ได้รับแรงกดดันที่มากเกินไป ดังนั้นนางจึงหมดอาลัยตายอยาก?”

“ข้าคิดว่าเป็นไปได้ ตั้งหนึ่งร้อยภาพ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่สามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากสามารถทำได้ เทพแห่งสงครามก็คงจะไม่ละเว้นนาง หากข้าเป็นนาง ข้าก็จะไม่ยอมเสียเวลาชีวิตในช่วงสุดท้ายไปอย่างสูญเปล่า”

“น่าแปลก ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าคุณหนูสามตระกูลกู้เหมือนไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย หรือว่าจะเป็นความเข้าใจผิดของข้า”

“เจ้าว่าคุณหนูสามตระกูลกู้กำลังแกะสลักอะไร?”

จะสามารถแกะสลักอะไรได้อีก แน่นอนว่าต้องแกะสลักป้ายหลุมฝังศพของตนเอง มิเช่นนั้นใครจะเก็บศพให้นาง นางตัดความสัมพันธ์กับจวนอัครเสนาบดีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังให้จวนอัครเสนาบดีไปเก็บศพของนาง”

“ช่างน่าสงสารเสียจริง อายุยังน้อยและมีความรู้ความสามารถ แต่ต้องตายก่อนวัยอันควร เฮ้อ……”

ผู้คนต่างมองไปที่นางอย่างเห็นอกเห็นใจ

หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว องค์หญิงตังตังก็วิ่งมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล หากเจ้าตายไป ข้าใจดีมากพอที่จะเก็บศพให้เจ้า”

กู้ชูหน่วนเป่าขี้เลื่อยออกจากไม้กระดาน และเอนตัวไปทางองค์หญิงตังตังอย่างเกียจคร้าน “องค์หญิง ท่านเชื่อหรือไม่ แม้ว่าท่านจะตาย ข้าก็ตายไม่ได้”

“กู้ชูหน่วน เจ้าสาปแช่งข้า”

“ข้าสาปแช่งท่านหรือ?ข้าเพียงแค่เปรียบเทียบ ดูว่าท่านจะใจร้อนและโกรธเคืองหรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าท่านจะอายุสั้นเหมือนกับเสด็จพี่เจ๋อของท่าน จริงสิ ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นเจ๋ออ๋อง หรือว่าเขาจะถูกผึ้งต่อยและตายในชั่วข้ามคืน?เขายังติดหนี้ข้าอยู่อีกหลายล้านตำลึง”

“บังอาจ เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก เจ้ากล้าด่าทอท่านอ๋องและองค์หญิงต่อหน้าสาธารนชน”

“เจ้าสิบังอาจ เสด็จอาสะใภ้บอกกล่าว แต่เจ้ากล้าที่จะถกเถียง ข้าด่าทอพวกเจ้าแล้วอย่างไร แม้ว่าข้าจะเฆี่ยนตีเจ้า เจ้าก็ไม่กล้าพูดอะไร”

ผู้อาวุโสอยู่ที่นั่น องค์หญิงตังตังโกรธมากจนหน้าแดงหน้าดำ

ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเสด็จพี่ถึงเอาสตรีที่เสเพลเช่นนี้มาให้เสด็จอา จนทำให้นางถูกพันธนาการไปทั่ว

นางกำลังโกรธ และเสียงระฆังของสำนักศึกษาก็ดังขึ้น “ตุ๊งตุ๊งตุ๊ง”

เป็นสัญญาณว่าช่วงพักกลางวันได้สิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมตัวที่จะเข้าเรียนในช่วงบ่าย

เมื่อได้ยินเสียงระฆัง องค์หญิงตังตังก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “อีกเดี๋ยวก็จะเข้าเรียนแล้ว แต่เจ้ายังวาดไม่เสร็จสักภาพ ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะชี้แจ้งกับท่านอาจารย์ซั่งกวนอย่างไร”

“เฮ้อ ผมยาวแต่ความรู้น้อยนิด ช่างน่ากลัวเสียจริง”

กู้ชูหน่วนส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของนางดูเยาะเย้ย

ผู้คนตกตะลึง

นี่มันเวลาไหนแล้ว นางไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะสามารถวาดภาพหนึ่งร้อยภาพได้?

หรือว่าจะทำสำเร็จ?

“องค์หญิง เรามาเดิมพันกันดีหรือไม่ หากข้าสามารถวาดรูปเหมือนของท่านอาจารย์ซั่งกวนได้หนึ่งร้อยภาพ ท่านเอาจี้หยกที่เอวของท่านมาให้ข้า แต่หากข้าทำไม่ได้ เงินที่ท่านติดค้างข้าอยู่หนึ่งล้านตำลึง ข้ายกให้ แล้วข้าจะให้เงินท่านอีกสิบล้านตำลึง ดีหรือไม่?”

“ฉี่……”

ผู้คนต่างตระหนกตกใจ

กู้ชูหน่วนบ้าไปแล้วหรือ?

เหลือเวลาเพียงแค่สิบห้านาทีก่อนที่จะเข้าเรียน