ตอนที่ 110 ภารกิจธูปร้อยดอกสำเร็จ!

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

‘แปลก ตอนวัดเมฆาขาวสรงน้ำพระไม่เห็นคนเป็นแบบนี้เลย หรือว่าวัดเอกดรรชนีจะศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?’ ถานหมิงพึมพำในใจ ก่อนเดินเข้าไปหยิบกระบวยขึ้นมาตักน้ำอบ รู้สึกว่ากลิ่นหอมสดชื่นโชยเข้าจมูก จิตใจทั่วร่างสั่นสะท้าน สมองตื่นขึ้นไม่น้อย

‘น้ำอบนี่มีสารอยู่บ้างแน่ๆ ทำให้กะปรี้กระเปล่า ต้องถามฟางเจิ้งแล้วว่าทำยังไง จะขอเอากลับไปด้วยหน่อย’ ถานหมิงคิดในใจ ขณะเดียวกันก็ราดน้ำอบบนพระพุทธรูป ตอนนี้เอง!

โครม!

“นะโมอมิตาพุทธ!” เสียงสวดเหมือนดังขึ้นข้างหูเขา เกิดเสียงดังโครมในความคิด ทั้งยังเหมือนเสียงฟ้าผ่า! เรื่องราวในอดีตมากมายวูบผ่านดวงตา ภาพที่ยากจนเลยถูกคนที่โรงเรียนเยาะเย้ย ภาพมารดาขอร้องโรงเรียนว่าจะจ่ายค่าเทอมล่าช้าหลายวัน ภาพที่เขาแทะหมั่นโถวอดหลับอดนอนเรียนหนังสือสมัยมหาวิทยาลัย ภาพที่เขาฝ่าพายุฝนไปส่งเอกสารให้ลูกค้า….ทุกอย่างวูบผ่านดวงตา แต่สุดท้ายภาพเหล่านี้กลายเป็นเถ้าธุลีไปท่ามกลางเสียงสวดมนต์!

ตรงส่วนลึกในใจ สิ่งที่เขาปกคลุมไว้หลายชั้นถูกขุดออกมา!

นั่นคือตอนที่ยังเป็นเด็ก ภาพที่บิดาถือไม้ฟาดเขาพลางด่าทอ ‘เป็นคนต้องเหยียบอยู่กับพื้น ไม่มีก็ขโมยอย่างนั้นเหรอ? ไร้จิตสำนึกไปขโมยเงินคนอื่นได้เหรอ? พวกเราจน แต่ปณิธานไม่จน!’

นั่นคือภาพตอนที่อาจารย์ออกเงินส่วนตัวช่วยค่าเทอมเขา ‘ครอบครัวเธอไม่ต้องมาคืนนะ แค่หวังให้เธอล้ำหน้าเหนือคนอื่น’

นั่นคือภาพหลังจากที่เขารีบไปบ้านลูกค้า แล้วลูกค้าส่งผ้าขนหนูให้เขาเช็ดหัว ต้มน้ำร้อนให้

นั่นคือภาพที่เขากลับบ้าน ภรรยาช่วยเขาล้างเท้า เช็ดเท้า…

นั่นคือภาพตอนกลับบ้าน บิดามารดาผมดอกเลา!

นั่นคือข้อความที่อาจารย์ชราเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายส่งมาให้เขาก่อนสิ้นใจ ‘ลูกเอ๋ย เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด คนต่างหากที่สำคัญ ชีวิตคนเราจะให้เงินมาเป็นภาระไม่ได้…’

ปึก!

ถานหมิงพลันคุกเข่าลงกับพื้น คุกเข่าอยู่หน้าประตูวัด น้ำตานองหน้า…

เหลียงอวี่เห็นดังนั้นก็ตกใจสะดุ้ง รีบวิ่งเข้ามากอดถานหมิง “ที่รัก คุณเป็นอะไร? อย่าทำให้ฉันตกใจสิ ฉันผิดไปแล้ว จากนี้จะไม่พูดแล้วดีไหม?”

พวกชาวบ้านเห็นเลยงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ฟางเจิ้งเห็นก็ยิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปประนมสองมือกล่าวกังวาน “อมิตพุทธ โยม ทำผิดแล้วรู้จักแก้ไขปรับตัว ประเสริฐๆ!”

คำพูดฟางเจิ้งเหมือนกับรดน้ำมนต์!

โครม ถานหมิงตื่นขึ้น

บิดามารดาถานหมิงวิ่งเข้ามาจะพูด แต่ถานหมิงผละเหลียงอวี่ออก เอาหัวโขกพื้นให้บิดามารดาสามครั้ง “พ่อ แม่ ผมสำนึกผิดแล้ว! จากนี้ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนจะกลับมาหาพ่อแม่ทุกปี! เงินไม่ใช่ทุกอย่างจริงๆ…”

จากนั้นถานหมิงจับมือเหลียงอวี่ “เสียวอวี่ ฉันผิดไปแล้ว…”

เหลียงอวี่เห็นแบบนั้นก็ร้องไห้ตาม กอดถานหมิงไว้ “ฉันก็ผิดเหมือนกัน…”

ถานจวี่กั๋วมองมาก็ไม่เข้าใจ เลยเดินไปถามฟางเจิ้ง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

ฟางเจิ้งยิ้ม “สรงน้ำพระๆ ไม่ใช่แค่สรงน้ำพระ แม้จะบูชาพระ แต่ความจริงแล้วชะล้างตัวเอง สรงน้ำพระพร้อมกับชะล้างจิตใจตัวเองไปด้วย ดูท่าโยมท่านนี้จะเข้าใจแล้วเลยเป็นแบบนี้”

ถานจวี่กั๋วมองฟางเจิ้งด้วยความตกใจ “จะ…จริงเหรอ?”

ถานหมิงกล่าว “ปู่ จริงๆ เมื่อกี้ผมแค่ราดน้ำอบไปหน่อยเดียวเอง แต่มีภาพในความคิดเต็มไปหมด ทำผมสะเทือนใจมาก นึกถึงเรื่องต่างๆ ในอดีตแล้วก็ผิดจริงๆ ฟาง…เจ้าอาวาส วัดนายยอดเยี่ยมมาก! ดีกว่าทุกวัดที่ฉันเคยไปมา! ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย สบาย!”

ถานหมิงจับมือเหลียงอวี่ “ไปเถอะเสียวอวี่ พวกเราเข้าไปไหว้พระกัน”

เหลียงอวี่ตกใจ “ไหว้พระ? ที่นี่มีแต่พระแม่กวนอิมปางประทานบุตรนี่ ไหนคุณว่าจะไม่มีลูกนี่…”

“ใครบอกว่าไม่ล่ะ? มีสิ! ฉันจะมีสักสองคน!” ถานหมิงตอบ

“จะ…จริงเหรอ?” เหลียงอวี่ปิดปากเล็ก ถามด้วยความตื่นเต้น

ถานหมิงยิ้มเจื่อนๆ “ก่อนหน้านี้ฉันทำแต่งาน คิดว่าลูกจะเป็นภาระ ตัวฉันยังสนุกไม่พอเลยไม่อยากมีลูก ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้วคนเราไม่ได้มีชีวิตกันแบบนั้น…เพื่อคุณ เพื่อพ่อแม่ เพื่อทั้งครอบครัว ผู้ชายต้องเสียสละไม่ใช่เหรอ”

กล่าวจบถานหมิงก็ดึงเหลียงอวี่เข้าไปในวัด แต่เหลียงอวี่สะบัดมือถานหมิง ประนมสองมือ แสดงความเคารพต่อพระพุทธรูปตรงปากประตู โน้มศีรษะติดพื้น จากนั้นสรงน้ำพระ

หลังสรงน้ำพระ เหลียงอวี่ก็นึกถึงปมในใจมากมาย แววตาที่มองถานหมิงมีความรักมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนสองคนจะจับมือเดินเข้าไปในวัด

ชาวบ้านจำนวนมากเห็นดังนั้นต่างพูดชมเป็นเสียงเดียวกัน

“ฮ่าๆ…ในที่สุดเจ้าเสี่ยวหมิงก็เข้าใจสักที ตาถาน คุณนี่มีบุญนะ!”

“ฮ่าๆ…” บิดาถานหมิงยิ้มจนน้ำตาร่ายรำ สื่อความปรารถนาในใจออกมา ในที่สุดลูกก็โตสักที ในที่สุดเขาจะได้อุ้มหลานสักที…

……………..

“ติ๊ง! ยินดีด้วย ถานหมิงสำนึกผิดกลับใจ ได้ช่วยเหลือหนึ่งครอบครัว”

ฟางเจิ้งหัวเราะแหะๆ “ไม่มีให้จับรางวัลเหรอ?”

“นายคิดมากไปแล้ว ตั้งใจแจกโจ๊กเถอะ”

ฟางเจิ้งส่ายหน้าอย่างจำใจ แจกจ่ายโจ๊กให้คนต่อไป หนึ่งคนหนึ่งชาม กำลังดีจริงๆ

แต่อีกด้านหนึ่ง หวังโอ้วกุ้ยกลับพบปัญหา คนอื่นทำเพื่อความสะดวกสบาย และไม่หวังว่าบนเขาเอกดรรชนีจะมีของอร่อยด้วยเลยเอาชามเล็กมา ไม่กินไม่รู้ พอกินแล้ววางไม่ลง! จะต่อชามที่สองฟางเจิ้งไม่ให้แล้ว!

ดังนั้นเศรษฐีชามที่แบกอ่างขึ้นมาจึงถูกรุม กลุ่มคนต่างพูดจาดี ส่งสายตา หมายจะขอแบ่งจากเขาสักถ้วย

แต่หวังโอ้วกุ้ยปกป้องโจ๊กสุดชีวิต ใครมาก็ไม่ได้ จึงทะเลาะกันอยู่พักหนึ่ง

ไม่นานถานหมิงกับเหลียงอวี่ออกมาแล้ว เหลียงอวี่ส่งโจ๊กที่เหลือไว้มากกว่าครึ่งชามให้ถานหมิง “จะกินไหม?”

“กิน!” ถานหมิงยิ้ม หลังชิมไปคำหนึ่งก็ร้องว่าอร่อย ก่อนซดอึกเดียวหมดดังอึกๆ แล้วพูดว่าอร่อยอีกที น่าเสียดายถ้าอยากกินอีก? ไม่มีแล้ว

เดิมทีฟางเจิ้งคิดว่าจะสวดมนต์ แต่พอนึกถึงฝีมือตัวเองแล้วก็ช่างเถอะ นี่คือการจัดพิธีสรงน้ำพระครั้งแรก เขาไม่ได้เตรียมการอะไร ได้แต่ครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ทุกคนก็อยากสบายๆ เป็นอิสระ กินโจ๊กล่าปาแล้วรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว ถึงจะไม่ขอลูก แต่ก็เข้าไปจุดธูปในวัด ถึงส่วนใหญ่จะเป็นธูปธรรมดาก็เถอะ แต่ฟางเจิ้งก็ยังดีใจ!

เพราะว่า…

“ติ๊ง! ภารกิจธูปร้อยดอกสำเร็จแล้ว ได้รับกล่องบริจาค จะรับหรือไม่?”

“ขอไม่รับชั่วคราว” ฟางเจิ้งรีบปฏิเสธ น่าตลก ถ้าเขารับเลยในอุโบสถจะปรากฎกล่องบริจาคอย่างกะทันหัน เขามีสิบปากก็คงไม่รู้จะอธิบายยังไง

หลังวุ่นวายช่วงเช้าแล้ว ทุกคนก็ทยอยกันแยกย้ายไป

ฟางเจิ้งกินโจ๊กที่เหลือคนเดียวสองชาม จากนั้นแบ่งให้หมาป่าเดียวดายกับกระรอกกินจนอิ่ม ต่อมาถึงพาเจ้าสองตัวนี้ถือไม้กวาดทำความสะอาด เริ่มจัดการสนามรบ

คนมากันเยอะเกินไป ฟางเจิ้งก็ไม่หวังว่าทุกคนจะทำตามกฎอย่างเช่นไม่ทิ้งขยะอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นการทำความสะอาดจึงเป็นสิ่งจำเป็น

………………