คนของศูนย์ฉุกเฉิน 120 ก็ไม่กล้าหยุดมือ รีบเข็นเตียงผู้ป่วยไปยังรถฉุกเฉิน จะรีบออกเดินทางไปยังเมืองอันหยาง
จู่ๆ เฉินชางก็พูดกับหมอประจำรถว่า “ให้ผมไปด้วยเถอะครับ ระหว่างทางก็ต้องมีคนดูแล ผมคือเฉินชาง แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองครับ”
ในหมู่หมอประจำรถ หม่าชุนหยางเป็นหมอเก่าแก่ของศูนย์ฉุกเฉิน 120 ทำงานด้านนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้เขาอายุสี่สิบกว่า จึงกลายเป็นผู้รับผิดชอบหลักไปแล้ว
แม้ในตอนที่เผชิญหน้ากับการกู้ชีพที่มีลักษณะพิเศษและค่อนข้างอันตราย เขาก็ยังติดตามรถไปด้วย!
ว่ากันตามจริง ทักษะการเจาะเลือดดำของเฉินชางเมื่อครู่นี้สร้างความตื่นตะลึงให้หม่าชุนหยางอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าต้องเจาะเลือดกี่ครั้งถึงจะฝึกเจาะหลอดเลือดดำเพื่อใส่สายสวนได้อย่างแม่นยำขนาดนี้?
เมื่อเขาเห็นเฉินชางเป็นเพียงหมอน้อยวัยหนุ่ม ก็รู้สึกเหมือนกับไม่ใช่ความจริง!
หม่าชุนหยางเห็นเฉินชางพูดเช่นนี้ ดวงตาพลันเปล่งประกาย มีคนที่มีความสามารถไม่ธรรมดาติดรถไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นวาสนาทั้งต่อพวกเขาและต่อผู้ป่วยเลยทีเดียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าชุนหยางก็รีบจับมือทั้งสองของเฉินชาง พูดว่า “รบกวนหมอเฉินแล้วครับ อ้อ! ผมชื่อหม่าชุนหยาง เป็นหมอกู้ชีพฉุกเฉินของศูนย์ฉุกเฉิน 120 นะครับ”
ไม่ได้มีการพูดจามากมารยาทอะไร พวกเขาเตรียมพร้อมหมดแล้วรถก็แล่นออกไป มุ่งหน้าสู่เมืองอันหยาง
รถของศูนย์ฉุกเฉิน 120 เพิ่งไปไม่นาน ในที่สุดแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลันที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังก็สงบลงแล้ว!
สำหรับโรงพยาบาลระดับรากหญ้า ทุกครั้งที่สัญญาณฉุกเฉิน 120 ดังขึ้นก็เป็นเหมือนบททดสอบอันยากลำบากสำหรับพวกเขา
การกู้ชีพคืออะไร?
มีคนเปรียบเทียบไว้เช่นนี้ หมอที่ทำหน้าที่กู้ชีพก็เหมือนกับตำรวจแผนกปราบปรามอาชญากรรม ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์กะทันหันอะไร ก็จำเป็นต้องรีบเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เป็นแนวป้องกันสุดท้ายของชีวิตพวกคุณ
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต้องคิดทบทวน!
ระดับทักษะฝีมือของพวกเขา…ต้องพัฒนาจริงๆ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉินชางอยู่ด้วย เรื่องในวันนี้จะเป็นอย่างไร?
อาจจะต้องส่งผู้ป่วยขึ้นรถฉุกเฉินไปอีกครั้งแล้วรีบไปที่มืออันหยางก็เป็นได้
ระหว่างทาง ผู้ป่วยไม่ได้รับยาผ่านทางหลอดเลือดดำจะยืนหยัดจนถึงโรงพยาบาลหรือไม่ก็อาจจะต้องดูลิขิตฟ้า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ต้วนปัวก็รู้สึกไร้พลังอย่างสาหัส ความรู้สึกอับจนหนทาง ไร้ความสามารถและไร้พลังกำลังถาโถมเข้าใส่สมอง ทำให้เขาที่เดิมทีเป็นหมอที่มีรายได้สูงไม่ดีใจเลยสักนิด
เขามองไปยังค่ำคืนอันเงียบสงบนอกหน้าต่าง เดินออกไปหยิบบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง นั่งลงตรงบันไดอย่างเงียบงันไม่พูดจา
เฉินชางช่วยชีวิตห้าคนนี้ไว้ได้ แล้วใครจะช่วยคนมากมายก่อนหน้านี้ ในอนาคตจะมีคนอีกมากเท่าไหร่ที่ยังรอการช่วยเหลือ หรือจะทำได้แค่นั่งดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้?
เขาจะทำอะไรได้บ้าง?
เรื่องเช่นนี้ เขาต้วนปัวทำได้เพียงนั่งรู้สึกแย่อยู่ที่นี่ นี่เป็นเรื่องระดับประเทศ เป็นเรื่องของผู้คนนับไม่ถ้วน เขาที่เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลระดับอำเภอคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้?
ต้วนปัวเกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอหลัน หลังจากเรียนจบ เดิมทีเขามีโอกาสทำงานที่เมืองอันหยาง แต่เขาเลือกกลับมาบ้านเกิด เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลัน
ตอนนั้นคนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าล้วนเป็นนักศึกษาที่จบด้านสุขภาพ เมื่อต้วนปัวเข้ามาทำงานจึงกลายเป็นบุคคลที่หัวหน้าให้ความสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หลังจากใช้เวลาไปถึงสิบปี เขาก็กลายเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไป
เขาที่เติบโตมากับสังคมรากหญ้า เห็นอำเภอหลันด้อยกว่าเมืองใหญ่อยู่มาก เขามีใจอยากเข้าไปเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไร้ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง
ก็เหมือนกับเหตุการณ์ในวันนี้ อำเภอหลันมีรถฉุกเฉินอยู่จึงพาผู้ป่วยมาส่งได้ทันเวลา แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเฉียบพลันในหมู่บ้านห่างไกลเล่า จะนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลทันหรือ?
บุหรี่หนึ่งมวนสูบไม่นานก็หมด ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมา
ต้วนปัวสูดหายใจลึก จะคิดมากไปทำไม? ทำสิ่งที่ตนเองทำได้ให้ดีก็พอแล้ว
การรักษาพยาบาลไม่ใช่เรื่องของคนเพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ความไม่สมบูรณ์แบบและความไร้เหตุผลของระบบรักษาพยาบาลไม่ใช่อะไรที่ตนเพียงคนเดียวจะไปเปลี่ยนแปลงได้
ตอนนี้ภายในแผนกฉุกเฉิน คนกลุ่มหนึ่งกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
“หมอน้อยเมื่อกี้นี้สุดยอดไปเลย ใช้เวลาแค่คนละนาที เยี่ยมมาก!” นางพยาบาล A พูดอย่างตื่นเต้น
นางพยาบาล B พูดต่อ “ใช่แล้ว แล้วเขาก็หล่อมากด้วย พวกเธอได้มองเขาให้ดีหรือเปล่า? ท่าทางตอนเขาจริงจังแบบนั้น…หล่อมากค่ะ”
พยาบาลน้อยหน้ากลมที่คอยติดตามเฉินชางไปเจาะเส้นเลือดเมื่อครู่นี้ทอดถอนใจออกมา แต่กลับไม่มีอารมณ์วิพากษ์วิจารณ์อะไร
ตอนนี้เอง หยางจงแห่งแผนกศัลยกรรมทั่วไปไม่เห็นหัวหน้าแผนกของตนจึงเดินออกไปที่ประตู พบว่าต้วนปัวนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่พื้น เขาจึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ
ต้วนปัวมองหยางจงแล้วยิ้มให้ “เรียกทุกคนไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”
หยางจงไม่ได้รับคำ แต่กลับมองไปที่ต้วนปัว “หัวหน้าแผนก…พวกเราแย่ขนาดนี้จริงๆ เหรอครับ?”
คำพูดตรงประเด็นของหยางจงทำให้ต้วนปัวอับจนคำพูด!
พวกเราแย่ขนาดนี้จริงๆ หรือ?
มือที่ใช้คีบบุหรี่ของต้วนปัวกำลังสั่น!
ใช่แล้ว!
ฉันจะคิดมากขนาดนั้นทำไม?
ทำงานของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว พวกเราต้องพัฒนาทักษะฝีมือของตนเอง ช่วยคนไข้ทุกคนของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว
จะคิดมากขนาดนั้น…ทำไมกัน?
……
……
หลังจากรถของศูนย์ฉุกเฉินมาถึงเมืองอันหยางก็เริ่มแยกทางกันไป บางคันไปส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล บางคันไปส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลตงต้า แต่ไม่มีสักคันที่ไปส่งที่โรงพยาบาลอันดับสอง
สาเหตุนั้นง่ายดายมาก โรงพยาบาลอันดับสองไม่มีแผนกรักษาผู้ป่วยไฟไหม้ ห้องไอซียูของพวกเขาทำได้เพียงรักษาสัญญาณชีพของผู้ป่วยเท่านั้น
เฉินชางติดตามรถฉุกเฉินไปถึงโรงพยาบาลตงต้า เนื่องจากโทรมาก่อนแล้วอีกฝ่ายจึงเตรียมพร้อมอย่างดี ขณะที่เฉินชางส่งผู้ป่วยลงจากรถ หวังเซี่ยงจวินก็จำเฉินชางได้ทันที
“เสี่ยวเฉิน? ทำไมถึงอยู่บนรถ 120 ได้ล่ะ?”
เฉินชางเล่าเรื่องที่เขาเข้าร่วมการกู้ชีพให้ฟังรอบหนึ่ง แต่ยังปิดบังเรื่องที่ตนเองรับงานนอกเอาไว้ บอกแค่ว่าไปทำธุระที่อำเภอหลัน
หม่าชุนหยางก็พยักหน้า “โชคดีที่มีหมอเฉิน ไม่งั้น…”
หวังเซี่ยงจวินพยักหน้า “ครับ เสี่ยวเฉินรีบไปพักผ่อนเถอะ”
เฉินชางพยักหน้าแล้วเดินจากไป วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของหวังเซี่ยงจวิน +5!]
เฉินชางส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นจึงเดินจากไป ตอนที่ออกไปบนถนน ไม่มีรถจักรยานสาธารณะเหลืออยู่แล้ว หลังจากจักรยานสาธารณะถูกยกเลิกไป เฉินชางก็ไม่ได้ถอนเงินมัดจำอออกมา ก่อนหน้านี้ยังพอเห็นรถได้บ้าง แต่ตอนนี้บนถนนมีอยู่แค่ไม่กี่คันที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทาง คันอื่นไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
ความก้าวหน้าทางการแพทย์ก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?
เรื่องในวันนี้สร้างความรู้สึกสะท้อนใจให้เฉินชางมาก ภายใต้เศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่โรงพยาบาลรากหญ้ากลับตกต่ำลง ขาดแคลนบุคคลผู้มีความสามารถ ทรัพยากรในการรักษาพยาบาลก็ไม่เพียงพอ
เฉินชางทอดถอนใจ
ล้วนเดินไปเบื้องหน้าด้วยการคลำทางทั้งนั้น แต่เมื่อเทียบกับตอนแรก พวกเราก้าวหน้าขึ้นมากแล้ว
แต่พวกเรายังต้องเดินไปเบื้องหน้าทีละก้าว…
โรงพยาบาลตงต้าอยู่ห่างจากโรงพยาบาลอันดับสองไม่มาก และห่างจากที่พักของเฉินชางไม่ไกล เดินเตร่อยู่พักหนึ่งก็ถึงแล้ว
ในตอนที่เดินอยู่บนถนน จู่ๆ เฉินชางก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง “เสี่ยวเฉิน ผมจางโหย่วฝูนะครับ”
เฉินชางพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที จางโหย่วฝูโทรหาตนทำไม?
เฉินชางรีบพูดว่า “หัวหน้าจาง สวัสดีครับ”
จางโหย่วฝูหัวเราะ “คือว่าเป็นแบบนี้นะครับ เสี่ยวเฉิน พรุ่งนี้ผมจะไปเข้าร่วมรายการเกี่ยวกับสุขภาพของสถานีโทรทัศน์ตงหยาง ทางโรงพยาบาลหวังว่าเมื่อผมไปแล้วจะได้โฆษณาการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องฉบับปรับปรุงของคุณสักหน่อย เพื่อเพิ่มความนิยมให้โรงพยาบาลเราน่ะครับ คุณสะดวกส่งไฟล์พาวเวอร์พ้อยท์ให้ผมไหมครับ?”