ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงสิบห้านาที แค่รูปเดียวก็คงจะวาดไม่สำเร็จ แล้วจะเป็นไปไม่ได้อย่างไรที่จะวาดได้หนึ่งร้อยภาพ
อีกอย่าง……
สิบล้านตำลึงก็มากเกินไป……
และคุณหนูสามตระกูลกู้ก็ใจกล้า
เซี่ยวอวี่เซวียนคว้าตัวนางและกล่าวด้วยความกังวลว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าจะบ้าไปแล้วหรือ?เงินสิบล้านตำลึง ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ”
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะต้องชนะเดิมพัน ไม่แพ้แน่นอน”
“ไม่ใช่จี้หยกชิ้นนี้ เจ้าต้องการเท่าไหร่ ข้าก็จะให้เจ้า ไม่คุ้มที่จะเดิมพันหยกแตกหักในราคาสิบล้านตำลึง”
“ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ข้าชอบ”
นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายแวววาว
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับองค์หญิงตังตัง นางก็สนใจหยกรูปพระจันทร์เสี้ยวที่แขวนอยู่ที่เอวของนาง
หยกชิ้นนี้เรียบง่ายและไม่โอ่อ่า เมื่อโยนลงไปในกองหยกก็จะจะจมลงไปในทันที แต่ไม่รู้ว่าทำไม นางถึงชอบหยกชิ้นนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับระฆังวิญญาณสะบั้นมา นางรู้สึกว่ากลิ่นอายของหยกพระจันทร์เสี้ยวกับระฆังวิญญาณสะบั้นมีความคล้ายคลึงกัน
องค์หญิงตังตังต้องการตกลงอย่างมีเงื่อนไข
นางคิดว่ากู้ชูหน่วนอาจจะหลอกลวง และจี้หยกที่เอวก็มีความสำคัญต่อนางมาก มันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เสด็จพ่อของนางทิ้งไว้ให้ และเสด็จแม่ของนางกำชับว่าต้องรักษามันให้เหมือนกับที่รักษาชีวิตของตนเอง และห้ามสูญหายเป็นอันขาด
นางจึงลังเล
กู้ชูหน่วนเตือนด้วยเจตนาดีว่า “ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว หากองค์หญิงตังตังไม่ต้องการที่จะเดิมพันก็ไม่เป็นไร ข้าก็รู้สึกเสียดายเงินสิบล้านตำลึงเช่นกัน”
“ตกลง ข้าจะเดิมพันกับเจ้า กู้ชูหน่วน หากเจ้าแพ้ก็อย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน”
นางไม่เชื่อว่าภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที กู้ชูหน่วนจะสามารถวาดภาพได้หนึ่งร้อยภาพ
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง
“ไม่ต้องกังวล มีผู้คนมากมายคอยเฝ้ามองอยู่ และข้าก็ต้องรักษาหน้าเช่นกัน จะรู้สึกเสียใจภายหลังได้อย่างไร แต่หากองค์หญิงแพ้ ท่านก็ห้ามบิดพลิ้ว ทุกคนกำลังจับตาดูอยู่”
“ฮึ” องค์หญิงตังตังส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา จากนั้นก็กอดอกเพื่อรอดูเรื่องขำขันของนาง
กู้ชูหน่วนส่ายหัว
ถึงอย่างไรก็ยังเด็กมากเกินไป เพียงแค่พูดไม่กี่คำก็คล้อยตาม
กู้ชูหน่วนหยิบไม้กระดานที่แกะสลักไว้ข้าง ๆ ขึ้นมา นางโรยหมึกลงบนไม้กระดาน แล้วหยิบกระดาษเซวียนจื่อขึ้นมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็คว่ำลงไป
นางหยิบภาพวาดออกมา แล้วประทับลงบนกระดาษเซวียนจื่อที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพเหมือนของท่านอาจารย์ซั่งกวน
ภาพเหมือนนั้นเสมือนจริงมาก ทุกการเคลื่อนไหวและทุกย่างก้าวเหมือนกับซั่งกวนฉู่ แม้แต่รอยยิ้มนั้นก็เหมือนราวกับแกะสลักออกมาจากแม่พิมพ์
ทุกคนต่างตกตะลึง
นี่……วาดเสร็จแล้วหรือ?
นางไม่ได้แกะสลักป้ายหลุมฝังศพ แต่เป็นภาพเหมือนของท่านอาจารย์ซั่งกวนงั้นหรือ?
ในชั่วพริบตากู้ชูหน่วนก็สามารถคัดลอกภาพเหมือนได้หลายสิบแผ่น
องค์หญิงตังตังกล่าวอย่างโกรธเคือง “กู้ชูหน่วน เจ้าโกงข้า เจ้าไม่ได้วาด”
“ทำไมข้าจะไม่ได้วาด?เมื่อครู่ท่านไม่เห็นว่าข้าใช้มีดวาดอยู่นานหรือ?”
“เห็นได้ชัดว่าเป็นการประทับรอยลงไป”
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “องค์หญิง เราเดิมพันกันว่าจะวาดภาพเหมือนของท่านอาจารย์ซั่งกวนได้หนึ่งร้อยภาพหรือไม่ แต่ไม่ได้กำหนดว่าข้าจะวาดอย่างไร”
“เจ้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ”
“ข้าจะชี้แจ้งกับท่าน อย่างแรกคือข้าเป็นคนวาดภาพเหมือนบนไม้กระดานใช่หรือไม่?มีใครช่วยข้าหรือ?ไม่มี”
“อย่างที่สองคือข้าสามารถคิดค้นการแกะสลักบนไม้กระดานแล้วคัดลอก นั่นเป็นเพราะว่าข้าฉลาดและไม่มีใครช่วยข้า องค์หญิงหากท่านบอกว่าข้าไม่ได้วาด ข้าก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม”
องค์หญิงตังตังกุมท้องด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของนางซีดเผือด
“ระดูมาแล้ว อย่าอวดเก่งอยู่เลย กลับไปดื่มยาอี้หมู่เฉ่าและพักผ่อนให้เพียงพอเถอะ”
การมีระดูเป็นความลับสำหรับสตรี แต่กู้ชูหน่วนเลือกที่จะพูดออกมาต่อหน้านักเรียนมากมายในสำนักศึกษา แล้วจะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ยิ่งไปกว่านั้น……
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นครั้งแรกที่นางมีระดู และนางก็รู้สึกอับอายขายหน้า