หลิวเหยี่ยนเป่าก็ได้กลิ่นหอมโจ๊กล่าปา เห็นลูกบัวน่าทาน พระพุทธองค์ พระอรหันต์ต่างๆ ในนั้น นัยน์ตาพลันเต็มไปด้วยความตกใจระคนแปลกใจ! โตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นโจ๊กที่พิถีพิถันแบบนี้มาก่อน! อีกอย่างกลิ่นนี่ อย่าว่าแต่กินเลย แค่ดมกลิ่นหนอนตะกละในท้องก็แทบจะคลานออกมา

ตอนนี้เองถานจวี่กั๋วยิ้ม “เอาล่ะ ไม่ต้องมองแล้ว กินเถอะ เอาชามมาพอ ทุกคนอย่ามอง กินกันเถอะ ไม่คิดจริงๆ ว่าเจ้าหนูฟางเจิ้งจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ จึ๊ๆ…”

หลิวเหยี่ยนได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดง แม้จะอยากกินแต่กลับกระดากใจ รีบส่งให้ถานจวี่กั๋ว ส่วนตนก็วิ่งไปเอาชามมาตักโจ๊ก

เวลานี้คนอื่นๆ มาถึงแล้ว ทุกคนได้กลิ่นหอม ความสงสัยในใจก่อนหน้าหายไปจนหมด ทุกคนต่างวิ่งมาตักโจ๊กกิน พอกินเข้าไปต่างพูดชมไม่หยุด ทว่าพอได้ยินว่าหนึ่งคนกินได้หนึ่งชามเสียงต่อว่าก็มีไม่น้อย…

และยังมีคนสำนึกเสียใจ…

“เฮ้อ รู้อย่างนี้กินช้าๆ ดีกว่า กินคำเดียวหมดอึดอัดชะมัด ได้แค่ดมกลิ่นแล้ว” ซ่งเอ้อโก่วร้องโอดครวญไม่หยุด เขาดันใจแคบ รีบกินให้หมดแล้วไปตักใหม่ กินเยอะหน่อยจะได้ไม่เสียเปรียบ!

ทว่าพอเขากินหมด คนข้างๆ ยังไม่ได้กินเลย กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ได้ยินเพียงเสียงท้องร้องจ๊อกๆ น้ำลายไหลเป็นสาย จะหันไปไม่มอง? แต่ข้างๆ ก็มีคนกินโจ๊กอยู่เหมือนกัน หันไปอีกก็มีคน! ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นฟ้า…แต่กลิ่นหอมนี่…

“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกำลังชดใช้กรรมอยู่เลยนะ” ถานหย่งมาอยู่ข้างซ่งเอ้อโก่ว ถอนหายใจกล่าว

ซ่งเอ้อโก่วตอบกลับ “อย่าพูดกับฉัน กำลังกลั้นหายใจอยู่!”

ถานหย่ง “@¥…”

ขณะเดียวกันอีกด้านก็มีคนซวย

“ถานหมิง นายบอกว่าขึ้นเขาจะไม่ได้กินของอร่อยไม่ใช่เหรอ? ไหนบอกว่าตอนเช้ากินมาเยอะแล้ว ขึ้นเขายังต้องกินอีกทำไมไม่ใช่เหรอ? ชามล่ะ? ชามของบ้านเราล่ะ?” เหลียงอวี่จ้องถานหมิงด้วยความโกรธ

ถานหมิงที่ก่อนหน้านี้คุยโม้กับหม่าหยวน ตอนนี้กลับมีสีหน้าเก้อเขิน “เหลียงอวี่ เอ่อ…ใครจะรู้ล่ะว่าวัดเล็กจะทำโจ๊กล่าปาหอมแบบนี้ ไม่แน่นะอาจจะหอม แต่ไม่อร่อยก็ได้”

“ถานหมิง ผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีกนะ! ได้ ไม่อร่อยใช่ไหม? คุณดูอยู่นี่ละกัน!” พูดจบเหลียงอวี่เดินไป ไม่นานก็ไปยืมชามใหญ่จากบ้านหม่าหยวน ตักโจ๊กมาชามหนึ่งนั่งข้างถานหมิง เป่าควันร้อนพลางดมกลิ่นหอม ก่อนใช้ตะเกียบคีบลูกบัวราวกับหยกขึ้นมา เอ่ยด้วยความแปลกใจ “สวยจริงๆ ถานหมิง คุณดูสิ พระพุทธองค์ข้างบนนี่แกะสลักสวยแค่ไหน”

ถานหมิงเหลือบตามองโจ๊กในชามเหลียงอวี่ มองลูกบัวนั้น กลืนน้ำลายลงคอ กลั้นใจแล้วทำเสียงเหอะๆ “แค่หอม น่ามองเท่านั้น จะต้องไม่อร่อยแน่”

จ๊อกๆ…

“ไม่อร่อยเหรอ? จิ๊ๆ ท้องใครดังน้า?” เหลียงอวี่ถาม

ถานหมิงเบนหน้าหนี เดาว่ากบร้อง ไม่เกี่ยวกับเขา

เหลียงอวี่พลันยกชามไปอีกทาง เอาลูกบัวเข้าไปใกล้หน้าถานหมิง “ไม่กินจริงๆ เหรอ? ไม่กินจริงๆ? งั้นฉันกินนะ!”

พูดจบเหลียงอวี่ก็ใส่ปาก ลูกบัวไม่ใช่ลูกบัวธรรมดา แต่เป็นลูกบัวใต้เขาคุนหลุน เข้าปากไปหอมสดชื่น กัดคำเดียวแตก เสียงดังวนเวียนปลายลิ้น ความรู้สึกโออ่านั้นทำเอาเหลียงอวี่หรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว กล่าวปลงอนิจจัง “ถานหมิง ฉันรับประกันเลยนะว่านี่คือลูกบัวที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาในชีวิต! อีกอย่าง ขอบคุณคุณด้วยนะ…”

“ขอบคุณฉันทำไม?” ถานหมิงกลัดกลุ้ม ภรรยาตนบ้ารึเปล่า? แต่เห็นเหลียงอวี่กินอย่างเอร็ดอร่อยเขาก็อยากกินเหมือนกัน แต่คุยโม้ไปแล้ว จะกระดากใจกลับไปกิน? ถานหมิงที่ตายได้แต่เสียหน้าไม่ได้เลยอดกลั้นไว้!

เหลียงอวี่ก็ไม่อธิบาย เอาแต่กินโจ๊กที่มีอยู่น้อยนิด โจ๊กเข้าปาก รสชาติของวัตถุดิบสิบแปดชนิดรวมกันช่างยอดเยี่ยมกว่ารสของลูกบัวเม็ดเดียว เข้มข้นกว่า หอมหวานอร่อย หยุดกินไม่ได้เลย เหลียงอวี่ที่กินข้าวอย่างกุลสตรีมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรแล้ว กินคำเดียวหมด!

จากนั้นยังทำปากชนกันดังแจ๊บๆ เป่าปากใส่ถานหมิง จากนั้นหัวเราะ “คิกๆ สบายจัง! นายนั่งไปแล้วกัน”

พูดจบเหลียงอวี่ก็วิ่งไป

ทิ้งถานหมิงให้ลูบหนังท้อง น้ำลายติดตรงริมฝีปาก จินตนาการว่าโจ๊กนี่รสชาติเป็นยังไง

ตอนนี้เองเหลียงอวี่ไปเอามาอีกชาม กลับมาแล้วนั่งลงข้างถานหมิง หัวเราะคิกคัก “ถานหมิง ดูสินี่อะไร? ถั่วเขียว! ดูสิ โปร่งแสงใต้แสงอาทิตย์ด้วย สวยจริงๆ!”

“อาหารดัดแปรพันธุกรรมรึเปล่า” ถานหมิงอยากกินจริงๆ แล้ว แม้เหลียงอวี่จะชอบกิน แต่เขาก็เห็นปฏิกิริยาของชาวบ้านอย่างชัดเจน ไม่มีใครไม่ชม แต่ชมไม่หยุดปาก เสียงร้องขอชามที่สองดังขึ้นเรื่อยๆ แทบจะยกเณรนั่นคว่ำ! ภาพนี้ไม่ใช่ของปลอมแน่ คนโง่ก็รู้ว่าโจ๊กนี่จะต้องอร่อยอย่างแน่นอน เฮ้อ! อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่วัดเมฆาขาว!

แต่ว่า หน้าตา หน้าตา หน้าตา! เพื่อหน้าตาแล้ว ถานหมิง อดกลั้น!

ทว่าเหลียงอวี่เข้าใจถานหมิงที่สุด เลยเข้ามาอยู่ข้างๆ เขา หัวเราะหึหึ “อาหารดัดแปรพันธุกรรมเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ พ่อแม่เราบอกมาว่าฟางเจิ้งไม่เคยลงเขาเลย อาหารบนเขาที่มีก็พวกชาวบ้านให้ทั้งหมด แถมวัดยังมีที่ดินเล็กๆ ถ้าจะบอกว่าอาหารดัดแปรพันธุกรรม ต่อให้ขายไปทั่วประเทศก็มาไม่ถึงที่นี่หรอก แน่นอนที่สำคัญคือมันอร่อยจริงๆ! ของอร่อยแบบนี้ ถ้าเป็นอาหารดัดแปรพันธุกรรมจริงๆ ฉันก็จะกิน…”

“คุณผู้หญิง จะกินก็กินเถอะ อย่ามาเปลี่ยนใจฉันได้ไหม?” ถานหมิงโกรธเล็กน้อย

เหลียงอวี่ไม่กลัวเขา แถมยังพูดต่อ คีบพุทราจีนลูกหนึ่งส่งไปที่ริมฝีปากถานหมิง “ดมสิ หอมไหม?”

ถานหมิงดมกลิ่น ท้องก็ร้องจ๊อกๆ ดวงตาแดงก่ำแล้ว กัดฟันด้วยความโกรธ “เหลียงอวี่ คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่นะ!”

“คิกๆ แน่จริงก็กัดฉันสิ!” เหลียงอวี่ยั่วยุ

“พ่อมา!” ถานหมิงพูด

เหลียงอวี่หันไปมองก็รู้สึกมือเบาๆ จึงหันกลับ ถานหมืงยืนขึ้น ปัดก้น “ไม่สนุกเลย ไปที่อื่นดีกว่า”

เหลียงอวี่เห็นพุทราแดงในมือหายไปแล้ว จึงด่ายิ้มๆ “ไหนคุณว่าตายได้เสียหน้าไม่ได้ไง! เมื่อกี้ยังคุยโม้เลยนี่ว่าวัดเมฆาขาวอย่างนู้นอย่างนี้ ตอนนี้กินโจ๊กไม่กระดากใจเลยรึไง? ถานหมิง อย่าคิดถึงแต่หน้าตากับเงินทั้งวันสิ ที่นี่คือบ้านเกิดคุณ คนที่เห็นคุณมาแต่เล็กเขาไม่สนใจของพวกนี้กันหรอก ใช้ชีวิตให้สบายๆ หน่อยไม่ได้เหรอ?”

เงาแผ่นหลังถานหมิงสั่นไหวเบาๆ จากนั้นโบกมือ “แบบนี้แหละ เปลี่ยนไม่ได้หรอก ผมจะดูไปในวัดหน่อย”

พูดจบถานหมิงก็มาที่หน้าประตูวัด เห็นโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น ด้านบนวางถาดกลม กลางถาดมีดอกบัว และยังมีพระพุทธรูปทองคำหนึ่งองค์ พอพวกชาวบ้านกินโจ๊กล่าปาเสร็จก็จะใช้กระบวยข้างๆ ตักน้ำหอมขึ้นมาสรงน้ำพระพุทธรูป

สิ่งที่ถานหมิงตกใจคือ ไม่ว่าข้างนอกจะคึกคักแค่ไหน แต่คนที่เดินเข้ามาสรงน้ำพระในวัดแล้วจะสงบลงทันที มีสีหน้าสงบนิ่ง นัยน์ตาเหมือนตระหนักบางอย่าง และยังเหมือนมองเห็นบางอย่าง ไม่ก็ไขข้อสงสัยบางสิ่ง จึงมีสีหน้าผ่อนคลายสบายใจ

……………