ตอนที่ 221 การเปลี่ยนแปลง! + ตอนที่ 222 บรรลุขั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 221 การเปลี่ยนแปลง!

เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ตบไหล่เขา เอ่ยว่า “งั้นเจ้าดูแลตัวเองให้มากๆ พวกเราต้องได้พบกันอีกแน่”

“อืม เจ้าก็ด้วย” เจ้าอ้วนฉีกยิ้มกว้าง “เสี่ยวจิ่ว ยินดีที่ได้รู้จักเจ้านะ”

“เก็บไว้ เจ้าอาจต้องใช้มัน” เธอส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะโยนยาขวดหนึ่งให้

“นี่อะไร?”

เจ้าอ้วนถามด้วยความแปลกใจ ระหว่างที่เปิดออกดู เฟิ่งจิ่วก็บีบป้ายหยกสีขาวแตกแล้ว ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากบนป้าย ม้วนตัวเธอส่งออกไป

เหลือเพียงเจ้าอ้วนที่ถือขวดยาไว้ด้วยความตื่นเต้น เบิกดวงตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “ซี๊ด! เป็นยาระดับสามนี่!”

ส่วนเฟิ่งจิ่วในตอนนี้ หลังจากลำแสงผ่านไปชั่วครู่ ร่างก็มาโผล่บนพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง รอให้ยืนได้มั่นคง ก็เห็นผู้อาวุโสหลายคนรอบๆ ต่างล้อมวงเข้ามาพินิจมองเธอ

“เจ้าเป็นลูกศิษย์สำนักไหน?”

ผู้อาวุโสสี่คนต่างมาจากสามสำนักวิชาและสำนักศึกษาหมอกดารา เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีลูกศิษย์ที่ถือป้ายหยกมีค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นมาทีหนึ่งพันแต้ม ก็รู้ว่าต้องพบงูหลามยักษ์ระดับเจ็ดด้านในนั้นแน่

แต่พูดถึงลูกศิษย์แต่ละสำนักที่เข้าไปฝึกวิชา พลังของพวกเขาไม่พอจะต่อกรกับงูหลามยักษ์ระดับเจ็ดแน่ เช่นนั้นใครกันที่ฆ่ามัน?

พวกเขาเก็บความเคลือบแคลงใจไว้ รออยู่ตรงนี้ ในที่สุดหลังจากคนคนนั้นบีบป้ายหยกให้แตกแล้วถูกส่งตัวออกมา ก็เห็นหนุ่มน้อยชุดแดงแปลกหน้ามาปรากฏตัวตรงนี้

ตอนแรกที่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายยังอดแอบชมไม่ได้ ‘ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่โดดเด่นนัก!’

กลิ่นอายดื้อรั้นและเปิดเผย ท่าทีสูงศักดิ์ที่เหมือนติดตัวมาแต่กำเนิด รวมถึงใบหน้างดงามที่มีความร้ายกาจเล็กน้อย บุคคลเช่นนี้ แม้เป็นสำนักวิชาหรือสำนักศึกษาพวกเขายังเห็นได้น้อยยิ่งนัก

เห็นผู้อาวุโสทั้งสี่กำลังจ้องพินิจอยู่ เฟิ่งจิ่วก็แย้มยิ้ม เบนสายตาไปเล็กน้อย บอกว่า “ข้า… หลงเข้ามาขอรับ”

อาจารย์จากสามสำนักวิชาและสำนักศึกษาหมอกดาราล้วนอยู่ที่นี่ จึงไม่อาจพูดแอบอ้างว่าเป็นคนของพวกเขาได้อีก

“หลงเข้ามารึ?”

ทั้งสี่ท่านขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยความมั่นใจ “เป็นไปไม่ได้!” รอบๆ สนามฝึกวิชาไม่เพียงวางค่ายกลไว้ ยังมีเขตอาคมด้วย เจ้าหนุ่มน้อยนี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณ จะหลงเข้าไปได้อย่างไร?

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ข้าก็ออกมาจากด้านในไม่ใช่รึขอรับ?” เฟิ่งจิ่วพูดจบก็สาวเท้าก้าวเดิน ทว่าเดินไปได้สองก้าวกลับเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย เหงื่อไหลย้อยทันที

ผู้อาวุโสหลายคนเดิมจะรั้งเขาไว้ กลับเห็นเด็กหนุ่มผิดปกติขึ้นมาทันใด ทั้งสี่มองหน้ากันแวบหนึ่ง สุดท้ายก็เป็นผู้อาวุโสคนนั้นของสำนักศึกษาหมอกดาราที่เอ่ยถาม “เจ้าเป็นอะไรไป?”

กลิ่นอายแข็งแกร่งที่ผุดขึ้นในร่างทำให้สีหน้าเฟิ่งจิ่วเปลี่ยนเป็นขาวซีด เธออยากจะตะโกนด่าทอเพราะกลิ่นอายพลังที่วิ่งพล่านอยู่ในเส้นเอ็นและหลอดเลือด

บ้าจริง! ปัญหาอยู่ที่เลือดงูหลามยักษ์ระดับเจ็ดนั่นแน่ๆ!

ทันใดนั้น เธอนั่งลงขัดสมาธิอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเพื่อปรับสมดุลกลิ่นอายที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่าง

ผู้อาวุโสทั้งสี่เห็นกลิ่นอายเข้มข้นที่พรั่งพรูทั่วร่างเด็กหนุ่ม สีหน้าก็เดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง ผู้อาวุโสจากสำนักศึกษาหมอกดาราลูบเครา พูดเหมือนเข้าใจสาเหตุว่า “กลิ่นอายที่กระจายออกมาบนตัวเขามีพลังเลือดอันแข็งแกร่งของงูหลามยักษ์ปะปน กลิ่นอายในร่างปั่นป่วน คงจะดื่มเลือดงูหลามยักษ์ลงไป”

“อะไรนะ? ดื่มเลือดงูหลามยักษ์ระดับเจ็ดรึ? เป็นไปไม่ได้กระมัง? เลือดงูหลามยักษ์นั่นต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานดื่มยังกลัวว่าร่างจะระเบิดตายเลย หนุ่มน้อยนี้เป็นแค่ผู้ฝึกตนที่เพิ่งบรรลุถึงปรมาจารย์พลังวิญญาณ หากดื่มเลือดสัตว์ร้ายระดับเจ็ดลงไปจริง คงร่างระเบิดตายไปนานแล้ว!”

ผู้อาวุโสสามคนนั้นยังไม่เชื่อ เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาก่อน

………………………………………………….

ตอนที่ 222 บรรลุขั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ!

ผู้อาวุโสสำนักศึกษาไม่ปริปาก แต่ลูบเคราพินิจมองเด็กหนุ่มชุดแดงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ในแววตาฉลาดเฉลียวมีความนึกคิดตรึกตรอง คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เฟิ่งจิ่วที่นั่งขัดสมาธิดึงกลิ่นอายที่ปั่นป่วนในร่างทั้งหมดไปยังจุดตันเถียน กลิ่นอายขุมนั้นมาอย่างดุดันและแข็งแกร่ง ทำเอาเส้นโลหิตผุดขึ้นมาเหมือนกำลังจะระเบิด เส้นโลหิตใต้ผิวหนังปูดบวม บางครั้งก็มีการไหลเวียนปรากฏชัดเจน

เหงื่อไหล่ท่วมไปทั่วร่างเฟิ่งจิ่ว สีหน้าบ้างขาวบ้างแดง ความเจ็บปวดที่มาจากภายในร่างกายทำให้เธอแทบจะเป็นลมล้มไปด้วยไม่ไหวทน แต่เธอรู้ดี หากตอนนี้ฝืนต่อไปไม่ได้ เกรงว่าต้องจบเห่แน่แล้ว

ผู้อาวุโสทั้งสี่ล้อมมองอยู่รอบๆ หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่ออยู่บ้าง “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มนี่ดื่มเลือดงูหลามยักษ์ระดับเจ็ดไปแล้วจะยังทนได้ถึงตอนนี้ แต่ว่ารอบนี้เลือดลมปั่นป่วน เกรงว่าจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว”

“พูดยาก เด็กหนุ่มนี่ทนมาได้ถึงตอนนี้ก็เห็นอยู่ว่าไม่ธรรมดา” ผู้อาวุโสสำนักศึกษาพูดพลางลูบเครา “พวกเราก็เป็นผู้คุ้มกันให้เขาไปชั่วคราวก่อนเถอะ! หากเขาทนผ่านไปได้ พลังจะต้องพุ่งทะยานขึ้นมากแน่ๆ!”

ได้ยินเขาพูดถึงเพียงนั้น คนอื่นอีกสามคนก็พยักหน้า นั่งลงตรงที่ไม่ไกลนัก เป็นผู้คุ้มกันให้หนุ่มน้อยชุดแดง

ตามเวลาที่ล่วงเลยไปอย่างเงียบเชียบ เมื่อผู้อาวุโสคนหนึ่งในนั้นเห็นพลังวิญญาณในร่างเด็กหนุ่มชุดแดงเพิ่มขึ้นพรวดพราด ก็อดไม่ได้อุทานออกมา

“ดูเร็ว! บรรลุขั้นแล้วจริงๆ ด้วย!”

“อ๋า! กำลังบรรลุขึ้นอีก! จากระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณช่วงที่สามยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเลย!”

พวกเขาตกตะลึงในใจ ผ่านไปอีกสักพัก ก็เห็นระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณของเด็กหนุ่มข้ามจากช่วงที่สี่ไปถึงช่วงที่ห้าอีกครั้ง!

“นี่มัน การบรรลุขั้นไยจึงดูง่ายดายเพียงนี้ เด็กคนนี้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรกันแน่?”

ทุกคนพูดไม่ออก ต้องรู้ไว้ว่าวรยุทธ์พลังวิญญาณไม่เหมือนพลังเร้นลับ มีผู้ฝึกตนมากมายที่ตลอดชีวิตไม่อาจข้ามผ่านระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณไปถึงระดับสร้างรากฐานได้ และมีเพียงการเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานเท่านั้น ถึงจะนับว่าเป็นผู้ฝึกเซียน และมีอายุขัยสองร้อยปีได้

ในหมู่ยอดปรมาจารย์กระบี่ร้อยคน อย่างมากจะมีเพียงหนึ่งถึงสองคนที่บรรลุขั้นได้สำเร็จ อยากจะบรรลุขั้นจากระดับสร้างรากฐานไปหลอมแก่นพลัง ยิ่งมีเพียงหนึ่งในหมื่นคน เป็นสิ่งที่ได้พบเจอแต่ไม่อาจได้มาครอบครอง

ผู้ฝึกตนบางคนอายุผ่านครึ่งร้อยไปแล้ว ถึงจะเป็นเพียงยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้อายุแค่สิบกว่า กลับกำลังบรรลุขั้นราวกับกระโดดเหยียบขั้นบันไดขึ้นไปทีละขั้นๆ จะไม่ให้พวกเขาตกใจตะลึงยิ่งนักได้อย่างไร?

ในแววตาเหลือเชื่อของทั้งสี่คน เด็กหนุ่มชุดแดงนั่งขัดสมาธิปรับลมปราณอยู่ตรงนั้นสามวันสามคืนเต็มๆ พละกำลังก็เพิ่มพรวดไปทีละขั้น อาจเพราะจ้องมองเขามาสามวันสามคืน ผู้อาวุโสทั้งสี่ถูกความเร็วในการบรรลุขั้นที่แทบจะพิสดารไปแล้วนั้นทำให้อึ้งตาค้างอยู่นานจนไม่อาจคืนสติ

สามวันสามคืนนี้ พวกเขาไม่หลับไม่พักผ่อน ถลึงตามองเด็กหนุ่มชุดแดงอยู่เช่นนั้น ในใจต่างกำลังมีความคิดเดียวกัน

ไม่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนของสำนักใด ก็ต้องพยายามหาทางดึงตัวมาอยู่สำนักพวกเขาต่อไปให้จงได้!

“ดูสิ เขา เขาบรรลุขั้นอีกแล้ว…”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งกลืนน้ำลาย ดวงตาเป็นประกายจับจ้องเด็กหนุ่มชุดแดงอย่างตื่นเต้นยิ่ง ท่าทางนั้นเหมือนคนที่ไม่กินข้าวมาสิบวันถึงครึ่งเดือนกำลังจ้องเนื้อติดมันชิ้นหนึ่ง อดใจรอจะพุ่งไปยื้อแย่งเขากลับสำนักแทบไม่ไหวแล้ว

“เฮือก! เขา เขาจะไปถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณแล้ว!”

ผู้อาวุโสสำนักศึกษาเบิกตาโต สีหน้าเหลือเชื่อ เวลาสามวันสามคืน นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มชุดแดงจะบรรลุขั้นจากระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นต้นช่วงที่หนึ่งถึงช่วงที่เก้าได้ติดต่อกัน ตอนนี้ยังจวนจะไปถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณอีก นี่…นี่มันพิสดารเกินไปแล้ว!

………………………………………………….