เล่มที่ 5 บทที่ 123 กล้ามายุ่งกับข้า เช่นนั้นจงทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เถิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ป๋ายจีและป๋ายซ่าวเป็นผู้นำทางคนเหล่านั้นในการตรวจค้นห้องในกระโจม

    แม้แต่บริเวณใต้เตียงก็มิยกเว้น แต่แน่นอนว่าสิ่งได้ พวกเขาเจอมีเพียงความว่างเปล่า

    ทหารเหล่านั้นหลุดแสดงสีหน้าสงสัยออกมา

    ไม่จริง ไม่เหมือนกับที่ได้รับคำสั่งมาเลยนี่นา!

    “ในเมื่อตรวจค้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เชิญออกไปเถิด นายหญิงของข้าต้องการพักผ่อนแล้ว”

    ป๋ายจีส่งเสียงขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า สายตาเย็นชาแสดงออกถึงความมิพึงพอใจ

    ได้ยินข่าวว่าพวกเขาไปตรวจสอบกระโจมอื่นเพียงผิวเผินเท่านั้น

    แต่เมื่อมาถึงกระโจมของหลินเมิ้งหยา พวกเขากลับตรวจสอบทุกซอกทุกมุม

     “ยังมีตรงนั้นที่ยังไม่ได้ตรวจค้น พระชายาโปรดอภัย”

    หัวหน้าของเขาเอ่ยว่าจะต้องหาเบาะแสจากหลินเมิ้งหยาออกมาให้ได้

    หากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ เกรงว่าตนเองจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน

    หากพบเบาะแสแม้เพียงนิดเดียว เท่านี้ก็สามารถกลับไปอธิบายให้หัวหน้าฟังได้แล้ว

    “บังอาจ!”

    เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น แก้วชาในมือหลินเมิ้งหยาพลันพุ่งออกมาจากฉากกั้น

    “เพล้ง” เสียงแหลกละเอียดดังขึ้น

    ทุกคนในกระโจมนิ่งเงียบ ไม่มีใครเคยเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของนางมาก่อน

    “พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร? คิดหรือว่าจวนอวี้ของข้าจะยอมปล่อยให้ถูกรังแกอย่างง่ายดายกระนั้นหรือ? หรือเจ้าได้รับคำสั่งมาจากใครกันแน่ จึงต้องหาสิ่งของหรือเบาะแสใด ๆ จากข้าให้ได้? หัวหน้าขององครักษ์อยู่ที่ไหน พามาพบข้าเดี๋ยวนี้!”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้องครักษ์เหล่านั้นสะดุ้ง

    แม้พวกเขาจะได้รับคำสั่งจากเบื้องบน แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังหาเบาะแสไม่เจอ

    อีกทั้งยังทำให้ชายาอวี้กริ้วอีกต่างหาก

    แต่ถึงกระนั้นองครักษ์เหล่านี้ก็ยังแข็งใจและต้องการจะเข้าไปข้างในให้ได้

    นัยน์ตาเผยความประสงค์ร้าย หากพวกเขาหาหลักฐานเจอ ชายาอวี้ยังจะแสดงท่าทีหยิ่งยโสได้อีกหรือ?

    “หัวหน้าองครักษ์กำลังดูแลความปลอดภัยของไท่จื่อ พระชายาได้โปรดอภัยด้วย”

    ส่งสายตาให้ลูกน้องบุกเข้าไป ป๋ายจีและป๋ายซ่าวร้อนใจ แต่กลับถูกชายเหล่านั้นผลักออก

    “ฮึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ได้ ข้าจะยอมให้พวกเจ้าเข้ามาค้นหา หากสามารถหาสิ่งใดเจอก็มิเป็นไร แต่ถ้าหากพวกเจ้าหาไม่เจอแล้วละก็ พวกเจ้าต้องมอบศีรษะบนบ่าของพวกเจ้าเพื่อเป็นการชดใช้! เสี่ยวอวี้ เจ้าจงออกไปจดจำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ที่ด้านนอก”

    “ขอรับ”

    ได้เห็นหนุ่มน้อยสวมใส่ชุดสีขาวทั้งตัวเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น

    แม้ใบหน้าของเขาจะยังอ่อนเยาว์ ทว่าดวงตากลับเผยให้เห็นร่องรอยของความเย็นชา

    เสมือนก้อนน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก ความหนาวเหน็บที่ได้รับทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้าน

    “เข้ามา เอาฉากกั้นออก”

    มือเล็กโบกสะบัด เพื่อสั่งให้นำฉากกั้นออก

    นางยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ใบหน้าเรียวเล็กแสยะยิ้มเย็นชา

    ดูท่า ศีรษะของพวกเขาจะกลายเป็นของสะสมเล่นของผู้อื่นเสียแล้ว

    ฉากกั้นถูกยกออก หญิงสาวทั้งสามที่นั่งอยู่ภายในเรียกความสนใจจากทุกคน

    เยว่ฉีซึ่งอายุน้อยที่สุดแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน ร่างบางแสดงท่าทีไม่พอใจ

    เยว่ถิงที่มีใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดรีบหลบตัวเข้าหาเยว่ฉี

    หญิงสาวข้างกายพวกนาง สวมใส่ชุดชาววังสีม่วงสะดุดตา สีหน้าสงบนิ่ง

    ราวกับว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นมิได้เกี่ยวข้องกับนางเลยแม้แต่น้อย

    ราวกับว่าคนที่ป่าวประกาศต้องการศีรษะของทหารเพื่อเป็นการลงโทษมิใช่นาง

    มือเล็กจับหน้าหนังสือเปิดออกทีละหน้า ศีรษะไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมามอง

    “พระชายาได้โปรดลงโทษด้วย พวกกระหม่อมได้รับคำสั่งมา ได้โปรดอภัยให้พวกกระหม่อมด้วย”

    อ่อนน้อมถ่อมตนตอนนี้ไม่สายไปหน่อยหรือ?

    หลินเมิ้งหยาไม่เงยหน้าขึ้น นางเห็นเขาเป็นเพียงอากาศธาตุแต่เพียงเท่านั้น

    “หาสิ ลองหาดูเผื่อพวกเจ้าจะเจอในสิ่งที่ต้องการ”

    น้ำเสียงเย็นชาไม่เหมือนกับใบหน้าสงบนิ่งที่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย

    องครักษ์กัดฟัน ความคิดเลวร้ายผุดขึ้น

    หากพวกเขาหาสิ่งใดไม่เจอแล้วละก็ เกรงว่าพระชายาอวี้คงมิปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

    “ค้นหา!”

    เขาโบกมือหนา องครักษ์ร่างกำยำเริ่มค้นหาสิ่งของ เปิดตู้ทุกตู้และผ้าทุกผืน

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาหาไม่เจอสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย

    ทว่าหลินเมิ้งหยายังคงนั่งอ่านหนังสือด้วยท่าทางสงบนิ่ง

    เหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากของชายร่างกำยำเหล่านั้น ยังไม่ทันจะปาดมันออก พวกเขากลับได้เห็นหญิงสาวที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ชำเลืองมองมา

    “เจอหรือไม่?”

    ริมฝีปากสีแดงดั่งชาดแง้มออกเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงเอ่ยถาม ทว่าคำถามของนางกลับเสมือนใบมีดที่กรีดไปยังหัวใจทหารเหล่านั้น

    “ทูลพระชายา ตอนนี้…ตอนนี้ยังหาไม่เจอพ่ะย่ะค่ะ”

    ความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมเมื่อครู่กลับกลายเป็นความเสียใจ

    เมื่อนึกถึงความตายขององค์ชายรองแห่งซีฟาน ผู้ชายอกสามศอกอย่างพวกเขาอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้

    “ข้าพูดออกไปแล้วว่าหากหาไม่เจอ พวกเจ้าจะต้องทิ้งศีรษะเอาไว้ที่นี่”

    เสียงอ่อนโยนดั่งปุยนุ่น ราวกับไร้ซึ่งความอำมหิต

    ทว่าดวงตาทั้งสองข้างของหลินเมิ้งหยากลับเย็นชา

    ตอนที่พี่เยว่ถิงถูกคนเหล่านั้นทำมิดีมิร้าย ทหารเหล่านี้หายหัวไปไหนกันหมด?

    แต่เพียงเพราะไท่จื่อถูกลอบทำร้าย พวกเขากลับรีบมาตรวจค้นกระโจมของนางทุกซอกทุกมุม

    เจ้าพวกหมาเลียแข้งเลียขาเจ้านาย

    “พระชายาได้โปรดอภัยด้วย พวกเราทำตามคำสั่ง หากทำให้พระชายาขุ่นเคือง ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

    อากัปกิริยาเปลี่ยนไปในทันที แม้อ๋องอวี้กับไท่จื่อจะมิลงรอยกันสักเพียงไหน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งหมดก็ต้องได้รับโทษที่เข้าไปยุ่มย่ามกับคนของราชวงศ์

    อีกทั้งตอนนี้ยังหาของที่ต้องการไม่เจอ

    ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร

    “ไปเชิญขุนนางชั้นสูงกับท่านอ๋องมาเถิด ข้าเป็นเพียงแม่บ้านคงจะตัดสินใจอะไรไม่ได้ ส่วนพวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน”

    หลินเมิ้งหยาออกคำสั่งเสียงนุ่มนวล ด้านนอกกระโจมถูกองครักษ์ประจำจวนอวี้ล้อมเอาไว้

    ทหารสิบกว่านาย รวมถึงทหารเฝ้าสังเกตการณ์ที่ด้านนอกล้วนถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว

    “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”

    หลินขุ๋ยสาวเท้ายาวๆ ออกไป เขาไม่แม้แต่จะหันมามองทหารเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

    พระชายาเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว

    เขาเดินทางไปเชิญบุคคลที่มีรายชื่อในหนังสือที่หลินเมิ้งหยามอบให้ ดึงออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะแกะห่อผ้าลายดอกโบตั๋นออก

    “อ๋องอวี้เสด็จ…”

    “ใต้เท้าจางเข้าเฝ้า…”

    “ใต้เท้าหลี่เข้าเฝ้า…”

    “ใต้เท้าเยว่เข้าเฝ้า…”

    เสียงขานรายชื่อดังขึ้น ก่อนบุคคลทั้งห้าจะปรากฏตัว

    อยู่ๆ ก็ถูกเชิญมาที่นี่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเข้ามาในกระโจมของชายาอวี้ พวกเขาจะได้เห็นทหารสิบกว่าคนอยู่ที่นี่

    ทันทีที่หลงเทียนอวี้ก้าวเข้ามาในกระโจม เขาได้เห็นดวงตาแดงก่ำของหลินเมิ้งหยา

    “ท่านอ๋องมาแล้ว ชื่อเสียงของเซี่ยเฉินเกือบจะถูกย่ำยีแล้วเพคะ”

    ส่งเสียงอ่อนหวานระคนเจ็บปวด ความโศกเศร้าเผยออกมาให้เห็น หยาดน้ำตาสีใสราวไข่มุกรินไหลออกจากขอบตาจนถึงคาง

    หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา ทว่าเสียงสะอึกสะอื้นยังคงแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด จนทุกคนอดที่จะสงสารไม่ได้

    ดวงตาของทหารสิบกว่าคนเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง

    ชายาอวี้เปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วเหลือเกิน!

    “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดพระชายาจึงร้องห่มร้องไห้เช่นนี้?”

    ความสัมพันธ์ระหว่างใต้เท้าเยว่และหลินเมิ้งหยานับว่าไม่เลว ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ

    ใครจะรู้ว่า เยว่ฉีจะส่งมอบพี่สาวตนเองเข้าหาอ้อมกอดของป๋ายจื่อด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่นางจะรีบวิ่งเข้ามาหาใต้เท้าเยว่

    “ท่านพ่อ ท่านพ่อ คนพวกนี้รังแกพวกเรา ข้ายังเด็ก หากชื่อเสียงถูกทำให้เสียหายขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”

    คำพูดนี้เสมือนเป็นการยื่นมือเข้าไปแตะเกล็ดใต้คอมังกร

    เยว่ถิงถูกรังแกถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ

    คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวคนเล็กของเขาเองก็จะถูกรังแกไปด้วย นี่พวกเขาคิดหรือว่าสกุลเยว่จะยอมปล่อยให้ถูกรังแกง่ายๆ เช่นนี้

    ใต้เท้าเยว่ปลอบโยนลูกสาวที่กำลังอยู่ในอ้อมกอด สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นเย็นชา

    ก่อนที่เขาจะหมุนตัว ประจันหน้ากับใต้เท้าจางผู้ซึ่งควบคุมกองกำลังทหาร และเอ่ยขึ้น

    “ใต้เท้าจาง ทหารที่อยู่ในค่ายแห่งนี้เป็นคนของท่านใช่หรือไม่ แม้สกุลเยว่ของข้าจะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเสมอมา แต่ก็มิได้หมายความว่าจะปล่อยให้ใครต่อใครเข้ามารังแกได้ ข้าต้องการคำอธิบายเรื่องนี้จากท่าน”

    สีหน้าใต้เท้าจางที่อายุเพิ่งจะห้าสิบไปหมาดๆ ซีดลงทันใด

    ดูเหมือนใต้เท้าเยว่ที่เคยร่วมงานด้วยกันมานานหลายสิบปีจะโกรธเกรี้ยวจริงๆ เสียแล้ว

    กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เหลือบมองใบหน้าแข็งทื่อของอ๋องอวี้ที่เข้าไปยืนข้างกายพระชายา ดูเหมือนเขาจะละเลยเรื่องนี้ไปไม่ได้เสียแล้ว

    “ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไต่สวนเรื่องนี้จนถึงที่สุด เข้ามา เอาทหารไม่ได้เรื่องพวกนี้ออกไป!”

    ลูกสาวคนรองของใต้เท้าจางเป็นชายารองคนหนึ่งของไท่จื่อ ดังนั้นเขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไท่จื่ออย่างแน่นอน

    ทว่าหลินเมิ้งหยากลับเงยหน้า ส่งสายตาเจ็บปวดให้กับหลงเทียนอวี้

    “ตอนแรกหม่อมฉันคิดว่าราชวงศ์จะเป็นใหญ่ในใต้หล้า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหม่อมฉันที่เป็นชายาขององค์ชายจะถูกใส่ร้าย อีกทั้งคนผิดยังได้รับการคุ้มครองจากทางการเช่นนี้ ท่านอ๋อง เซี่ยเฉินเจ็บปวดเหลือเกินเพคะ เกรงว่าแม้แต่การลอบทำร้ายไท่จื่อเองก็ต้องมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”

    คำพูดของหลินเมิ้งหยาเกินความเป็นจริงไปสักเล็กน้อย

    แต่กลับทำให้ทุกคนเล็งเห็นไปทางเดียวกันว่านอกจากไท่จื่อจะถูกลอบทำร้าย ชายาอวี้ยังถูกตรวจค้นกระโจม เวลาเพียงคืนเดียวกลับเกิดเรื่องมากมายขึ้นกับราชวงศ์

    เมื่อได้ยินคำพูดของของหลินเมิ้งหยา ใต้เท้าจางเริ่มลำบากใจ

    หากพากลับไปก็จะเป็นการดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ หากไม่พากลับไปก็ไม่รู้จะอธิบายกับไท่จื่อเช่นไร เหตุเพราะพวกเขาล้วนเป็นคนของไท่จื่อทั้งสิ้น

    ครุ่นคิดหลายตลบ ก่อนจะพบว่าขุนนางที่มาด้วยล้วนเป็นคนของไท่จื่อ

    แต่ใต้เท้าเยว่เป็นพ่อแท้ๆ ของเยว่ฉี

    ดุจฟ้าเหนือน้ำ ดูเหมือนวันนี้พวกเขาจะตกอยู่ในกำมือของชายาอวี้เสียแล้ว

    เขาเหลือบมองทหารสิบกว่าคน ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงพวกไร้ประโยชน์ เก็บเอาไว้ก็รังแต่จะสร้างปัญหา

    “เข้ามา คนพวกนี้ดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ ไร้ซึ่งความเคารพต่อพระชายาอวี้ โทษทัณฑ์ในครั้งนี้ไม่อาจให้อภัย จงนำตัวไปประหาร!”

    คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าจางจะตัดสินใจอย่างกล้าหาญเช่นนี้

    “ใต้เท้า ใต้เท้า พวกเราได้รับคำสั่งมา ท่านเป็นคนบอกว่า…อ๊าก…”

    ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าเวลาเพียงชั่วพริบตา ศีรษะของชายที่กำลังจะคายความลับออกมาจะหลุดออกจากบ่า