ถ้าให้เสี่ยวเชี่ยนเลือกอีกครั้ง เธอจะคิดให้รอบคอบตอนเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา
ตอนนั้นถ้าไม่เลือกอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษาจะดีแค่ไหนกันนะ พอเลือกแล้วชีวิตช่างลำบากอะไรขนาดนี้
ช่วงนี้ศาสตราจารย์หลิวกลายเป็นเถ้าแก่ใหญ่ในสายตาของนักศึกษา มีโปรเจ็คต์ใหญ่ในมือที่ทุนวิจัยหนามาก เป็นที่ปรึกษาให้เฉพาะนักศึกษาปริญญาเอก นักศึกษาปริญญาโทมีแค่เสี่ยวเชี่ยน ซึ่งก็มาจากความรักล้วนๆ
ถูกหญิงสูงวัยอย่างศาสตราจารย์หลิวรักช่างเป็นเรื่องอนาถใจแท้
ไม่ใช่เพราะศาสตราจารย์หลิวดูแลเสี่ยวเชี่ยนไม่ดี ศาสตราจารย์หลิวถ่ายทอดวิชาให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างเต็มที่ ชาติที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ชาตินี้ผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมาก เธอชอบเสี่ยวเชี่ยนดังนั้นย่อมอยากสอนให้เยอะ
ตอนนี้ศาสตราจารย์หลิวเป็นเถ้าแก่ใหญ่จึงน้อยครั้งที่จะลงมาดูนักศึกษาเอง เวลายุ่งๆทำโปรเจ็คต์มีนักศึกษามากก็จะโยนไปให้เถ้าแก่เล็ก ซึ่งก็มีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่ไว้วางใจได้ เธอมักจะใช้เสี่ยวเชี่ยนดูแลรุ่นน้องทำโปรเจ็คต์ต่างๆ เรื่องพวกนี้เสี่ยวเชี่ยนยังพอทน
แต่เรื่องที่ทนไม่ไหวก็คือสถานที่ฝึกงานบ้าๆที่อาจารย์หาให้เธอ นี่มันอะไรกัน?
เสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่คนธรรมดา อาจารย์ก็ไม่ได้มองว่าเธอธรรมดา คนอื่นเขาหาที่ฝึกงานกันเอง แต่ของเธอมีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังแปรงฟันอาจารย์ก็โทรหาเธอ บอกว่าให้ไปรายงานตัวที่สถานีวิทยุ อาจารย์ไปคุยกับหัวหน้าสถานีไว้แล้ว
คุย ไว้ แล้ว
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแบบนั้นสมองแทบระเบิด
อยากจะบอกกับอาจารย์ว่าเธอไม่สนใจ แต่ศาสตราจารย์หลิวก็วางสายไปเสียก่อน ปกติเรื่องไหนที่หญิงสูงวัยคนนี้ตัดสินใจแล้วใครไปพูดก็ไร้ผล เสี่ยวเชี่ยนจึงทำได้แค่บากหน้าไปรายงานตัว
มีอาจารย์ที่เอาแต่ใจแบบนี้น่าปวดหัวจริงๆ
เธอสงสัยอย่างหนักว่าอาจารย์จะเข้าวัยทองแล้ว วันๆคอยแต่จะหาเรื่องเธอ เมื่อชาติก่อนเธอถูกอาจารย์ลงโทษให้คัดลอกตำราตั้งหลายเล่ม ชาตินี้คิดว่ากลับมาเกิดพร้อมความรู้ในชาติก่อนเป็นทุนเดิมจะสามารถเอาชนะนิสัยประหลาดของอาจารย์ได้ — แต่ไม่เลยจ้า
โดนคัดลอกหนักกว่าเดิม อีกทั้งศาสตราจารย์หลิวยังเน้นในเรื่องที่เมื่อชาติก่อนเธอไม่ได้เรียนรู้เอามาทรมานเธอ นักศึกษาปริญญาเอกที่อาจารย์ดูแลไม่ถูกทำอะไรแบบนี้ ทุกอย่างเอามาลงที่เสี่ยวเชี่ยน เล่นเอาพวกรุ่นพี่เวลาเจอเสี่ยวเชี่ยนต่างพากันทำสีหน้าสงสารใส่ ต่างรู้ว่าพลังทำลายล้างของแม่เฒ่าจอมพิฆาตคนนี้เอาไปลงที่ตัวเสี่ยวเชี่ยนหมดแล้ว นักศึกษาคนอื่นๆที่อยู่ในความดูแลของอาจารย์สบายตัวขึ้นมาก เสี่ยวเชี่ยนพลีชีพคนเดียวแต่รุ่นพี่มีความสุขกันหมด
สรุปก็คือ เพราะความรักอันหนักหน่วงของอาจารย์เสี่ยวเชี่ยนเลยต้องมานั่งอยู่ที่ห้องถ่ายทอดสดนี้ ต้องมาดมกลิ่นไมโครโฟนอันไม่พึงประสงค์ ฟังเรื่องราวบ้าบอคอแตกของคนที่โทรมาระบาย
โชคดีที่ในที่สุดช่วงเวลาอันแสนเหนื่อยยากก็ผ่านไปแล้ว เสี่ยวเชี่ยนลาผู้กำกับแล้วเดินออกจากตึกสถานีวิทยุ พอออกไปก็เห็นรถโฟล์คเต่าใหม่เอี่ยมคันหนึ่ง สีชมพูสดใสสุดๆ
ใครกันไร้รสนิยมซื้อรถอุบาทว์ขนาดนี้?
ถึงรถโฟล์คสีชมพูจะเป็นรถที่สาวๆส่วนใหญ่ใฝ่ฝัน แต่ประธานเชี่ยนไม่ชอบอะไรที่ดูตกเป็นเป้าสายตา ช่วงนี้เธอยังคิดอยากจะเอารถสีแดงสุดน่าเกลียดที่ขับมาสองปีไปเปลี่ยน เหตุผลก็คือสีมันทุเรศ
รถแดงถูกส่งเข้าศูนย์ไปตรวจเช็ก เธอจึงให้สืออวี้มารับ ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กสีขาวของสืออวี้ เสี่ยวเชี่ยนจึงเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา ทันใดนั้นหน้าต่างรถโฟล์คเต่าสีชมพูก็ถูกเลื่อนลง มือเรียวสวยโผล่ออกมาทักทาย
“ประธานเชี่ยน ตรงนี้”
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก เดินไปสำรวจดูรถโฟล์คเต่าสีชมพูที่เธอสุดจะไม่ชอบ มองไกลๆว่าเสร่อแล้วนะ มองใกล้ๆโคตรเสร่อ
“เป็นไง ไอเทมใหม่ของเพื่อนเจ๋งไหม? สั่งจองจากเมืองนอกเลยนะ เพิ่งได้รถก็เอามารับเธอเลย เป็นเกียรติมากเลยใช่ไหมล่า”
สืออวี้อวดรถกับเสี่ยวเชี่ยน ต้าอีที่นั่งอยู่เบาะหลังพูดแฉสืออวี้ด้วยน้ำเสียงปกติ
“ประธานเชี่ยนเธอขับเถอะ เมื่อกี้แค่กลับรถสืออวี้ยังออกไม่ได้เลย เสียเวลาตั้งนานกว่าจะออกมาจากลานจอดรถได้”
คนแบบนี้ได้ใบขับขี่มาถ้าบอกว่าไม่ได้ติดสินบนใครจะเชื่อ
“นี่ ก็รถใหม่มันยังไม่ชินนี่ พวกเธอจะไว้หน้าฉันหน่อยไม่ได้หรือไง? ประธานเชี่ยน เธออยากลองขับน้องชมพูของฉันไหม? ลองสัมผัสกับความหวานแหววแบบผู้หญิงดู”
“ฉันเรียกรถกลับดีกว่า”
“อย่านะ ทำแบบนั้นได้ยังไง นี่เป็นวันที่61ของการนับถอยหลังการเป็นโสดของฉัน เลยสัปดาห์นี้ไปฉันก็ต้องย้ายเข้าบ้านตัวเองแล้ว พวกเราไม่ควรจะใช้เวลาด้วยกันหน่อยเหรอ?ต่อไปฉันจะเป็นเจ้าสาวแล้วนะ สาวโสดอย่างพวกเธออย่าอิจฉาล่ะ”
ต้าอีกับสืออวี้ใกล้จะเรียนจบแล้ว สืออวี้พอเรียนจบก็ต้องไปเป็นเจ้าสาวให้เฉียวเจิ้น
“อย่างเธอเนี่ยนะเจ้าสาว? โดนเจาะไข่แดงไปตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเธอมีค่ำคืนที่เร่าร้อนจนไปจดทะเบียนกัน เอะอะก็อยู่ด้วยกัน ทรมานพวกฉันวันแล้ววันเล่าต้องมานั่งฟังประวัติความรักของพวกเธอ ยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องเจ้าสาวอีกเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนแฉอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
ส่วนต้าอีที่นั่งให้ความร่วมมือเสี่ยวเชี่ยนอย่างเงียบๆก็จับคำสำคัญของเสี่ยวเชี่ยนได้
ค่ำคืน…
สมกับเป็นประธานเชี่ยน แฉทั้งทีเอาให้เด็ด
สืออวี้กับเฉียวเจิ้นจดทะเบียนกันไปนานแล้ว ได้ยินว่าสองปีก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนมีค่ำคืนอันเร่าร้อน เฉียวเจิ้นต้องยอมทนพ่อแม่ที่เลี้ยงเขามาทุบตีดั่งพายุฝนกระหน่ำ จากนั้นหลังจากที่เขาคุกเข่าอยู่หน้าบ้านสามวัน ในที่สุดพ่อกับแม่ก็ยอมให้พวกเขาจัดงานแต่งอย่างรวดเร็วตอนช่วงปิดเทอม เนื่องจากสืออวี้ยังเรียนหนังสืออยู่จึงไม่ได้จัดงานใหญ่ ตอนนี้จะเรียนจบแล้วในที่สุดก็จะได้จัดชดเชยให้ใหม่
“ประธานเชี่ยน อย่าอย่างนี้จิ ฉันจะย้ายไปแล้วนะ เธอจะไม่คิดถึงฉันเลยเหยอ?” สืออวี้แอบร้องไห้ไปตั้งหลายครั้ง
หลังจากที่ย้ายออกจากห้อง4444 ทั้งสามคนก็ย้ายไปอยู่บ้านที่เสี่ยวเชี่ยนซื้อ เรียนจบกันแล้วต้องแยกย้ายย่อมรู้สึกเศร้าเป็นธรรมดา ถึงแม้การได้ไปอยู่กับผู้ชายที่รักจะเป็นเรื่องที่มีความสุข แต่พอนึกว่าเพื่อนรักต้องไปแล้วในใจก็เจ็บปวด
“การรอคอยที่ยาวนานแลกมากับการได้อยู่กับคนรักมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? เธออย่ามาทำอย่างกับพวกเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว”
“แต่ฉันเรียนจบก็ต้องตามไปอยู่กับพี่ อาจต้องไปอยู่ที่เมืองQ ต้าอีเรียนต่อยังอยู่ที่นี่ พวกเธอสองคนยังดี แต่ฉันจะทำไง…”
ช่วงหลายปีมานี้สืออวี้ได้เรียนรู้จนฉลาดขึ้นมาก แต่ต่อหน้าเพื่อนสนิทก็ยังคงอ่อนแอ พอคิดว่าจะต้องจากประธานเชี่ยนกับต้าอีไปแล้วก็รู้สึกแสบจมูก
พอเธอพูดแบบนั้นบรรยากาศภายในรถก็ดูอึดอัด ต้าอีเองก็รู้สึกปวดใจ
“เอาล่ะ มีสามีกันแล้วทั้งนั้นอย่าดราม่าเลย เพื่อนสนิทไม่มีทางห่างกันเพราะระยะทางหรอก หลบไปเดี๋ยวฉันขับเอง ให้เธอขับวันนี้ก็ไม่ถึงบ้านหรอก”
เสี่ยวเชี่ยนมักเป็นคนที่คุมสถานการณ์ได้เสมอ สีหน้าใจเย็นมีความสุขุม ทั้งที่จริงๆแล้วในใจของเธอก็แอบเจ็บปวดเล็กๆอยู่มุมหนึ่ง
คล้ายกับว่าช่วงเวลายังหยุดอยู่ตอนที่เพิ่งได้เจอกัน แค่ช่วยพริบตาอีกไม่กี่วันก็ต้องแยกจากกันแล้ว
มีพบ การจากก็อยู่ไม่ไกล
หลังกินข้าว เสี่ยวเชี่ยนนอนอยู่บนเตียง พอคิดว่าต้องนอนก็เกิดความหงุดหงิดตามสัญชาตญาณ คืนนี้จะฝันแบบเดิมอีกไหม?
ฝันนี้วนเวียนอยู่กับเธอมาหลายวันแล้ว หวังว่าวันนี้จะไม่ต้องฝันถึงอีก